Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 497

สรุปบท ตอนที่ 497 คำร้องขอจากรายการ: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

สรุปตอน ตอนที่ 497 คำร้องขอจากรายการ – จากเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 497 คำร้องขอจากรายการ ของนิยายการเงินเรื่องดัง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 497 คำร้องขอจากรายการ

ใช่แล้ว

กระแสของโฮล์มส์กำลังจุดติด!

ร้านหนังสือหลายแห่งเริ่มส่งคำสั่งซื้อด่วนกับคลังหนังสือซิลเวอร์บลู!

เมื่อคำสั่งซื้อหนังสือใหม่ของฉู่ขวงเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ผู้บริหารระดับสูงของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูจึงเปิดประชุมว่าด้วยเรื่องนี้

เฉาเต๋อจื้อและหัวหน้าบรรณาธิการคนอื่นๆ นั่งด้านล่าง

บรรณาธิการบริหารและผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ นั่งด้านบน

เวลานี้ผู้บริหารระดับสูงตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร แต่ละคนยิ้มกว้างจนหน้าแดงปลั่ง

“อาจารย์ฉู่ขวงสมแล้วที่เป็นตัวท็อปของบริษัทเรา คุณไม่มีทางเห็นเขามือตก!”

“ฉันขอเสนอให้ยกระดับสัญญาของฉู่ขวงขึ้นอีก”

“เรื่องนี้รับพิจารณาอย่างแน่นอน”

“ปัญหาคือระดับสัญญาของฉู่ขวงสูงมากอยู่แล้ว”

“ตอนนี้จะมัวมาคิดเรื่องนี้ไม่ได้ สำนักพิมพ์อื่นจ้องพวกเราอย่างกับหมาป่า อยากดึงตัวฉู่ขวงไปแทบแย่ ถ้าฉู่ขวงถูกดึงตัวไป บริษัทเราคงได้กลายเป็นตัวตลกของวงการแน่ ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องที่น่าปวดใจจะไม่ใช่แค่เรื่องสัญญาอีกต่อไป”

“อืม ฉู่ขวงต้องได้รับการปูนบำเหน็จอย่างสมน้ำสมเนื้อ!”

“แต่พวกคุณอย่าเพิ่งพูดไป ครั้งนี้ผมรู้สึกผิดจริงๆ เกือบคิดว่าหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงจะขายไม่ออกแล้วซะอีก”

“…”

บรรณาธิการบริหารหลี่ว์เป่ยคลี่ยิ้มบาง “พวกคุณไม่เชื่อมั่นในตัวฉู่ขวงเอาซะเลย”

ทุกคนชะงักงัน ต่างหันไปมองหลี่ว์เป่ย

หลี่ว์เป่ยกล่าวเสียงเรียบ “ตอนนั้นเต๋อจื้อมาถามผมว่าถ้าหนังสือใหม่ของฉู่ขวงขายไม่ออกจะทำอย่างไร ผมบอกเขาว่า ตอนเด็กๆ แม่ซื้อลูกบาสให้ผม ตอนหลังผมทำพัง แม่เลยซื้อ…”

“ฉันเข้าใจแล้ว!”

ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นราวกับกำลังตื่นรู้ “คุณหมายความว่า ตราบใดที่ลูกบาสลูกใหม่กับลูกเก่าเล่นได้สนุกเหมือนกัน ก็ไม่มีปัญหา!”

หลี่ว์เป่ยเอ่ยเสียงสูง “ตามนั้นเลยครับ”

เฉาเต๋อจื้อซึ่งนั่งอยู่ด้านล่างเบิกตากว้างในฉับพลัน ทว่าทันทีที่สบตากับหลี่ว์เป่ย จู่ๆ เขาก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมา

“บ.ก.บริหารฉลาดหลักแหลมมากเลยครับ!”

ทุกคนต่างพยักหน้า “ฉลาดหลักแหลมจริงๆ!”

หลี่ว์เป่ยกระแอม “เป็นแค่ประสบการณ์น่ะครับ ผมมีข้อเสนอแนะ หัวหน้าแผนกนิทานยังไม่มีการแต่งตั้ง ผมคิดว่าควรตัดสินใจได้แล้ว ผมขอเสนอให้หลินเซวียนเป็นหัวหน้าบรรณาธิการ…”

หลี่ว์เป่ยกวาดตามองคนอื่นๆ “ใครเห็นด้วย ใครคัดค้านครับ”

“ได้นะ”

“เห็นด้วย”

“ไม่มีความเห็น”

“ผมเห็นด้วย”

ทุกคนรู้สึกว่าพลังของหลี่ว์เป่ยในเวลานี้น่าทึ่งอย่างบอกไม่ถูก

หลี่ว์เป่ยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “งั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ เต๋อจื้อก็ทำได้ดีมาก พยายามต่อไป”

ด้านล่างเวที

เฉาเต๋อจื้อยืดอกผึ่งผาย

เหล่าสยงซึ่งนั่งถัดจากเฉาเต๋อจื้อแววตาค่อนข้างขุ่นเคือง

เห็นชัดๆ ว่าฉันมาก่อน…

เฮ้อ

เหล่าสยงปวดตับจริงๆ

แผนกนิยายแฟนตาซีของเขายังคงเป็นแผนกยอดนิยมในบริษัทเฉกเช่นที่ผ่านมา

แต่เมื่อไม่มีฉู่ขวง ผลงานโดยรวมจึงลดลงไปบ้าง

ตอนนั้นเขาไม่คาดคิดว่าหลังจากส่งฉู่ขวงไปยังแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน ฉู่ขวงจะไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีก

ปัวโรต์…

โฮล์มส์…

การถือเนิดของนิยายชุดทั้งสองเรื่องติดต่อกันทำให้แผนกระดับต่ำเตี้ยเรี่ยพื้นในบริษัทอย่างแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนได้เฉิดฉาย

แม้แต่ตำแหน่งที่นั่งในการประชุมบริษัท เฉาเต๋อจื้อยังขยับเข้ามาใกล้ตนมากแล้ว

หลังจากการประชุมจบลง

ไม่นานหลังจากนั้น หลินเซวียนก็ได้รับข่าวว่าตนได้ขึ้นเป็นหัวหน้าบรรณาธิการของแผนก

“ไหนบอกว่าต้องใช้เวลาหลายเดือนในการตัดสินใจ”

“อาจเป็นเพราะคุณทำผลงานได้ดีที่สุดล่ะมั้งครับ”

“มีเหตุผล”

หลินเซวียนคลี่ยิ้มสดใส “ตราบใดที่เราทำงานด้วยความตั้งใจจริง เบื้องบนจะเห็นความพยายามและความทุ่มเทของเรา!”

……

ตกเย็น

ที่บ้าน

โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส หลินเซวียนประกาศด้วยความตื่นเต้นว่าตนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าบรรณาธิการแผนกนิทาน

โพสต์ต่อจากนั้น มีหลายคนบอกว่า ‘คิดถึงหลานหลิงอ๋อง’

หลินเยวียนอ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้งใจ

ตลอดหลายสัปดาห์ที่รายการออกอากาศ เขาไม่ใช่นักร้องซึ่งทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุด

แต่ดูเหมือนว่าเขาได้ครองพื้นที่พิเศษในใจของผู้ชม

ในตอนนั้นเอง

โทรศัพท์มือถือของหลินเยวียนดังขึ้น

ผู้ที่โทรเข้ามา ก็คือถงซูเหวินผู้กำกับรายการ

หลินเยวียนกดรับสาย

‘สวัสดีครับ’

‘ขอโทษที่รบกวนนะครับอาจารย์เซี่ยนอวี๋ ก่อนจะโทรมาหาคุณผมก็คิดไม่ตกอยู่นาน…’

‘มีเรื่องอะไรครับ’

‘ทีมงานรายการอยากเชิญคุณมาเป็นกรรมการ…’

‘สถานะของผมในรายการคือนักร้อง’ หลินเยวียนปฏิเสธ

ถงซูเหวินยิ้มขื่น “ไม่มีคุณ เรตติงรายการตกลงมาก ถึงผลลัพธ์จะดีมาก แต่นักร้องทีมที่สามอ่อนโยนกันเกินไป อีกอย่างคุณอย่าเข้าใจผิดนะครับ เราไม่ได้จะให้คุณเป็นกรรมการในฐานะเซี่ยนอวี๋ แต่จะให้รับหน้าที่กรรมการตัดสินในฐานะหลานหลิงอ๋อง พูดให้ชัดเจนคือเราหวังว่าคุณจะมาเป็นกรรมการพิเศษน่ะครับ”

หลินเยวียนอึ้งไป

กรรมการพิเศษของรายการ?

ถงซูเหวินกระแอม “ผู้ชมอยากฟังคำวิจารณ์ของคุณ ผมคิดว่าคุณสามารถมาแสดงความคิดเห็นต่อนักร้องคนอื่นๆ ในรายการได้นะครับ และเพื่อความยุติธรรม ทางรายการจะไม่นับคะแนนโหวตของคุณ แน่นอนว่าถ้าคุณต้องการร่วมโหวต…”

“ไม่ต้องครับ”

หลินเยวียนขบคิด “ผมไปเข้าร่วมได้”

ถงซูเหวินลิงโลด “ดีเหลือเกินครับที่คุณตอบตกลง!”

ถ้าหลานหลิงอ๋องเป็นนักร้องทั่วไป ถงซูเหวินคงไม่กล้ามาตามตัว

ปากคอเราะร้ายไม่เบา

แต่หลานหลิงอ๋องไม่เกรงกลัว!

เมื่อใดที่หลานหลิงอ๋องถอดหน้ากาก!

ทุกปัญหาจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!

“งั้นตกลงตามนี้นะครับ!”

ความตื่นเต้นในน้ำเสียงของถงซูเหวินใกล้ล้นทะลักอยู่รอมร่อ นักร้องทั้งหลายเอ๋ย ลองเจอลมพายุหน่อยแล้วกัน!

……………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน