Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 70

สรุปบท ตอนที่ 70 ชมรมจิตรกรรม: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

สรุปตอน ตอนที่ 70 ชมรมจิตรกรรม – จากเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 70 ชมรมจิตรกรรม ของนิยายการเงินเรื่องดัง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 70 ชมรมจิตรกรรม

หลายวันต่อมา ในช่วงเวลาว่างจากการเรียน หลินเยวียนก็เสาะหาช่องทางในการสะสมค่าความโด่งดังมาตลอด

อย่างแรกคือข้ามเรื่องนิทรรศการภาพวาดไปก่อน

จัดนิทรรศการภาพวาดต้องมีสปอนเซอร์ ศิลปินตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทั้งผลงานและชื่อเสียงอย่างหลินเยวียนไม่มีทางมีคนโง่เง่าที่ไหนมาสปอนเซอร์ให้หรอก

ส่วนเรื่องออกเงินเองน่ะเหรอ

ชั่วชีวิตนี้หลินเยวียนไม่มีทางจ่ายเงินจัดนิทรรศการภาพวาดเองแน่

อย่างที่สองหาคนมาพาไป ถ้ามีจิตรกรชื่อดังมาพาเข้าวงการก็จะลดความยุ่งยากไปได้มาก ทว่าหลินเยวียนไม่รู้จักจิตรกรแบบนี้เลย

นอกจากสองช่องทางนี้แล้ว วิธีการที่หลินเยวียนนึกออกก็คือ

เก็บค่าความโด่งดังจากนักศึกษาวิทยาลัยศิลปะฉินโจวก่อน

วิทยาลัยศิลปะฉินโจวใหญ่ซะขนาดนี้ ไม่แน่ว่าอาจได้ค่าความโด่งดังมายืนพื้นไว้สักหนึ่งพัน ฉะนั้นดูก่อนดีกว่าว่าในวิทยาลัยมีที่ไหนที่สามารถเก็บค่าความโด่งดังได้บ้าง

หลังจากหลินเยวียนตรวจสอบดูแล้วก็พบว่า ในวิทยาลัยมีพวกชมรมจิตรกรรมอะไรทำนองนี้ด้วย

เมื่อเข้าชมรมจิตรกรรม อาจได้รับโอกาสกอบโกยค่าความโด่งดังก็เป็นได้ ถึงอย่างไรสิ่งที่สถานศึกษาอย่างวิทยาลัยศิลปะฉินโจวไม่เคยขาดแคลนก็คือกิจกรรมชมรมต่างๆ

ชมรมประเภทกีฬาก็จะมีชมรมบาสเกตบอล ชมรมฟุตบอล ไปจนถึงชมรมสตรีทแดนซ์เป็นต้น

ประเภทศิลปะก็มีชมรมเปียโน ชมรมจิตรกรรม ชมรมเขียนพู่กัน ชมรมโคลงกลอนเป็นต้น

ชมรมเหล่านี้มีขนาดใหญ่ เพราะวิทยาลัยศิลปะฉินโจวเองก็เป็นสถานศึกษาด้านศิลปะ และมีสาขาที่เกี่ยวข้อง

แต่ถึงอย่างนั้นหลินเยวียนก็เป็นนักศึกษาคณะดนตรี และไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคณะอื่น คนนอกคณะดนตรีเพียงคนเดียวที่คุ้นเคยก็คือเจี่ยนอี้ แถมยังเป็นนักศึกสาขาศิลปะการแสดง ไม่ได้เฉียดเข้าไปใกล้จิตรกรรมเทือกนี้เลย

ช่วยไม่ได้

เขาทำได้แค่ดุ่มเข้าไปหาถึงที่ ส่งใบสมัครชมรมในออฟฟิศชมรมจิตรกรรม

“มีพื้นฐานวาดรูปมั้ย”

ชมรมขนาดใหญ่ของวิทยาลัยจะได้รับการสนับสนุนจากทางวิทยาลัย มีออฟฟิศให้ใช้งานโดยเฉพาะ ปกติแล้วจะมีสมาชิกในชมรมประจำอยู่ รูปแบบก็คล้ายกับองค์การนักศึกษา

หลังจากหลินเยวียนอธิบายเหตุผลที่มาอย่างชัดเจน ก็ถูกถามขึ้นมาอย่างที่คาดไว้

“มีครับ”

หลินเยวียนตอบอย่างฉะฉาน

อีกฝ่ายอ่านข้อมูลของหลินเยวียนครู่หนึ่ง “นายเป็นนักศึกษาคณะดนตรีนี่นา ชมรมเราส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์…”

“จำกัดคณะเหรอครับ”

“ก็ไม่ได้จำกัดอะไรหรอก เพียงแต่ถ้านายไม่มีข้อได้เปรียบด้านความรู้เฉพาะทาง ชมรมนี้อาจไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่น่ะ ถึงยังไงในชมรมเราก็มีตัวท็อปสาขาจิตรกรรมอยู่เยอะเลย ปกติก็จะประสานงานกับข้างนอก จัดกิจกรรมพวกนิทรรศการผลงานของนักศึกษา งานพวกนี้จำกัดจำนวน นายแน่ใจใช่มั้ยว่าอยากเข้า”

นิทรรศการผลงาน

หลินเยวียนแววตาเป็นประกาย “ผมอยากเข้า”

อีกฝ่ายหัวเราะด้วยความพอใจ “งั้นนายก็กรอกแบบฟอร์มเถอะ ทางที่ดีกรอกเวลาเรียนของตัวเองลงไปด้วย พวกเราจะพิจารณาว่าจะเรียกนายไปร่วมกิจกรรมด้วยมั้ยจากเวลาของนาย”

เจตนาของเขาไม่ใช่โน้มน้าวให้หลินเยวียนล่าถอย!

ชมรมของวิทยาลัยอยากให้นักศึกษาเข้าร่วมเยอะๆ เพราะยิ่งจำนวนสมาชิกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหมายความว่าเป็นชมรมใหญ่ ทุกชมรมหวังให้ชมรมของตนเป็นชมรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในวิทยาลัย ดังนั้นเมื่อเห็นว่ามีคนสมัครเข้าชมรมจิตรกรรม พวกเขาก็ทำได้เพียงอ้าแขนรับด้วยความยินดี

นอกจากนั้นเด็กใหม่ไม่มีทางตกใจกับคำพูดของตนหรอก!

เพราะเมื่อเด็กใหม่ส่วนมากได้ยินว่าชมรมมีนิทรรศการผลงาน ก็มักจะตื่นเต้นดีใจอย่างห้ามไม่อยู่ ต่อให้เด็กใหม่บางคนไม่มีโอกาสส่งผลงานของตนไปจัดนิทรรศการเสียด้วยซ้ำ

กรอกข้อมูลสมัครเข้าชมรมเสร็จแล้ว

อีกฝ่ายประทับตราลงไปอย่างเร็วรี่โดยที่ไม่เหลือบมองแม้แต่น้อย คล้ายกลับว่ากลัวหลินเยวียนจะเปลี่ยนใจ “มี

เรื่องหนึ่งลืมบอกกับนายไป หลังจากที่เข้าชมรมแล้วก็อย่าลืมหาเวลามาร่วมกิจกรรมของชมรมให้มากหน่อยนะ ถ้าขาดกิจกรรมหลายครั้ง ชมรมเราก็จะตัดชื่อออก เพราะงั้นเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้นักศึกษาบางคนแค่อยากเข้าชมรมเราเพราะความสนใจแค่ช่วงสั้นๆ ผ่านไปหน่อยก็บอกว่าชมรมเรายุ่งยากมากความ เลยมีหลายเรื่องที่พวกเราต้องพูดให้ชัดเจนเอาไว้ล่วงหน้า”

แล้วนี่มันเรียกว่าลืมบอกตรงไหนกัน

เห็นได้ชัดว่ากลัวว่าหลินเยวียนฟังจบแล้วจะขวัญหนีดีฝ่อ ก็เลยให้หลินเยวียนกรอกใบสมัครก่อน จากนั้นค่อยแนะนำ

“ไม่มีปัญหาครับ”

วิชาเรียนของสาขาการประพันธ์เพลงไม่ได้หนัก เวลานอกเหนือจากการเรียนนั้นมีถมไป ฉะนั้นหลินเยวียนจึงรับปากไปอย่างสบายอารมณ์ จะว่าไปเรื่องอย่างการเข้าชมรมก็เหมือนจะง่ายกว่าที่เขาจินตนาการไว้อีกแฮะ

……

หลังจากกรอกใบสมัครเสร็จ นักศึกษาคนที่ปั๊มตราประทับให้หลินเยวียนก็ลุกขึ้นยืน “มีเวลามั้ย ฉันจะพานายไปดูพื้นที่ทำกิจกรรมของชมรมเราสักหน่อยน่ะ”

“ได้ครับ”

หลินเยวียนเดินตามอีกฝ่ายไป ไม่นานก็มาถึงหน้าอาคารหลังใหญ่แห่งหนึ่ง “อาคารนี้มีอยู่หลายชมรม ชมรมจิตรกรรมเราอยู่ชั้นหนึ่ง”

เมื่อเดินเข้าไปในอาคาร

จงอวี๋ไม่สบอารมณ์ วางมือจากภาพวาด จ้องมองหลินเยวียนพลางเอ่ยด้วยความโมโห “เฮ้ย จะให้เอาดินสอให้นาย แล้วนายมาวาดมั้ยล่ะ”

“ก็ได้”

หลินเยวียนพูด “วาดเสร็จคุณช่วยยกเท้าขึ้นด้วยนะครับ”

จงอวี๋ “…”

รุ่นน้องคนนี้จริงจังเหรอเนี่ย ฟังไม่ออกเหรอว่าฉันโกรธ

หลินเยวียนกลับไม่ได้คิดมาก เพราะเขากำลังรีบร้อนกวาดพื้นที่ที่เหลืออยู่ ฉะนั้นจึงหยิบดินสอด้านข้างขึ้นมาขีดๆ เขียนๆ เป็นภาพ

รุ่นพี่คนนี้ร่างโครงภาพไว้แล้ว

ถึงแม้ว่าโครงภาพที่อีกฝ่ายร่างจะไม่ได้ดีมากก็เถอะ

จากนั้นเป็นการลงรายละเอียด

‘ดวงตาไม่ได้สัดส่วน…เส้นผมหนาเกินไป…ส่วนเงาที่จมูกเข้มเกินไป…’

หลินเยวียนมองผลงานซึ่งรุ่นพี่ทำไว้ครึ่งๆ กลางๆ ในสมองแทบจะมีแต่จุดบกพร่อง ถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะมองไม่ออก แต่จุดบกพร่องเหล่านี้กลับเด่นชัดขึ้นมาไม่รู้กี่เท่าเมื่ออยู่ในสายตาของหลินเยวียน

เขาหยิบยางลบออกมา ลบทิ้งออกไปสองในสามส่วน ก็ยังรู้สึกว่าใช้ไม่ได้ จึงลบส่วนที่ลบได้ไปซะให้หมดเลย

จงอวี๋ห้ามไว้ไม่ทัน จ้องมองหลินเยวียนลบผลงานซึ่งตนใช้เวลาวาดไปหนึ่งชั่วโมงต่อหน้าต่อตา

“นาย…”

หลินเยวียนไม่ได้สนใจเขา โน้มตัวเข้าไป มือเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว แก้ไขจุดบกพร่องมากมายของรุ่นพี่ และแทนที่ด้วยเส้นที่คมกว่า

เมื่อเทียบกับภาพสเก็ตซ์จากความคิด ความเร็วของภาพวาดลอกแบบแผ่นนี้ของหลินเยวียนนั้นเรียกได้ว่าน่ากลัวมาก

ผ่านไปสิบนาที หลินเยวียนเหยียดหลัง เหลือบมองผลงานซึ่งแทบจะเหมือนกับต้นฉบับทุกกระเบียดนิ้ว กล่าว “ตอนนี้ยกเท้าขึ้นได้แล้วใช่มั้ยครับ”

“หา?”

จงอวี๋มองภาพวาดของตนซึ่งหลินเยวียนปรับแก้ตามอำเภอใจ แววตาแปรเปลี่ยนจากความเดือดดาลเป็นความสับสน ก่อนจะตะลึงงันไปสิบนาทีพอดิบพอดี

มิหนำซ้ำภายในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสิบนาที

เห็นกับตาว่าหลินเยวียนแก้ไขภาพวาดของตนถึงระดับที่ไม่กล้ายอมรับ หัวใจดวงไม่เล็กของจงอวี๋ก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน!

…………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน