ตอนที่ 6 ให้หมามาร้องก็ยังปัง
หลินเยวียนไม่รู้ถึงความหนักใจของจ้าวเจวี๋ย
หลังจากอัดเสียงเสร็จ เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่เท่าไหร่นัก เพราะเขาต้องจดจ่ออยู่กับอีกภารกิจของระบบ
[ติดยี่สิบห้าอันดับแรกของเซคในการสอบครั้งถัดไปในวิชาของสาขา]
นี่เป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการเรียน คะแนนสอบสำคัญมาก ดังนั้นตั้งแต่วิชาแรกของวันที่สองเริ่มต้นขึ้น หลินเยวียนก็เปิดใช้งาน ‘โหมดเด็กเรียน’ อย่างเป็นทางการ
การเรียนทำให้ฉันมีความสุข
โดยทั่วไป การสอบของสาขาจะใช้รูปแบบข้อสอบเขียนทั้งหมด ความรู้ส่วนใหญ่ในนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ต้องท่องจำ ดังนั้นหลินเยวียนนอกจากจะตั้งใจจดเลกเชอร์ในชั้นเรียนแล้ว ในช่วงเวลาพักหลังเลิกเรียน เขาก็ยังง่วนอยู่กับหนังสือเรียนของตน
ทฤษฎีการประพันธ์บทเพลงนั้นมีตั้งเยอะแยะ
อ่านทวนไปมาอยู่หลายครั้ง ในสมองของหลินเยวียนก็คล้ายกับจะเต็มไปด้วยความรู้เฉพาะทางอย่างพวก ‘การสอดทำนองและฟิวก์’ ‘คำอธิบายว่าด้วยเสียงประสาน’ ‘เทคนิคการประพันธ์ดนตรีสมัยใหม่’ รวมไปถึง ‘ทางดนตรีออร์เคสตรา’
แต่ว่าอย่าเพิ่งพูดไป
ใช้ชีวิตแบบนี้ติดต่อกันหลายวัน หลินเยวียนไม่ได้รู้สึกห่อเหี่ยวเลย แต่กลับรู้สึกว่าตนเองใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน
ตกเย็น
เรียนจนเหนื่อยเหลือทน เขาจึงเรียกซย่าฝานกับเจี่ยนอี้ไปเดินเล่นที่สนามกีฬา ตากลมยามเย็นพลางพูดคุยกัน รู้สึกผ่อนคลายดีจริงๆ
ขณะกำลังเดินอยู่ในสนาม
จู่ๆ โทรศัพท์หลินเยวียนก็สั่น
เขาหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นข้อความข้อความหนึ่ง ในนั้นเขียนว่า ‘‘ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่’ จะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ สตาร์ไลท์ร่วมเดินไปพร้อมคุณ!’
ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่?
หลินเยวียนตกใจ “วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือนตุลาเหรอ? พรุ่งนี้ก็พฤศจิกาแล้ว?”
เอาเถอะ
เพื่อให้ภารกิจระบบสำเร็จ จะได้เปิดกล่องสมบัติทองแดงได้อีกใบ พักนี้เขาเรียนหนักเกินไป ถึงกับลืมเรื่องฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ไปสนิท
“พูดให้ชัดก็คือ”
เจี่ยนอี้พูด “หลังจากเที่ยงคืนนี้ผ่านไป ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่แห่งวงการเพลงที่มีเพียงปีละหนึ่งครั้งก็จะเริ่มต้น ขึ้นแล้ว!”
อาจเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับสาขาเฉพาะทางของตน
ซย่าฝานจึงพูดเสริมจุดสำคัญอย่างตื่นเต้น “ช่วงนี้คนในคณะดนตรีพูดถึงเรื่องนี้กันตลอด โดยเฉพาะสาขาการขับร้อง แม้แต่อาจารย์ของพวกเขาก็พูดเรื่องนี้ในคลาส เพราะปีนี้รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วจากสาขาการขับร้องของพวกเราจะได้เดบิวต์ในฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่แล้ว ซุนเย่าหั่วยังติดต่อมาถึงคณะด้วยตนเอง หวังว่าพอถึงตอนนั้นรุ่นน้องในคณะจะโหวตให้เขาติดอันดับ…รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วนี่นายน่าจะคุ้นอยู่บ้างใช่ไหม เมื่อก่อนตอนที่นายยังไม่ได้ย้ายสาขา พวกเรายังเคยร่วมงานกันด้วย”
หลินเยวียนเผยสีหน้าประหลาด “ก็คุ้นอยู่นะ”
เพื่อที่จะทำเพลงอย่างเงียบเชียบไม่ประเจิดประเจ้อ หลินเยวียนขอร้องซุนเย่าหั่วว่าอย่าบอกคนอื่นว่าที่จริงแล้วตนเป็นคนแต่งเนื้อร้องและทำนอง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’
ตอนนี้ดูแล้ว ซุนเย่าหั่วก็ไม่ได้แฉตนจริงๆ
หืม?
เจี่ยนอี้หันไปเหลือบมองหลินเยวียน รู้สึกว่าสีหน้าของหลินเยวียนแปลกชอบกล
จากนั้นเขาจึงสบตากับซย่าฝาน ต่างคนต่างก็พอจะกระจ่างขึ้นมา
ทั้งสองจำได้ว่าก่อนหน้านี้หลินเยวียนเคยใช้วิธี ‘เพื่อนสมมติ’ ถามพวกเขาว่าจะปล่อยเพลงใหม่อย่างไร ซย่าฝานยังแนะนำว่าให้เขาไปหาผู้จัดการของบริษัท เพื่อสมัครฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ของปีนี้…
ตอนนี้เห็นทีหลินเยวียนคงผิดหวังซะแล้ว
จะว่าไปก็ไม่แปลก การเข้าร่วมฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่นั้นมีมาตรฐานสูงขนาดไหน แม้ว่าหลินเยวียนจะมีพรสวรรค์ด้านการขับร้องเต็มเปี่ยม ทว่าคอของเขาอยู่ในสภาพใช้งานไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ในด้านการประพันธ์เพลง เขาก็ไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรอยู่ดี
นอกจากนั้นแล้ว ถ้าหากมีความมั่นใจในตัวเอง เขาคงไม่ใช้ ‘เพื่อนสมมติ’ หรอก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองจึงตัดสินใจตรงกันว่าคืนนี้ไม่พูดถึงเรื่องนี้จะดีกว่า เพื่อไม่ให้หลินเยวียนเสียใจ
หลินเยวียนไม่รู้ความคิดของเพื่อนสนิททั้งสอง
ในตอนนั้นเขาโชคดีอยู่บ้างที่เพื่อนสนิททั้งสองไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงเรื่องฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ ถึงอย่างไรเขาก็ทำใจโกหกคนสนิทไม่ลง
ทั้งสามต่างคนต่างกลับหอพักของตนไปพร้อมกับความคิดที่ไปคนละทิศละทาง
……
ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่เริ่มต้นขึ้นในเวลาเที่ยงคืนของวันที่หนึ่งเดือนพฤศจิกายน คนที่อดหลับอดนอนเพื่อการนี้มีนับไม่ถ้วน ทว่าช่วงนี้หลินเยวียนจิตใจจดจ่ออยู่กับการเรียนจนเหนื่อยล้า มิหนำซ้ำยังเป็นเพราะสภาพร่างกายไม่สู้ดี เขาจึงรอถึงเที่ยงคืนไม่ไหว
สี่ทุ่มเขาก็เข้านอนแล้ว
แต่หลินเยวียนรอไม่ถึงเที่ยงคืน ก็ย่อมมีคนที่รอถึง
ตัวอย่างเช่นเหล่านกฮูกกลางคืนที่ชอบฟังเพลงเล่นโทรศัพท์กลางดึก
จางเฉินนักศึกษาปีสองของวิทยาลัยศิลปะฉินโจวก็เป็นหนึ่งในนกฮูกกลางคืน
เวลาเที่ยงคืนตรง จางเฉินสวมหูฟังที่ดีที่สุดของตน เปิดแอปพลิเคชันฟังเพลง ‘คลาวด์ซีมิวสิก’ ซึ่งใช้อยู่เป็นประจำ เตรียมฟังว่าฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ปีนี้มีเพลงใหม่เพลงไหนควรค่าแก่การเฉิดฉายบ้าง
“หวังว่าปีนี้จะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ”
ในฐานะนักศึกษาคณะดนตรี จางเฉินเป็นผู้มีใจรักเสียงเพลง ลำพังแค่หูฟัง เขาก็มีตั้งสี่อันแล้ว ราคาแตกต่างกันไปตั้งแต่หนึ่งพันห้าร้อยถึงหนึ่งหมื่นหยวน ทั้งหมดล้วนซื้อด้วยเงินที่เขาได้จากการทำงานพิเศษ
กดเปิดเพลงแนะนำหน้าแรก
จางเฉินเริ่มฟังทีละเพลงๆ
พูดตามตรงว่าเพลงแนะนำในหน้าแรกล้วนไม่เลว ถึงอย่างไรก็เป็นเพลงใหม่นักร้องใหม่ที่บริษัทใหญ่ต่างก็ดันสุดแรงเกิด รับประกันคุณภาพได้ ไม่อย่างนั้นก็ทำได้แค่เปลืองทรัพยากรไปโดยสูญเปล่า
แต่ปัญหาก็คือ…
เพลงเหล่านี้ล้วนหยุดอยู่ที่ระดับไม่เลว
หูของผู้มีใจรักในเสียงเพลงอย่างจางเฉินนั้นแสนจะมากความ เพลงธรรมดาๆ น่ะ ฟังไปก็ไม่เข้าหูเขาหรอก
ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากฟังมายี่สิบสองเพลงติดต่อกัน มีแค่สามเพลงที่จางเฉินเพิ่มลงไปในเพลย์ลิสต์สำรองของตน
บัญชีผู้ใช้ของจางเฉินนั้นสร้างมาสิบปีแล้ว
ในบัญชีนี้มีทั้งหมดสองเพลย์ลิสต์
ด้านบนเป็นเพลย์ลิสต์เก็บรักษา ด้านล่างเป็นเพลย์ลิสต์สำรอง
เพลย์ลิสต์เก็บรักษามีทั้งหมดสิบสองเพลง สิบปีเพิ่งสะสมได้สิบสองเพลง ทุกเพลงล้วนเป็นผลงานสุดคลาสสิกในดวงใจของจางเฉิน ชั่วชีวิตนี้เขาอาจไม่ลบทิ้งเลยก็ได้ หนำซ้ำยังคอยเปิดฟังเป็นระยะๆ ด้วย
ให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งเคยฟังครั้งแรก
ส่วนเพลงในเพลย์ลิสต์สำรองมีมากแล้ว อีกทั้งยังเปลี่ยนเพลงค่อนข้างบ่อย จัดอยู่ในหมวดหมู่เพลงที่จางเฉินชื่นชอบเพียงประเดี๋ยวประด๋าว แต่เพลงเหล่านี้ฟังบ่อยแล้วก็รู้สึกเบื่อ เบื่อแล้วก็เตะออกจากเพลย์ลิสต์สำรองอะไรเทือกนั้น
เขาฟังต่ออีกหลายเพลง
จางเฉินเริ่มเหนื่อยแล้ว
เขาอ้าปากหาววอด ตอนที่เตรียมตัวเข้านอน จู่ๆ ก็ถูกข้อความแนะนำของเพลงใหม่ซึ่งผ่านมาเพียงแวบเดียวดึงดูดความสนใจ ข้อความแนะนำเขียนไว้หนึ่งบรรทัดว่า
‘ให้ชีวิตตระการตาดั่งมวลผกายามคิมหันต์ ครั้นวายชีวันงามดั่งหมู่ใบไม้ในสารทฤดู’
ต้องบอกเลยว่าประโยคนี้สวยมาก
สวยจนจางเฉินถึงขั้นอดใจไม่อยู่ต้องคลิกลิงค์เข้าไปฟังเพลง
เขากลัวว่าเพลงจะคุณภาพไม่ดี จนทำลายความหมายของข้อความแนะนำท่อนนี้
แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังคลิกเพลงที่ชื่อว่า ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’
เป็นเพราะเขาสงสัยว่าสรุปแล้วบทเพลงซึ่งอยู่เบื้องหลังข้อความนี้ร้องว่าอย่างไรกันแน่
บทเพลงเริ่มบรรเลงทันใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน