ตอนที่ 844 ชอแป็งเดือนสิบเอ็ด
ในระหว่างที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับเพลงแสงสนธยาของซงเต่าอวี่ ทุกฝ่ายก็ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเล็กน้อย
ก่อนที่บทสนทนาจะจบลง ก็มีคนพูดถึงเซี่ยนอวี๋อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าเพลงนี้จะเป็นหนึ่งในคู่แข่งสำคัญของเซี่ยนอวี๋ในมหาสงครามเทพเซียน
บนโลกออนไลน์
ก่อนการถ่ายทอดสดเริ่มต้นขึ้น มีผู้ชมจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น
‘อาจารย์ซงเต่าสมแล้วที่เป็นยอดฝีมือจากจงโจว เพลงเมื่อกี้ฟังแล้วแบบ…ฉันหลับไปเลย’
‘ฮ่าๆ ฟังไม่เข้าใจยังจะฟังอีก?’
‘ความสามารถของยอดฝีมือจากจงโจวน่ากลัวจริงๆ เพลงนี้ถ้าวิเคราะห์แล้วค่อนข้างซับซ้อน ตั้งแต่โหมดจนถึงทำนอง ทุกอย่างล้วนยอดเยี่ยม อย่างเช่นการเปลี่ยนท่อนหลังจากการหยุดพักช่วงแรกก็มีอะไรให้ศึกษาเยอะเลย…’
มีบางคนกำลังอธิบายเสริมเกร็ดความรู้
คนฟังเพลงบนบลูสตาร์ส่วนใหญ่มีความเข้าใจในศิลปะในระดับที่ดี นี่คือเหตุผลที่ดนตรีคลาสสิกมีสถานะที่สูงในบลูสตาร์เสมอมา เมื่อมีการอธิบายเพิ่มเติม จึงทำให้ฟังได้เข้าใจและมีความรู้สึกตามมากขึ้น
และในโถงทองคำ
การแสดงดนตรียังคงดำเนินต่อไป
ในไม่ช้าเพลงที่สองก็เริ่มขึ้น
การแสดงในรอบนี้เป็นการบรรเลงไวโอลินเดี่ยว
การแสดงในโถงทองคำไม่ได้จำกัดเฉพาะการเล่นเปียโนเท่านั้น เครื่องดนตรีหลากหลายประเภทสามารถปรากฏบนเวทีได้ และไวโอลินก็เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีซึ่งถูกนำมาบรรเลงบ่อยครั้งในโถงทองคำ
สะอาด
กลมกล่อม
ไวโอลินเป็นเครื่องดนตรีที่มีความใกล้เคียงกับเสียงมนุษย์
นอกจากจะมีช่วงเสียงที่กว้างแล้ว ยังมีพลังในการถ่ายทอดอารมณ์ที่สูงมากอีกด้วย
ท่อนแรกของบทเพลงนี้สงบและอบอุ่น แต่ในท่อนที่สองกลับมีการเปลี่ยนคีย์และการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ภายในของผู้สร้างสรรค์บทเพลง
และในรอบการบรรเลงต่อไป…
เครื่องดนตรีต่างๆ ปรากฏขึ้นมากขึ้น รวมถึงการบรรเลงร่วมกันของขลุ่ยและกู่เจิง ผสมผสานกับเสียงของวงออร์เคสตราได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้ฟังดื่มด่ำเข้าสู่ดินแดนแห่งเสียงดนตรีได้อย่างง่ายดาย
ท่ามกลางบทเพลงเหล่านั้น
สิ่งที่ทำให้หลินเยวียนประทับใจอย่างลึกซึ้งที่สุด คือผลงานชิ้นที่สี่ของค่ำคืนนี้
บทประพันธ์ที่สร้างสรรค์โดยอบิเกล หนึ่งในพ่อเพลงระดับแนวหน้าของจงโจว ซึ่งบทเพลงมีชื่อว่า ‘ซิมโฟนีฤดูหนาว’!
ใช่แล้ว
โครงสร้างแบบซิมโฟนี!
การเรียบเรียงเพลงที่ยิ่งใหญ่และอลังการ!
บนเวทีมีฉากหลังเป็นท้องทะเล คลื่นซัดเข้าหาฝั่ง และพระอาทิตย์สีแดงที่ค่อยๆ คล้อยขึ้นจากขอบฟ้า
เปิดเผย!
อิสระ!
อาจหาญ!
วงออร์เคสตราทั้งวงรับหน้าที่บรรเลงเพลง โดยเพลงแบ่งออกเป็นสี่ท่อน ยาวเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นการแสดงที่ยาวนานที่สุดในค่ำคืนนี้ ทว่าไม่มีใครแสดงท่าทีเบื่อหน่ายออกมาเลย
ผู้ฟังต่างดื่มด่ำไปกับบทเพลง!
บนอินเทอร์เน็ต
คนที่ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าฟังเพลงเปียโนแล้วแทบหลับ ตอนนี้ถึงกับรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา
‘เพลงนี้ไปสุดมาก!’
‘อบิเกล พ่อเพลงห้าอันดับแรกของบลูสตาร์ จะไม่สุดได้ยังไง?’
‘แทบจะเรียกได้ว่าเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบเลย!’
ผลงานชิ้นนี้ไม่มีความรู้สึกซ้ำซากเลยแม้แต่น้อย อารมณ์นับไม่ถ้วนถูกถ่ายทอดออกมาในเสียงดนตรีอย่างลึกซึ้ง ความประทับใจที่ได้จากผลงานนี้เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่และตระการตา ถึงขั้นเหนือกว่าการแสดงรอบแรกของซงเต่าอวี่ในค่ำคืนนี้เสียอีก
แต่ก็เป็นเรื่องปกติ
เพราะขนาดของทั้งสองผลงานนั้นแตกต่างกันอย่างมาก
อบิเกลเองก็เป็นหนึ่งในพ่อเพลงระดับยอดพีระมิดของจงโจว มีฝีมือเหนือกว่าซงเต่าอวี่เป็นทุนเดิม
หลินเยวียนจำได้ว่าผลงานชิ้นแรกที่เขาเรียนในชีวิตก็คือ ‘คำอธิษฐาน’ ผลงานตัวแทนของในยุคแรกของยอดฝีมือท่านนี้
บุคคลระดับนี้แม้แต่คนที่ไม่สนใจดนตรีก็ยังรู้จัก
หลังจากบทเพลงจบลง เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วทั้งโถงการแสดง
……
ห้องรับรองหมายเลข 013
เจิ้งจิงหยิบแท็บเล็ตบนโต๊ะขึ้นมา นี่เป็นแท็บเล็ตที่จัดไว้ให้ในห้องรับรอง หน้าจอใหญ่ของแท็บเล็ตแสดงข้อมูลของผลงานซึ่งเผยแพร่ไปแล้วทั้งสี่ชิ้น
ในนั้น
ชื่อของผลงานชิ้นที่สี่ ‘ซิมโฟนีฤดูหนาว’ ก็เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามขึ้นมาในทันที
“ชื่อของซิมโฟนีกลายเป็นสีทองได้ด้วยเหรอครับ?”
หลินเยวียนมองภาพนั้นด้วยความสงสัยและถามขึ้น
เจิ้งจิงส่ายหน้า “การที่ตัวอักษรเปลี่ยนเป็นสีทองแสดงว่ามีคนต้องการซื้อสิทธิ์เพลงนี้ และยอมจ่ายตามราคาที่บริษัทของอบิเกลตั้งไว้ตามเงื่อนไข”
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
หลินเยวียนประหลาดใจอยู่บ้าง
เพลงของอบิเกลพึ่งแสดงจบไปไม่นาน ก็มีคนรีบขอซื้อลิขสิทธิ์ในทันที
“ปกติไม่เร็วขนาดนี้หรอก”
เจิ้งจิงกล่าวว่า “ปกติจะใช้เวลาสักหน่อย เพราะลิขสิทธิ์เพลงของพ่อเพลงราคาไม่ถูก โดยเฉพาะการตั้งราคาสำหรับซิมโฟนี นอกจากนั้นต่อให้เรียกว่าลิขสิทธิ์ แต่ที่จริงแล้วก็คือการซื้อสิทธิ์การใช้งานในระยะเวลาหนึ่งจากอบิเกล”
หลินเยวียนพยักหน้า
……
ห้องรับรองหมายเลข 022
หญิงสาวที่อยู่กับลิเลียเอ่ยขึ้นมาทันใด “มีคนซื้อสิทธิ์เพลงแสงสนธยาไปแล้ว”
“ฉันเห็นแล้ว”
ลิเลียรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย
เธอยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อสิทธิ์ของแสงสนธยาดีหรือไม่
หากไม่มีการเซ็นสัญญาแบบผูกขาด ลิขสิทธิ์เพลงของพ่อเพลงสามารถขายซ้ำได้ ทว่าส่วนใหญ่แล้วพ่อเพลงมักจะไม่เซ็นสัญญาผูกขาด เพราะการผูกขาดทำให้การโปรโมตเพลงเป็นไปได้ยาก เว้นแต่ว่าผู้ซื้อลิขสิทธิ์จะเสนอราคาที่เย้ายวนเกินกว่าจะปฏิเสธ
ในความเป็นจริง
ต่อให้มีพ่อเพลงบางคนที่ขายสิทธิ์แบบผูกขาด ก็มักจะมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาของสัญญา
การขายสิทธิ์แบบผูกขาดตลอดชีพนั้นจัดอยู่ในหมวดงานที่แต่งเฉพาะ ซึ่งลิเลียคิดว่าไม่น่าจะมีใครยอมซื้อสิทธิ์แสงสนธยาแบบผูกขาด ส่วนสัญญาแบบผูกขาดที่มีเวลาจำกัดก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
แม้ว่าเพลงนี้จะดี แต่ยังไม่ดีถึงขั้นที่ใครจะยอมผูกขาดสิทธิ์โดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่า
ถ้าหากเพลงนี้ของซงเต่าอวี่เหมาะจะใช้เป็นเพลงประกอบละก็ หากนำไปใส่ในภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งที่เธอลงทุนก็นับว่าไม่เลว เพียงแต่ยังขาดอะไรบางอย่างไป นี่คือสิ่งที่ทำให้ลิเลียลังเล
สิ่งที่ขาดหายไปนั้น ลิเลียเองก็ไม่สามารถอธิบายอย่างชัดเจน
เพราะถึงแม้ลูกค้าของโถงทองคำจะรักดนตรี แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงความสนใจ ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญถึงขั้นลึกซึ้งนัก
ขณะนั้นเอง
จู่ๆ เสียงดนตรีก็ดังขึ้นผ่านโสตประสาทของลิเลีย
เสียงดนตรีนั้นประหนึ่งสายน้ำใสสะอาดที่ค่อยๆ ปลอบประโลมความรู้สึกของลิเลีย ทำให้จิตใจของเธอสงบลงอย่างประหลาด
“หืม?”
สายตาของลิเลียค่อยๆ เป็นประกายขึ้น จากนั้นเธอมองจากระยะไกลไปยังร่างบนเวที
……
ในขณะเดียวกัน
ที่ห้องรับรองหมายเลข 044
หลิงคงแสดงสีหน้าสนใจขึ้นทันที!
หวังจื่อซึ่งอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น “คงจื่อสนใจหรือ?”
หลิงคงพยักหน้า “นายก็รู้ว่าช่วงนี้ฉันรับผิดชอบโพรเจกต์หนังของบริษัท ก่อนหน้านี้อยากทำเรื่องของเทพเอ้อร์หลาง แต่น่าเสียดาย…ช่างเถอะ ฉันไม่อยากพูดถึง ตอนนี้เพลงนี้มันน่าสนใจจริงๆ ”
“ธรรมดามากเลยนี่”
หวังจื่อเบ้ปากแค่นเสียง
หลิงคงกลอกตา นายจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับดนตรี!
ถึงอย่างนั้นเพลงที่หวังจื่อบอกว่า ‘ธรรมดามาก’ นี้ กลับสร้างความฮือฮาอย่างมากในโถงทองคำ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...