หลินเยวียนร้องเพลงที่ 11 จบ
ณ จุดนี้ คอนเสิร์ตดำเนินไปได้ประมาณเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น แต่ผู้ชมในคอนเสิร์ตได้สัมผัสถึงอารมณ์ของเพลงต่างๆ แล้ว
ประหลาดใจจนต้องกรี๊ด!
ตกตะลึงจนเสียงหาย!
ดีใจจนระเบิดหัวเราะ!
เจ็บปวดจนเสียน้ำตา!
มองดูแฟนคลับนับไม่ถ้วน
หลินเยวียนเอ่ย
“ต่อไปเป็นช่วงแฟนคลับขอเพลง ผมจะสุ่มเลือกผู้ชมในการแสดงสด พวกคุณอยากฟังเพลงอะไร”
จ้อกแจ้กๆ !
ผู้ชมด้านล่างเวทีตื่นเต้นขึ้นมาในฉับพลัน เสียงดังอื้ออึงมากมายดังขึ้น!
อยากขอเพลงอะไรก็มีหมด
ทุกคนต่างมีเพลงที่ตนเองชื่นชอบ
“ใช่แล้ว”
ท่ามกลางเสียงของผู้ชม
หลินเยวียนเอ่ย “เพลงเมื่อครู่ออกจะเศร้าอยู่บ้าง ที่จริงผมยังหวังว่าหลังจากนี้แฟนเพลงจะเลือกเพลงที่ไม่เศร้ามาก เดี๋ยวผมจะสุ่มเลือกนะครับ ผู้ชมฝั่งตะวันตก แถวที่สอง ที่นั่งหมายเลขหกครับ…”
ถงซูเหวินเตือนไว้แล้ว
ว่าในช่วงนี้ให้หลินเยวียนพยายามเลือกผู้ชมแถวหน้าสักหน่อย
เหตุผลสำคัญคือผู้ชมในแถวหน้าสามารถรับไมโครโฟนได้สะดวกกว่า
หลังจากที่เสียงของหลินเยวียนดังขึ้น ผู้ชมต่างหันไปมองทางฝั่งตะวันตก
อัฒจันทร์ฝั่งตะวันตก
โจวเมิ่งตกตะลึง ฉวยมือคว้าบัตรตอนเสิร์ตสองใบในกระเป๋าของตนออกมา
ทันใดนั้น เธอก็กรี๊ดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น มือพลางผลักแฟนหนุ่มซึ่งสติยังไม่ทันได้ออกมาจากเพลงก่อนหน้านี้
“ที่รัก ผู้โชคดีที่อาจารย์เซี่ยนอวี๋เรียกคือนาย นายขอเพลงได้!”
โจวอวี่ตกตะลึง
ขอเพลงจากอาจารย์เซี่ยนอวี๋
เขานึกไม่ถึงว่าตนจะมีโอกาสเช่นนี้ และเขากังวลมากจนพูดไม่ออก!
เจ้าหน้าที่เดินนำไมโครโฟนไปหาแล้ว
“สวัสดีครับ”
หลินเยวียนเอ่ยทักทาย
หวังอวี่ตั้งสติ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างตกประหม่า “สวัสดีครับอาจารย์เซี่ยนอวี๋ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมนะครับ ผมอยากขอเพลงเพลงหนึ่งมอบให้แฟนของผม พวกเราคบกันมาสองปีแล้ว…”
จะมาแสดงความรักในคอนเสิร์ตหรือ?
ผู้ชมในคอนเสิร์ตถูกอวดความรักใส่ในฉับพลัน
ผู้ชมซึ่งมาพร้อมกับคู่รักต่างพากันอิจฉา
มีหญิงสาวบางคนมองแฟนหนุ่มด้วยความคาดหวัง “ถ้าคุณมีโอกาสเลือกเพลง คุณจะขอเพลงให้ฉันไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
บรรดาแฟนหนุ่มใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่
หวังอวี่ซึ่งหยิบไมโครโฟนขึ้นมา มองไปทางโจวเมิ่ง พลางเอ่ยถามทันใด “เธออยากฟังเพลงอะไร”
หวังอวี่มองไปยังโจวเมิ่ง
โจวเมิ่งปิดปาก ดวงตาแดงเล็กร้อย ทว่ามุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มหวาน
เธอพูดใส่ไมโครโฟน “ที่จริงฉันอยากฟังเพลงดาดฟ้า ฉันกับเขาร้องด้วยกันในคาราโอเกะ แต่ก่อนหน้านี้อาจารย์เซี่ยนอวี๋ร้องเพลงนี้ไปแล้ว…”
“ไม่เป็นไรครับ”
หลินเยวียนซึ่งอยู่บนเวทีพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ผมรู้แล้วว่าจะร้องเพลงอะไร”
หลินเยวียนเตรียมเพลงไว้มากมายสำหรับช่วงขอเพลง แค่เพลงซึ่งมอบให้คนรัก แน่นอนว่าไม่ได้คณามือเขา
สีหน้าของผู้ชมเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
ส่วนซุนเย่าหั่วและคนอื่นๆ ซึ่งอยู่แล้วหน้ากลับรู้สึกสงสัย
เวลานั้นสั้นมากจนไม่มีใครนึกออกว่ามีเพลงไหนของเซี่ยนอวี๋ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของเขา
เพลงส่วนมากของเซี่ยนอวี๋ล้วนเป็นเพลงบัลลาดซึ่งค่อนข้างโศกเศร้า
เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสมที่จะร้องที่นี่
จนกระทั่งมีทำนองสนุกสนานซึ่งไม่คุ้นหูดังขึ้น!
“เพลงใหม่!?”
แววตาของเจิ้งจิ้งเป็นประกาย!
หยางจงหมิงมีสีหน้าประหลาดใจ!
โจวเมิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากจนกอดแขนแฟนหนุ่มอีกครั้ง!
ในฐานะแฟนตัวยงของเซี่ยนอวี๋ ทันทีที่ได้ยิน เธอก็รู้ทันทีว่านี่น่าจะเป็นเพลงใหม่ ไม่เช่นนั้นเธอไม่มีทางไม่คุ้นเคยเช่นนี้!
พรึบ!
บนหน้าจอบนเวทีปรากฏชื่อขอเพลง และเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมทั้งคอนเสิร์ตได้!
คู่รักในหมู่ผู้ชมยิ่งกอดกันแน่น!
เพลงนี้มีชื่อเพลงว่า ‘ลูกโป่งสารภาพรัก’!
เพลงใหม่ เป็นเพลงใหม่อีกแล้ว!
ดนตรีหยุดลง
เสียงของหลินเยวียนดังขึ้น
“จิบกาแฟริมแม่น้ำแซนฝั่งซ้าย
ถ้วยกาแฟดื่มด่ำในความงามของเธอ
ริมฝีปากทิ้งรอยประทับ
กุหลาบในร้านดอกไม้ เขียนชื่อใครผิดไว้
ลูกโป่งของความในใจ ถูกพัดไปอีกฝั่งถนน
รอยยิ้มโบยบินบนฟากฟ้าไกล…”
เพราะมาก!
นี่คือความคิดแรกของผู้ชม!
เป็นเพลงใหม่เหมือนกัน เพลงหนึ่งให้ความรู้สึกเจ็บปวดและจนใจ อีกเพลงหนึ่งกลับหวานซึ้งเปี่ยมความสุข แต่จุดร่วมที่มีเหมือนกันคือความติดหู!
ท่ามกลางเสียงเพลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน