ตอนที่ 861 เปิดกล่องสมบัติทองได้ของล้ำค่า
วันรุ่งขึ้นตรงกับวันที่ 26 ธันวาคม
สตาร์ไลท์เริ่มเข้าสู่โหมดวันหยุดปีใหม่อย่างเป็นทางการ
หลินเยวียนตื่นนอนในช่วงสาย เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบอกว่าสิบโมงเช้า
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย เขาก็เผลอครุ่นคิดถึงคำถามเชิงปรัชญาที่ทำให้ใครหลายคนสับสนมานักต่อนัก
จะกินข้าวดีไหม?
สิ่งที่น่ากระอักกระอ่วนใจ ณ จุดนี้คือ
กินมื้อเช้าก็สายไปแล้ว กินมื้อกลางวันก็เร็วเกินไป
ช่างเถอะ
ไว้รอกินมื้อกลางวันทีเดียวแล้วกัน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลินเยวียนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปยังบล็อก เขากลับเห็นโพสต์ที่ตัวเองใช้บัญชีของฉู่ขวงและ อิ่งจือแสดงความยินดีกับเซี่ยนอวี๋เมื่อวาน
หลินเยวียนถึงกับสะดุ้งโหยง
เมื่อวานดื่มไปเท่าไหร่กันแน่เนี่ย!
เขาแทบไม่จำได้เลยว่าตนเองทำเรื่องแบบนี้ลงไป
“ดีนะที่ไม่มีใครรู้ว่าฉันกำลังอวยตัวเอง”
หลินเยวียนปลอบใจตนเอง แต่ไม่นานสีหน้าก็พลันสลดลง
เพราะทั้งประธานกรรมการและจินมู่ รวมถึงทีมงานสตูดิโอต่างก็รู้ความจริงบางส่วน…
ไม่คิดเรื่องนี้แล้วดีกว่า
หลินเยวียนเปิดดูพื้นที่แสดงความคิดเห็นในบัญชีของอิ่งจือ ไม่มีปัญหาอะไร
ในมุมมองของคนทั่วไป การที่อิ่งจือออกมาแสดงความยินดีกับเซี่ยนอวี๋ นับเป็นเรื่องปกติ
ลองเปิดดูพื้นที่แสดงความคิดเห็นของฉู่ขวงบ้าง
ไม่มีปัญหาอะไรเหมือนกัน แค่โดนชาวเน็ตบางคนแซวอยู่บ้าง
‘อ่อนจังเลยนะเจ้าแก่ฉู่ขวง!’
‘ไหนบอกว่าเซี่ยนอวี๋ใต้ ฉู่ขวงเหนือ อิ่งจืออยู่ตรงกลาง ตอนนี้ดูเหมือนอิ่งจือจะชนะไปหลายรอบ การ์ตูนก็เปิดตัวไป 11 เรื่อง ส่วนเซี่ยนอวี๋เมื่อคืนก็คว้ารางวัลมาได้ 10 รางวัล รู้สึกว่าคุณอ่อนสุดเลย’
‘ยังอยู่มั้ย? ทำไมยังไม่เปิดตัวผลงานใหม่อีก?’
‘ตั้งแต่เรื่องสั้นเปิดตัวไปเจ็ดเรื่องครั้งล่าสุด ก็หายไปเลย คั้นออกมาจนหมดตัวไปแล้วเหรอ?’
‘อิ่งจือเขายังเปิดตัวการ์ตูนได้ถึง 11 เรื่อง คุณแค่เจ็ดเรื่องก็ไม่ไหวแล้ว? ยังดีนะที่คุณเปิดแค่เรื่องสั้น!’
‘ถ้าไม่ปล่อยผลงานใหม่ คุณจะกลายเป็นเงาจืดจางในกลุ่มสามสหายแล้วนะ’
‘หรือว่าฉู่ขวงติดเชื้อความขี้เกียจจากอิ่งจือไปแล้ว? ตอนนี้ขี้เกียจถึงขั้นไม่อยากเขียนนิยายแล้วหรือไง!’
หลินเยวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องยุ่งอะไรเกิดขึ้น
เวลาที่เมาเป็นช่วงอันตรายจริงๆ
ถ้าเผลอทำอะไรผิดพลาดจนความแตกขึ้นมา คงไม่ใช่แค่สถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนธรรมดาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม คำพูดของชาวเน็ตกลับช่วยเตือนหลินเยวียน
ว่าเขาควรหางานให้ฉู่ขวงทำบ้าง
จะปล่อยให้ฉู่ขวงกลายเป็นเงาจืดจางไม่ได้
จิกซอว์ของดินแดนนิทานยังไม่สมบูรณ์ดี หรือว่าจะให้ฉู่ขวงเขียนนิทานเพิ่ม?
หรือจะเป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวนก็ได้ ส่วนใหญ่ฉู่ขวงเขียนนิยายแนวสืบสวนสอบสวนขนาดยาว นอกจากนิยายชุดเชอร์ล็อก โฮล์มส์และนิยายชุดปัวโรต์ แล้ว อันที่จริงก็ยังมีเรื่องสั้นอีกมากที่ควรค่าแก่การเขียน
หรือไม่ก็ นิยายแฟนตาซี?
ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ลองลุยในแนวใหม่ๆ ดู ยังมีนิยายอีกมากที่ฉู่ขวงไม่เคยเขียน
หลินเยวียนครุ่นคิดถึงทิศทางต่อไปของฉู่ขวงอยู่
ขณะนั้นเอง เสียงแม่ที่ตะโกนเรียกให้ลงมากินข้าวก็ดังมาจากชั้นล่าง
หลินเยวียนหิวจนร้องจ๊อกๆ มาตั้งแต่เช้า จึงรีบลงไปกินข้าวอย่างอดใจรอไม่ไหว
“น้องชาย”
จู่ๆ หลินเซวียนพี่สาวซึ่งกำลังกินข้าวอยู่เอ่ยขึ้นมาว่า “มีเรื่องหนึ่งนะ ที่นายควรจะเตือนอาจารย์ฉู่ขวงไว้หน่อย”
หลินเยวียนกำลังแทะซี่โครงอยู่ จึงถามไปอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องอะไร”
พี่สาวตอบด้วย “พี่เพิ่งได้ข่าวมาเมื่อเช้านี้เอง บอกว่าสมาคมวรรณศิลป์กำลังเตรียมการรวมรางวัลผลงานประเภทวรรณกรรมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อจัดงานวรรณกรรมสมโภชขึ้นมา”
“วรรณกรรมสมโภช?”
หลินเยวียนแปลกใจ “เหมือนงานสังคีตสมโภชแบบนั้นเหรอ?”
“ใช่เลย”
พี่สาวพยักหน้าและคุยรายละเอียดกับหลินเยวียนอย่างจริงจัง
บนบลูสตาร์ มีรางวัลในสาขาดนตรีอยู่มากมาย ทว่ารางวัลที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณค่ามากที่สุดก็คืองานสังคีตสมโภช
รางวัลดนตรีอื่นๆ เมื่อเทียบกับสังคีตสมโภชแล้ว แทบไม่มีค่าอะไรเลย เพราะไม่ได้รับการยอมรับจากคนในวงการดนตรีทั้งหมด
แต่ในวงการวรรณกรรมกลับไม่มีรางวัลใหญ่อย่างงานสังคีตสมโภช
ทำให้มีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นมากมาย และข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาเรื่องความยุติธรรมอยู่เสมอ
ดังนั้น สมาคมวรรณศิลป์จึงต้องการสร้างรางวัลด้านวรรณกรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุด เพื่อเป็นรางวัลใหญ่ในวงการนวนิยายของบลูสตาร์
คล้ายกับบทบาทของงานสังคีตสมโภช นวงการเพลง
มิน่าล่ะ แม้แต่ชื่อรางวัลยังตั้งว่า ‘วรรณกรรมสมโภช’
พี่สาวสรุปท้ายว่า “การเตรียมการสำหรับวรรณกรรมสมโภช น่าจะต้องใช้เวลา ไม่รู้ว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ แต่ด้วยความสำเร็จของงานสังคีตสมโภช ที่ทำให้รางวัลในวงการดนตรีมีความทรงคุณค่า วรรณกรรมสมโภช เองก็คงดึงดูดนักเขียนนับไม่ถ้วนเหมือนกัน ดังนั้นพี่เลยอยากให้นายเตือนอาจารย์ฉู่ขวงว่าถ้ามีรางวัลไหนที่อยากคว้าไว้ ก็ให้เตรียมตัวล่วงหน้า”
รางวัลที่สำคัญที่สุดเหรอ?
หลินเยวียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
……
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ
หลินเยวียนรีบกลับขึ้นไปชั้นบน แล้วเรียกระบบออกมาอย่างไม่รอช้า “ดูข้อมูลค่าความโด่งดังของฉันหน่อย”
ติ๊งต่อง
ทันใดนั้น ข้อความตัวอักษรสีฟ้าหลายบรรทัดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
เขาข้ามส่วนของชื่อในตอนต้นไปอย่างรวดเร็ว แล้วมุ่งดูที่ข้อมูลสำคัญด้านล่างทันที
[อายุ: 24]
[อายุขัย: 30]
[เกม: 193456]
ดูเหมือนว่าต่อไปต้องดื่มให้น้อยลงแล้ว
เขาเปิดกระเป๋าในระบบและมองไปยังกล่องสมบัติทอง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเล
“เปิด!”
“รอสักครู่!”
ระบบหยุดชั่วครู่ก่อนจะแสดงข้อความแจ้งว่า:
‘เปิดกล่องสมบัติทองสำเร็จ ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับทักษะพิเศษด้านจิตรกรรม มิติแห่งภาพวาด!’
มิติแห่งภาพวาด?
คืออะไรกัน?
ขณะที่คำถามนี้ผุดขึ้นในสมองของหลินเยวียน ระบบก็แสดงคำอธิบายออกมาในรูปแบบข้อความทันที
[ทักษะด้านจิตรกรรม: มิติแห่งภาพวาด!]
[ผลลัพธ์ของทักษะ: ผู้ชมสามารถสัมผัสถึงอารมณ์และความหมายในผลงานของคุณได้โดยตรงผ่านภาพวาดที่คุณสร้างขึ้น!]
[คำอธิบายเพิ่มเติม: แม้แต่คนธรรมดาที่ไม่มีความรู้พื้นฐานด้านการชื่นชมงานศิลปะ ก็สามารถสัมผัสเสน่ห์ของผลงานคุณได้ (ทักษะมิติแห่งภาพวาดมีผลเฉพาะกับผู้ที่ชมภาพวาดในสถานที่จริงเท่านั้น)!]
หลินเยวียนถึงกับอึ้งไปชั่วครู่
ของแบบนี้ให้ความรู้สึกคล้ายกับเอฟเฟ็กต์อาจารย์! เป็นอะไรที่ล้ำลึกและไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง!
ยกตัวอย่างเช่น
คนทั่วไปที่มองภาพดอกทานตะวันของแวน โกะห์อาจไม่ได้รู้สึกว่าภาพนั้นเป็นงานศิลปะระดับโลก แต่สำหรับจิตรกรผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะระดับสูง พวกเขากลับยกย่องผลงานชิ้นนี้อย่างมาก
เพราะอะไร?
เพราะจิตรกรผู้เชี่ยวชาญมีทักษะการชื่นชมศิลปะที่ลึกซึ้งพอที่จะสัมผัสถึงอารมณ์และความหมายขอดอกทานตะวันได้โดยตรง
ดังนั้น…
ต่อให้หลินเยวียนจะวาด ‘ดอกทานตะวัน’
หรือแม้แต่ ‘ราตรีประดับดาว’ ของแวน โกะห์
หรือแม้กระทั่ง ‘ภาพชิงหมิงเหนือลำน้ำ[1]’
ก็ยังมีคนที่ไม่สามารถชื่นชมผลงานเหล่านี้ได้
แต่เมื่อมีทักษะพิเศษอย่างมิติแห่งภาพวาดทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ภาพวาดที่หลินเยวียนสร้างขึ้นด้วยตัวเอง แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถสัมผัสถึงอารมณ์และความงดงามของภาพนั้นได้!
น่าเสียดายที่ผลของทักษะนี้ใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่ชมผลงานด้วยตาตนเองเท่านั้น หากเป็นเวอร์ชันที่พิมพ์เผยแพร่ทางออนไลน์ คนที่ไม่มีพื้นฐานการชื่นชมผลงานศิลปะก็ยังคงเข้าไม่ถึง
แต่แค่นี้ก็มากพอแล้ว!
สมกับที่เป็นกล่องสมบัติทอง ของที่เปิดได้มานี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ดูท่าว่า หลังจากนี้อิ่งจือจะมีงานให้ยุ่งอีกมาก!
อื้ม
ก่อนอื่น ต้องทำภาพที่ตั้งใจวาดไว้สำหรับแขวนในห้องสวีตของโรงแรมให้ซุนเย่าหั่วเสียก่อน ชิ้นงานที่เคยร่างไว้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น คงต้องทิ้งทั้งหมดไป
ครั้งนี้!
หลินเยวียนตั้งใจจะใช้ทักษะมิติแห่งภาพวาดในการสร้างผลงานใหม่เหล่านี้ขึ้นมา!
———————
ปล. พล็อตเรื่องของฉู่ขวงยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเขียนอะไรต่อไป ส่วนพล็อตเรื่องของอิ่งจือ ช่วงนี้กลับดำเนินไปได้อย่างราบรื่นทีเดียว
[1] ภาพชิงหมิงเหนือลำน้ำ เป็นภาพวาดขนาด 25.5 ซม. x 525 ซม.โดยจางเจ๋อตวน จิตรกรสมัยราชวงศ์ซ่ง เป็นภาพเกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนและทิวทัศน์ช่วงเทศกาลชิงหมิง (เทศกาลเชงเม้ง)ในเมืองเปี้ยนจิง(เมืองไคเฟิงในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือ เป็นภาพวาดล้ำค่าในประวัติศาสตร์จีน ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติกู้กง กรุงปักกิ่ง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...