Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 629

หลี่เจิ้งฮุยอ่านตำนานหงอคงต่อไปด้วยความคิดเชิงตำหนิ

ส่วนที่เหลือของบทแรกยังคงกวนประสาทดังเดิม

กล่าวให้ชัดควรจะเป็น…

ไร้แก่นสารมาก

แปลกประหลาดเหลือเกิน

เหมือนละครตลกฉากหนึ่ง

อาจารย์และลูกศิษย์ไม่มีใครพูดคุยกันได้อย่างจริงจัง แม้แต่ปีศาจก็ยังพูดจาพิลึก จับใจความไม่ค่อยได้

“แปลกมาก”

หลี่เจิ้งฮุยขมวดคิ้วมุ่น

เขากำลังจะหมดความอดทนแล้ว

ทว่าในนั้นมีบทสนทนาระหว่างปีศาจต้นไม้และภิกษุถัง “ไม่อยากตาย แต่ก็ไม่อยากใช้ชีวิตโดยลำพัง”

ลึกลับจริงๆ

จู่ๆ ประโยคซึ่งมีกลิ่นอายของวรรณกรรมก็โผล่มาในการเล่าเรื่องราวซึ่งไม่จริงจังประหนึ่งมุกตลก ทำให้ความงามเชิงศิลปะของนิยายเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมาบ้าง?

อย่างไรก็ตาม หลี่เจิ้งฮุยไม่คิดว่านิยายเรื่องนี้มีความงามเชิงศิลปะอะไร

เขามีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าผู้เขียนอาจไปคัดลอกประโยคนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง

และขณะที่ความอดทนของหลี่เจิ้งฮุยกำลังจะหมดลง ก็มีอีกบทสนทนาหนึ่งซึ่งดึงดูดความสนใจของหลี่เจิ้งฮุย

ภิกษุถังกล่าวกับปีศาจสาว “การฝึกฝนของข้านั้นต่างจากการฝึกฝนของผู้อื่น พวกเขาฝึกฝนหินยาน ข้าฝึกฝนมหายาน พวกเขาฝึกฝนความว่างเปล่า ส่วนข้าฝึกฝนความสมบูรณ์แบบ”

หลี่เจิ้งฮุยสะดุ้งโหยง

เขาเกิดความรู้สึกแปลกชอบกล

ภิกษุถังในต้นฉบับจะไม่มีทางพูดเช่นนี้ ถึงแม้คำพูดเช่นนี้จะคล้ายกับการอุปมาโต้แย้งกันระหว่างแนวทางการฝึกฝนทางศาสนาก็ตาม

ทว่าคำตอบของปีศาจสาวกลับแปลกยิ่งกว่า

“ข้าได้ยินเพียงว่าภิกษุนามว่าจินฉานจื่อคลางแคลงในนิกายหินยาน และต้องการบรรลุมรรคผลด้วยตนเอง ปรากฏว่าธาตุไฟเข้าแทรก และติดอยู่ในความทุกข์ยากอันใหญ่หลวง”

จินฉานจื่อ

ผู้ที่คุ้นเคยกับบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศอย่างหลี่เจิ้งฮุยย่อมรู้ว่าจินฉานจื่อคืออดีตชาติของภิกษุถัง

บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศต้นฉบับกล่าวไว้ว่าจินฉานจื่อถูกพระยูไลเนรเทศไปยังโลกโลกีย์เพื่อเดินทางไปยังประจิมทิศเพื่อชำระบาป เนื่องจากดูหมิ่นพระไตรปิฎก และไม่ฟังคำเทศนาของพระยูไล

พล็อตเรื่องนี้เป็นประเด็นถกเถียงมากมาย

ทุกคนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา

ศิษย์คนที่สองของพระยูไลอย่างจินฉานจื่อถูกส่งไปยังโลกมนุษย์เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกยังประจิมทิศ​ เพียงเพราะไม่ฟังคำเทศนาเนี่ยนะ?

เหตุผลออกจะสุกเอาเผากินเกินไปหรือเปล่า?

ด้วยเหตุนี้ การตีความบางส่วนจึงเชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างจินฉานจื่อและพระยูไลนั้นไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่ไม่ฟังคำเทศนา

ทุกคนคาดเดาไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับเหตุผลที่แท้จริง ทว่ามีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย

และเรื่องตำนานหงอคงโดยอี้อันตรงหน้านี้ คล้ายกับว่าจะเสนอความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง

จินฉานจื่อถูกพระยูไลส่งไปยังโลกมนุษย์​ ก็เพราะทั้งสองมีแนวคิดพื้นฐานทางพุทธศาสนาที่แตกต่างกัน

ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างพุทธศาสนามหายานกับพุทธศาสนาหินยาน

น่าสนใจมากทีเดียว!

แนวคิดในการตีความความขัดแย้งของจินฉานจื่อและพระยูไลในสถานการณ์ความเป็นจริงของพุทธศาสนาทำให้หลี่เจิ้งฮุยดวงตาเป็นประกาย!

ติดตลกก็ส่วนติดตลก

ไร้แก่นสารก็ส่วนไร้แก่นสาร

ดูท่านักเขียนคนนี้ก็มีความคิดเหมือนกันแฮะ

ในที่สุดหลี่เจิ้งฮุยจึงเกิดสนใจในแฟนฟิกชันบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศที่พิเศษเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง

อ่านต่อไป

ซุนหงอคงมาช่วยภิกษุถังในท้ายที่สุด ทว่าสิ่งที่หลี่เจิ้งฮุยนึกไม่ถึงก็คือ ปีศาจสาวก็รู้จักซุนหงอคง ทั้งยังคล้ายกับว่าเคยมีปฏิสัมพันธ์กับซุนหงอคงมาก่อน!

ซุนหงอคงกลับไม่รู้จักอีกฝ่าย

เขาบอกว่าเดิมทีตนเองเป็นปีศาจวานรอยู่ที่เขาฮวากั่ว จึงถูกส่งไปลงโทษยังหุบเขาห้านรกฐานไม่เคารพเง็กเซียนฮ่องเต้ ถูกขังอยู่ห้าร้อยปี ภายหลังเง็กเซียนฮ่องเต้เมตตา กล่าวว่าขอเพียงซุนหงอคงทำเรื่องสามเรื่องสำเร็จ จะสามารถสั่งสมบุญ และชำระบาปในอดีตได้ เขายังเอ่ยถึงสองเรื่องแรกในสามเรื่องไว้ว่า “เรื่องแรกคือข้าต้องอารักขาเจ้าหัวโล้นนี่ไปยังประจิมทิศ เรื่องที่สองคือข้าต้องสัง หารราชาปีศาจสี่ตน แบ่งเป็นราชาปีศาจวัวผิงเทียนต้าเซิ่งแห่งซีเฮ่อหนิวโจว ราชาปีศาจนกฮุ่นเทียนต้าเซิ่งแห่งเป่ยจวี้หลูโจว ราชาลิงเสนทงเทียนต้าเซิ่งแห่งหนานจานปู้โจว และพญาวานรโสภาฉีเทียนต้าเซิ่งแห่งตงเซิ่งเสินโจว…”

หลี่เจิ้งฮุยตกตะลึง…!

ผู้ที่เคยอ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศต่างรู้ว่าซุนหงอคงผ่านอะไรมาบ้านก่อนไปอัญเชิญพระไตรปิฎก

ซุนหงอคงคนนี้มีปัญหาด้านความทรงจำ!

เขาเรียกหุบเขาห้านิ้วเป็นหุบเขาห้านรกยังพอทำเนา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน