Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 471

ตอนที่ 471 ระเบิด

ทุกคนต่างหน้าถอดสี ต่อให้เป็นคนที่ก่อนหน้านี้กล่าวคำพูดด้อยค่าหลานหลิงอ๋องมากที่สุด ขณะนั้นก็ทำได้เพียงปล่อยให้ใจเต้นระส่ำ และพยายามปิดปากซึ่งอ้าค้างของตนอีกครั้ง!

ห้าวหาญ!

ดื้อรั้น!

บ้าคลั่ง!

หลินเยวียนจับไมโครโฟนด้วยมือทั้งสองข้าง หน้าจอด้านหลังเวทีก็สว่างขึ้น สายลมพัดกระหน่ำบนผืนดินอันรกร้าง รอยหมึกสีเข้มแต่งแต้ม ผิวน้ำเหนือทะเลสาบนิ่งสงบ พลันโหมคลั่งขึ้นทันใด

“ผืนน้ำเย้ยเยาะ!”

“เกลียวคลื่นสาดสองฝั่ง!”

“ลอยตามแรงคลื่น จดจำเพียงวันนี้!”

คลื่นซัดเข้าหาทั้งสองข้างของชายฝั่ง เล่าถึงแนวคิดเชิงศิลปะเกี่ยวกับภาพนี้ เนื้อเพลงสั้นกระชับเปี่ยมไปด้วยพลัง หน้าอกของหลินเยวียนส่งเสียงกังวานเคล้าไปกับเสียงของกลองและผีผา เสียงของเขาราวกับมีมนตร์สะกด สะท้อนและวนเวียนอยู่ในจิตใจของผู้คน!

ผู้ชมต่างตกตะลึง!

นี่มันเพลงบ้าอะไรฟระเนี่ย ทำไมถึงระเบิดพลังได้ขนาดนี้ ทั้งที่เนื้อเพลงสุดแสนจะเรียบง่าย แม้แต่เพลงประกอบก็ไม่ได้หรูหราแม้แต่นิดเดียว แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกอยากกรีดร้องออกมา!

มองไปเบื้องหน้า

ในตำแหน่งของคณะกรรมการประเมิน!

มีคนลุกขึ้นยืน!

นี่คือหลานหลิงอ๋องผู้ซึ่งกลัวดอกพิกุลร่วงอยู่ตลอดเวลาจริงหรือ นี่คือหลานหลิงอ๋องผู้ซึ่งชอบร้องเพลงสลับเสียงไปมาในเพลงบัลลาดเหล่านั้นจริงหรือ?

ผืนน้ำเย้ยเยาะ!

เมื่อเสียงของผีผาและกลองโบราณสอดแทรกเข้ามา กอปรกับเสียงของหลานหลิงอ๋อง เห็นชัดๆ ว่าไม่ได้ตะโกน แต่กลับทำให้ทั้งห้องส่งขนลุกซู่ ผู้ชมรู้สึกว่าห้วงสำนึกสั่นสะเทือน ราวกับเสียงผืนน้ำกำลังเย้ยเยาะปรากฏขึ้นในโสตประสาทจริงๆ!

อึ้งสิครับ!

อึ้งกันทั้งหมดนี่แหละ!

บางคนตะโกนออกมา!

บางคนกรีดร้อง!

อารมณ์ของทุกคนประหนึ่งเรือน้อยลอยเดี่ยวในทะเล และถูกคลื่นโหมซัด บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาเพียงแค่กรีดร้องโดยไม่รู้ตัว เพราะการแสดงอันน่าทึ่งเวทีนี้…

นี่คือยุทธภพ!

ราวกับเกลียวคลื่น ราวกับระลอกคลื่นไร้ที่สิ้นสุด แสงดาบเงากระบี่ ก่อเกิดและดับสูญ บุญคุณและความแค้น หลังจากความโกลาหลบนโลกผ่านไป เหลือเพียงรอยยิ้มอันตราตรึงในจิตใจเท่านั้น!

แต่ทว่า

ในเพลงประเภทนี้ ย่อมไม่มีเสียงด้านล่างเวทีเสียงใดที่สามารถกลบเสียงของกลองและเสียงร้องได้ และไม่อาจกลบกลิ่นอายเข้มข้นจากยุทธภพซึ่งกรุ่นกำจายบนเวทีนี้ได้เช่นกัน!

ในตำแหน่งกรรมการตัดสิน

เหมาเสวี่ยวั่งเบิกดวงตากว้าง หลิ่วซวี่อ้าปากค้างราวกับกำลังเสียอาการ อู่หลงสองมือประสานด้านหลังศีรษะอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงขับร้องและเสียงดนตรีบรรเลงสอดรับ สีหน้าของหยางจงหมิงแปรเปลี่ยนจากเคร่งขรึมเป็นตกตะลึง

อารมณ์ที่ต่อเนื่อง

ใบหน้าซึ่งถูกกล้องจับไว้เปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง และปฏิกิริยาของนักร้องแต่ละคนในห้องรับรองขณะนั้นก็เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน!

……

“สุดปัง! สุดเจ๋ง! หลานหลิงอ๋องเจ๋งสุดยอด!”

หุ่นยนต์ตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น มือพลางตบหน้าขาฉาด

ในหน้าจอบนกำแพง เสียงเพลงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับหลานหลิงอ๋องกำลังไล่ตามแสง แต่ก็แลดูราวกับว่าแสงกำลังไล่ตามเขา!

……

“น่ากลัวจริงๆ”

ลมหายใจของหงส์ขาวถี่ขึ้นเป็นครั้งแรก

ต่อให้ในเวทีที่แล้วหุ่นยนต์จะทำผลงานได้ดีแค่ไหน เธอก็ยังนับว่าสุขุม

แต่เวทีนี้เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป

ไม่เพียงเพลงดี แต่ยังขับร้องได้ดีมากอีกด้วย!

ดีถึงขั้นงดงาม!

ดีถึงขั้นยอดเยี่ยม!

ดีถึงขั้นที่เธอชักจะสงสัยขึ้นมาว่านักร้องภายใต้หน้ากากหลานหลิงอ๋องนั้นถูกสลับตัวมาหรือเปล่า!

……

ปลาปักเป้าถึงกับจนคำพูด

เธอเพียงจับจ้องร่างนั้นในหน้าจออย่างไม่ละสายตา พลันแอบรู้สึกดีใจ

โชคดีที่ฉันไม่ได้ขึ้นเวทีเป็นคนที่สอง!

ผู้ที่ขึ้นเวทีเป็นลำดับที่สองของวันนี้…

เรียกว่าถือกุญแจสู่ความตายแท้ๆ!

……

และในห้องรับรองฝั่งซ้าย

นักร้องเสริมในสัปดาห์นี้ซึ่งจับสลากได้เป็นลำดับที่สองพอดิบพอดีแทบล้มทั้งยืน

เหมือนว่าเขาจะเป็นนักร้องชาย สวมหน้ากากสิงโต เพียงแต่ในยามนี้หน้ากากสิงโตของเขาไม่ได้มีความน่าเกรงขามหลงเหลืออยู่เลย

แววตาของเขามองหน้าจอด้วยแววตาสิ้นหวัง

“ยังจะต้องแข่งอะไรอีกวะเนี่ย!”

หน้ากากนักร้องในตำนาน หนักหน่วงได้ถึงขนาดนี้เชียวเรอะ?

ไม่ล่งไม่เล่นมันแล้วโว้ย!

ใครจะแข่งก็แข่งเองเถอะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน