เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 858

ตอนที่ 858 งานสังคีตสมโภช – ต้น

วันนี้คือวันที่ 25 ธันวาคม

งานสังคีตสมโภชจะจัดขึ้นในค่ำคืนนี้ที่สนามกีฬารังนก!

สายตาทั่วทั้งวงการดนตรีจากทั้งห้าทวีปต่างจับจ้องมายังสถานที่แห่งนี้ นักข่าวนับไม่ถ้วนต่างเดินทางมาปักหลักใกล้บริเวณงานล่วงหน้าหลายวัน

เหล่าทีมงานจากบริษัทต่างๆ ก็ออกเดินทางมาก่อนเวลาเช่นกัน เพื่อประสานงานกับทางการสมาคมดนตรี และจัดเตรียมแผนงานสำหรับศิลปินของตนเองล่วงหน้า

ในขณะเดียวกัน

แฟนเพลงนับไม่ถ้วนหลั่งไหลมายังสนามรังนกราวกับหมู่วิหคนับพันที่มุ่งหน้ากลับรัง สภาพการจราจรรอบบริเวณงานถึงกับติดขัดจนเจ้าหน้าที่ต้องส่งกำลังคนจำนวนมากมาช่วยจัดระเบียบ

“งานคึกคักขึ้นทุกปี”

เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการจราจรในพื้นที่แห่งหนึ่งกล่าวด้วยความรู้สึกทึ่ง

เนื่องจากในแต่ละปีจะมีศิลปินจากอีกหนึ่งทวีปเข้าร่วมงานสังคีตสมโภช ปัจจุบันงานนี้ครอบคลุมศิลปินจากห้าทวีปในบลูสตาร์ ส่งผลให้แรงกดดันด้านการจัดการจราจรก็เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน

……

เที่ยงวัน

หลังจากทานข้าวเสร็จ

ในห้องแต่งตัวซึ่งสมาคมวรรณศิลป์กำหนดไว้

ศิลปินหญิงระดับแถวหน้าหลายคนที่ได้รับการเสนอชื่อกำลังอยู่ระหว่างการแต่งหน้าทำผม

ในห้องแต่งหน้าห้องหนึ่ง

สุ่ยอวิ๋น ราชินีเพลงหญิงจากฉีโจว กำลังให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวแต่งหน้าให้ ขณะเดียวกันก็พูดกับผู้จัดการส่วนตัวที่รออยู่ข้างๆ ว่า

“พี่ฮวาฮวา ฉันสามารถขอเดินพรมแดงคู่กับอาจารย์เซี่ยนอวี๋ได้ไหม?”

“เลิกคิดเรื่องนี้ไปเลย”

พี่ฮวาฮวาซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวระดับแนวหน้าของฉีโจว ในเวลานี้ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ

“เมื่อวานมาถึงฉันก็รีบไปขอเรื่องนี้กับทางผู้จัดงาน แต่รู้ไหมว่าพวกเขาตอบว่ายังไง?”

“ว่าไงเหรอ?”

“เธอเป็นราชินีเพลงคนที่ยี่สิบแปดแล้วที่พยายามขอเดินพรมแดงคู่กับอาจารย์เซี่ยนอวี๋ ถ้าไม่ผิดคาดละก็ หลังจากเธอก็ยังคงมีราชินีเพลงคนคนอื่นที่คิดแบบนี้อีกแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น บางคนยังเป็นรุ่นพี่ที่ได้รับตำแหน่งนักร้องหญิงคู่อีกด้วย…”

เซี่ยนอวี๋เป็นที่ต้องการตัวมากเหลือเกิน!

ผู้คว้าแชมป์ 12 สมัยของทั้งห้าทวีป ผู้เข้าชิง 13 รางวัลในงานสังคีตสมโภช อีกทั้งยังเป็นพ่อเพลงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของบลูสตาร์!

ด้วยแสงอันเจิดจรัสเหล่านี้ เซี่ยนอวี๋จึงถูกลิขิตชะตามาให้เป็นจุดสนใจของค่ำคืนนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยนอวี๋ไม่เคยเข้าร่วมงานมอบรางวัลใดๆ ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และไม่เคยสนใจรับโฆษณาหรือเป็นพรีเซนเตอร์ใดๆ มาก่อน

แม้ว่าราชาเพลงราชินีเพลงจะต้องการติดต่อเขา ก็แทบไม่มีช่องทางใดๆ ให้เข้าถึงได้เลย

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การปรากฏตัวของเซี่ยนอวี๋ในครั้งนี้จึงแน่นอนว่าจะดึงดูดเหล่าผึ้งและผีเสื้อมากมายให้เข้ามารุมล้อม!

“เฮ้อ…”

สุ่ยอวิ๋นถึงกับอุทานออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “การแข่งขันดุเดือดขนาดนี้ ฉันคงไม่มีหวังแล้วสิ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้โชคดีคนนั้น”

“พวกคุณไม่มีหวังกันทั้งนั้นแหละ!”

ผู้จัดการฮวาฮวาได้แต่ถอนหายใจพลางพูดด้วยน้ำเสียงปลงๆ “คุณคิดว่าทางงานสังคีตสมโภชจะกล้าจัดให้ศิลปินหญิงคนไหนเดินพรมแดงคู่กับเซี่ยนอวี๋โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขาหรือคราวนี้อาจารย์เซี่ยนอวี๋ได้เลือกด้วยตัวเองแล้วว่าจะเดินพรมแดงคู่กับเจียงขุย คนที่เขาเอ็นดูที่สุดก็คือสมาชิกในราชวงศ์ปลาของเขานั่นแหละ”

เจียงขุย?

ความอิจฉาฉาบวาบในแววตาของสุ่ยอวิ๋น ถึงขั้นที่มีความรู้สึกหมั่นไส้อยู่ลึกๆ ในใจ!

นักร้องหญิงระดับราชินีเพลงมากมายต่างพยายามแข่งขัน แต่สุดท้ายกลับสู้เจียงขุยไม่ได้ เพียงเพราะเธอเป็นราชินีเพลงคนแรกของราชวงศ์ปลา และอาจารย์เซี่ยนอวี๋ผลักดันเธอด้วยตัวเอง!

ความจริงแล้วไม่ใช่เพียงสุ่ยอวิ๋นที่คิดเช่นนี้

นักร้องหญิงระดับราชินีเพลงทุกคนที่ได้รู้ข่าวต่างก็รู้สึกอิจฉาและหมั่นไส้เจียงขุยไม่ต่างกัน

สิทธิพิเศษเช่นนี้ ราชวงศ์ปลาทั้งวงได้สัมผัสมาตลอดระยะเวลายาวนาน ความสัมพันธ์ระหว่างคนกลุ่มนี้กับเซี่ยนอวี๋แนบแน่นเกินไปจนแม้กระทั่งเหล่าราชาราชินีเพลงยังอดที่จะรู้สึกอิจฉาในใจไม่ได้!

……

ในที่สุดเวลาสี่โมงเย็นก็มาถึง

การเดินพรมแดงเริ่มต้นขึ้นแล้ว บริเวณนอกสนามรังนกเต็มไปด้วยฝูงชน!

ป้ายเชียร์และแท่งไฟเรืองแสงส่องประกาย แฟนคลับจำนวนมหาศาลของเหล่าดาราต่างพากันกรีดร้องและโห่ร้องสนั่น!

ภายในรถคันหนึ่ง

หลินเยวียนกำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์

หลังจากได้รับแจ้งจากกู้ตง เขาก็ให้ความร่วมมือ ทำตามขั้นตอนเตรียมความพร้อมต่างๆ โดยไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะไม่ว่าอย่างไรตำแหน่งพ่อเพลงที่เขาให้ความสำคัญที่สุดก็ได้มาอยู่ในกำมือของเขาเรียบร้อยแล้ว!

คนที่นั่งรถมากับเขาคือเจียงขุย

วันนี้เจียงขุยแต่งตัวเต็มยศ สวมชุดราตรีประณีต มือเล็กทั้งสองข้างประสานกันไว้ที่อก พลางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย

เธอไม่สามารถทำตัวสงบเหมือนหลินเยวียนได้ ในตอนนี้จิตใจของเธอกำลังปั่นป่วนเป็นอย่างมาก

“ถึงแล้ว!”

กู้ตงซึ่งเป็นคนขับรถเข้าสู่เส้นทางของแขกเหรื่อในงาน

แม้จะมองผ่านกระจกหน้าต่าง กู้ตงก็สัมผัสได้ว่าทุกสายตาบริเวณนั้นจับจ้องมายังรถคันนี้

ปัง!

เจ้าหน้าผู้ที่รับผิดชอบการต้อนรับในงานรีบก้าวเข้ามาเปิดประตูรถให้

หลินเยวียนวางโทรศัพท์ลง แล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับเจียงขุย

ทันทีนั้น เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนดังก้องจนกลายเป็นคลื่นเสียงที่น่าหวาดกลัว แม้แต่ราชาและราชินีเพลงที่เดินอยู่กลางพรมแดง ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองเพื่อดูว่าใครกันที่ปรากฏตัวและสร้างความฮือฮาได้ถึงเพียงนี้!

“อ๊า!”

“เซี่ยนอวี๋!”

“พ่อเพลงอวี๋!”

“ฉันรักคุณ!”

“อาจารย์เซี่ยนอวี๋!”

เสียงกู่ร้องดังก้องรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง

เจียงขุยปฏิบัติตามการฝึกซ้อมล่วงหน้าอย่างเคร่งครัด เธอพยายามยิ้มอย่างสง่างาม มือข้างหนึ่งคล้องแขนหลินเยวียน อีกข้างหนึ่งโบกมือให้แฟนๆ

ทั้งคู่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

หลินเยวียนเผยรอยยิ้มตามมารยาทดังความคาดหวังของสังคมอย่างชำนิชำนาญ

อันที่จริงเขาชอบสถานที่แบบห้องโถงทองคำมากกว่า เพราะสามารถหลีกเลี่ยงพรมแดงและขึ้นไปยังชั้นบนได้โดยตรงจากที่จอดรถใต้ดิน

แชะ แชะ!

เสียงชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปดังอย่างต่อเนื่อง

นักข่าวนับไม่ถ้วนพากันถ่ายภาพอย่างบ้าคลั่ง

แสงแฟลชที่สว่างจ้าจนแทบทำให้คนตาพร่าส่องวาบไม่หยุด

เหล่าแฟนคลับที่อยู่ในงานเองก็ตามถ่ายรูปกันยกใหญ่ ทุกฉากทุกช่วงเวลาล้วนมีเสียงชัตเตอร์ดังขึ้นไม่ขาดสาย

ในขณะเดียวกัน พรมแดงงานนี้ก็กำลังถ่ายทอดสดทางออนไลน์อยู่

งานพิธีระดับงานสังคีตสมโภช ย่อมต้องมีการถ่ายทอดสดให้ผู้ชมภายนอกได้ชมด้วยเช่นกัน เพราะนี่ไม่ใช่เพียงแค่การเฉลิมฉลองในวงการเพลงเท่านั้น แต่ยังเป็นเทศกาลสำหรับชาวเน็ตอีกด้วย!

‘พ่อเพลงอวี๋มาแล้ว!’

‘พ่อเพลงอวี๋หล่อมาก!’

‘ขอให้พ่อเพลงอวี๋ชนะรางวัลใหญ่!’

“และฉันหลี่ชิงค่ะ!”

แสงไฟจากแท่งไฟหลากสีสันส่องประกายราวกับดวงดาวที่โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า

พิธีกรทั้งสองคนเดินขึ้นเวที งานสังคีตสมโภชเปิดฉากอย่างเป็นทางการ!

อย่างไรก็ตาม หลังจากขึ้นเวทีแล้ว พิธีกรไม่ได้ประกาศรางวัลในทันที แต่เริ่มหยอกล้อกันเองเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศอันตึงเครียดของงาน

แน่นอนว่าใครจะไม่ตื่นเต้นล่ะ!

ผู้เข้าร่วมหลายคนที่นั่งอยู่ต่างก็มีชื่อเข้าชิงรางวัล โดยในคืนนี้จะมีการประกาศผู้ชนะในแต่ละสาขา ทุกคนล้วนมีไฟแห่งความมุ่งมั่นที่เฝ้ารอการจุดประกาย!

หลังจากเล่นมุขตลกกันไปได้สักพัก

สองพิธีกรก็เริ่มแนะนำคณะกรรมการตัดสินรางวัลในปีนี้

คณะกรรมการตัดสินรางวัลส่วนใหญ่เป็นพ่อเพลงซึ่งได้รับการยอมรับนับถือ อีกส่วนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงจากสมาคมวรรณศิลป์

หลังจากเกริ่นนำกันไปพอสมควร บรรยากาศในงานก็เริ่มคึกคักขึ้น และในที่สุดอาหารจานหลักของค่ำคืนนี้ก็มาถึง

การประกาศรางวัลเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

อันหงซึ่งเป็นพิธีกรชายเอ่ยขึ้น “รางวัลแรกที่เราจะประกาศในคืนนี้คือ รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี!”

ทันใดนั้น

แสงไฟบนเวทีก็หรี่ลงอีกครั้ง

บนจอขนาดใหญ่มีเสียงบันทึกล่วงหน้าดังขึ้น:

“ผู้เข้าชิงรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปีนี้ได้แก่…”

ทั้งห้องโถงเงียบสนิท

ทุกสายตาจับจ้องไปที่จอขนาดใหญ่

และแล้ว รายชื่อศิลปินหน้าใหม่ทั้งสี่คนที่เข้าชิงก็ปรากฏขึ้น

พิธีกรหญิงหลี่ชิง มองไปยังสมุดในมือ “ผู้ชนะรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปีนี้ได้แก่…”

เธอหยุดชั่วครู่

บนจอใหญ่ฉายภาพของผู้เข้าชิงทั้งสี่คน

ทุกคนพยายามควบคุมสีหน้าให้สงบนิ่งที่สุด ทว่าความกระวนกระวายในเวลานี้ของพวกเขายังคงเผยออกมาให้เห็น!

ทันใดนั้นอันหงก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระตือรือร้นและเปี่ยมพลัง ราวกับประกาศข่าวสำคัญ “บลูเบอร์รี จากผลงาน ‘ร้อยละเจ็ด’ ขอแสดงความยินดีกับบลูเบอร์รีที่ได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในปีนี้ เชิญบลูเบอร์รีขึ้นมารับรางวัลบนเวทีครับ!”

ในหน้าจอ

ใบหน้าของผู้เข้าชิงอีกสามคนถูกย่อเป็นกรอบเล็ก แต่ละคนแสดงสีหน้าผิดหวังอย่างชัดเจน ส่วนใบหน้าของบลูเบอร์รีที่ได้รับรางวัล กลับถูกขยายขึ้นจอใหญ่ แววตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความยินดีอย่างล้นหลามจนปิดไม่มิด

“ผมเอง ผมได้รางวัลแล้ว!”

เขากระโดดขึ้นด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะโผเข้ากอดคนข้างๆ

ขณะเดินขึ้นเวทีเพื่อกล่าวคำขอบคุณ เสียงของบลูเบอร์รีซึ่งเป็นศิลปินหน้าใหม่คนนี้สั่นเครือราวกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วทั้งงาน

ไม่มีใครรู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขานั้นเกินจริงแต่อย่างใด

เหตุการณ์แบบนี้ทุกคนต่างคุ้นชินกันดี

ไม่ใช่เพียงบลูเบอร์รีซึ่งเป็นศิลปินหน้าใหม่เท่านั้นที่ตื่นเต้น แม้แต่เป็นศิลปินระดับราชาเพลงหรือราชินีเพลงเอง ก็ยังยากที่จะรักษาความสงบนิ่งเมื่อได้ขึ้นเวทีของงานสังคีตสมโภช และหากเป็นรางวัลสำคัญ ต่อให้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน

“ศิลปินหน้าใหม่สินะ”

นักร้องในราชวงศ์ปลาต่างเอ่ยขึ้นอย่างสะท้อนใจ

ทุกคนล้วนเคยผ่านช่วงเวลาของการเป็นหน้าใหม่มาก่อน จึงเข้าใจดีว่าสำหรับศิลปินหน้าใหม่นั้น การได้รับการยอมรับจากสังคีตสมโภชนั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นขนาดไหน

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความขลังและยิ่งใหญ่

จนแม้แต่ซุนเย่าหั่วและเจียงขุย ซึ่งรู้ตัวว่าต้องขึ้นเวทีในวันนี้ ก็ยังมือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน