ตอนที่ 869 ภาพอินทรีสยายปีกกลืนแผ่นดิน (1)
28 มกราคม
โรงแรมราชวงศ์ปลาจัดพิธีเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ
หลินเยวียนนำซุนเย่าหั่ว และทีมงานใช้ชื่อเสียงของพวกเขาในฐานะผู้ถือหุ้นดาราในการประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่
ด้วยข้อได้เปรียบนี้ แน่นอนว่าต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการโปรโมต
พิธีเปิดประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
โรงแรมราชวงศ์ปลาสามารถดึงดูดนักข่าวจำนวนมากมาร่วมทำข่าว
งานยังไม่ทันจบลง ข่าวสารเกี่ยวกับพิธีเปิดก็ได้รับการโปรโมตฟรีไปทั่วทั้งโลกออนไลน์
‘ความสัมพันธ์ในราชวงศ์ปลานี่แน่นแฟ้นจริงๆ!’
‘พวกเขาร่วมกันเปิดโรงแรมเลยเหรอ!’
‘ทุกวันนี้ดาราหลายคนชอบทำธุรกิจนะ’
‘โรงแรมที่พ่อเพลงอวี๋เปิด ถ้ามีโอกาสต้องไปลองพักดูสักครั้ง’
‘ระดับห้าดาวเชียวนะ จ่ายไม่ไหวหรอก’
‘โรงแรมห้าดาว แค่ห้องธรรมดาก็คืนละเป็นพัน มีไว้ให้คนรวยเขาพักกัน’
‘ฮ่าๆ โรงแรมราชวงศ์ปลา ชื่อนี่มันเรียบง่ายสุดๆ !’
‘อนาคตจะมีกลุ่มบริษัทราชวงศ์ปลาไหมเนี่ย?’
ข่าวนี้ทำให้เกิดการพูดคุยถกเถียงกันอยู่พักหนึ่ง
แต่ก็เป็นแค่การพูดคุยเท่านั้นเอง
คนส่วนใหญ่ไม่ได้ยอมควักเงินมาพักโรงแรมห้าดาวง่ายๆ อีกทั้งโรงแรมนี้อยู่ในเมืองซู ใครจะลงทุนเดินทางไปถึงเมืองซูเพียงเพื่อพักโรงแรม?
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกวันนี้ดาราเปิดธุรกิจอะไรทำนองนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด
ดาราเมื่อมีชื่อเสียงในวงการสักหน่อย ก็ล้วนมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เช่น เปิดร้านหม้อไฟอะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่ได้ทำให้ทุกคนแปลกใจนัก
เป็นแฟนคลับที่พอมีกำลังทรัพย์บางส่วนกลับสนใจขึ้นมาและบอกว่า คราวหน้าต้องหาโอกาสไปลองพักดูสักคืน!
นี่ก็เป็นเป้าหมายของการโปรโมตโรงแรมราชวงศ์ปลาเช่นกัน
ซุนเย่าหั่วไม่ได้ใช้สถานะหุ้นส่วนดารามาทำให้เป็นประเด็น
ราคาห้องพักมาตรฐานของโรงแรมนี้ไม่ได้แตกต่างจากโรงแรมห้าดาวแห่งอื่น
ความแตกต่างที่แท้จริงอยู่ที่ห้องสวีตระดับสูงไม่กี่ห้องนั้น แต่ในงานเปิดตัวโรงแรมไม่ได้พูดถึงราคาห้องสวีตระดับสูงเลย คนภายนอกจึงไม่รู้รายละเอียด เพราะถ้ารู้ราคาขึ้นมา คงมีแต่จะคิดว่าโรงแรมราชวงศ์ปลานี้ตั้งใจมาโก่งราคาอย่างแน่นอน!
ในความเป็นจริง
ตอนนี้ก็เริ่มมีคนด่าโรงแรมราชวงศ์ปลาว่าโก่งราคาแล้ว
“โรงแรมพวกคุณทำไมไม่ไปปล้นเงินผมซะเลยล่ะ? โก่งราคาหรือเปล่า? ห้าแสนหยวนต่อคืน? พวกคุณบ้าหรือผมบ้ากันแน่? คิดว่าผมไม่เคยพักห้องสวีตโรงแรมห้าดาวหรือไง?”
หน้าเคาน์เตอร์โรงแรมราชวงศ์ปลา
ฮาร์วีย์มองพนักงานอย่างไม่สบอารมณ์
แขกส่วนใหญ่ที่มาพักที่โรงแรมราชวงศ์ปลานั้นล้วนเป็นคนที่มาสนุกกับเกม โดยส่วนมากจะพักในห้องธรรมดาเท่านั้น
ฮาร์วีย์เป็นลูกค้าคนเดียวที่จองห้องสวีตระดับสูงสุดเพื่อเล่นเกม คืนละสองหมื่นหยวนเขายังพอรับได้ และยังคิดด้วยว่าคุ้มค่าด้วยซ้ำไป
ยังไม่ต้องพูดถึงแรงดึงดูดของเกม
บรรยากาศของโรงแรมนี้ก็ดีมาก การตกแต่งมีรสนิยม และการบริการก็ถือว่าไร้ที่ติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านอาหารในโรงแรมที่รสชาติยอดเยี่ยม ไม่รู้ว่าโรงแรมนี้ไปหาพ่อครัวฝีมือดีแบบนี้มาจากไหน รสชาติอาหารดีกว่าโรงแรมห้าดาวอื่นๆ ในเมืองซูอย่างชัดเจน
แต่ว่า…
ห้องสวีตระดับสูงสุดคืนละห้าแสนหยวน มันเกินไปแล้ว!
วันนี้เมื่อฮาร์วีย์ได้รับแจ้งเรื่องขึ้นราคาจากพนักงานโรงแรม เขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า จากนั้นจึงตัดสินใจโต้แย้งกับพนักงานและดำเนินการเช็คเอาท์ไปเสียเลย
โรงแรมแบบนี้ ไม่พักก็ได้!
ห้าหมื่นหยวนเขาจ่ายไหว แต่จะโง่ให้โดนหลอกเพราะแค่อยากเล่นเกมมันก็เกินไป
แถมอีกไม่กี่วันเกมนี้ก็จะเปิดตัวแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้นจะเล่นได้ที่ไหนก็ได้ รออีกไม่กี่วันคงไม่มีปัญหา
จะให้เปลี่ยนไปพักห้องธรรมดาเหรอ?
เสียใจด้วย ฮาร์วีย์ไม่เคยคิดจะพักห้องธรรมดา ไม่เคยคิดว่าจะพักห้องธรรมดาด้วยซ้ำ เรื่องสไตล์ต้องไม่เป็นสองรองใคร!
“คุณผู้ชายคะ ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ!”
พนักงานพยายามอธิบายอย่างระมัดระวัง เพราะไม่ว่าจะเป็นโรงแรมไหนก็ไม่อยากทำให้ลูกค้าแบบฮาร์วีย์ไม่พอใจ
“เนื่องจากเรามีการอัปเกรดห้องพัก ด้านในได้มีการนำภาพวาดมาประดับไว้ ซึ่งภาพนี้พิเศษมาก…”
“ฮ่าๆ! ”
ฮาร์วีย์หลุดขำออกมา ด้วยอารมณ์โมโหปนขำขัน เขาโพล่งขึ้นขัดจังหวะอีกฝ่ายทันที “ขึ้นราคาเพราะเอาภาพวาดไปแขวนงั้นเหรอ ต่อให้เอาผลงานของศิลปินที่เก่งที่สุดในจ้าวโจวมาใส่ไว้ในห้องผมก็ไม่สนหรอก!”
คนโง่เท่านั้นแหละที่จะยอมพัก!
ฮาร์วีย์จัดการเช็กเอาต์แล้วเดินออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์มองตามหลังอย่างร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”
“ประธานคิดอะไรอยู่ ถึงได้ตั้งราคาห้องสวีตห้าแสนต่อคืน? แบบนี้ใครจะอยากมาพักห้องสวีตของเราอีก?”
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอดูทุกคลิปของเซี่ยนอวี๋ในรายการราชาหน้ากากนักร้อง รวมถึงวิดีโอคอนเสิร์ตต่างๆ จนครบ
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บนเครื่องบิน เธอยังดูมิวสิกวิดีโอเพลง Sugar และตกหลุมรักในความหล่อเหล่าของเซี่ยนอวี๋เข้าเต็มๆ
ยิ่งได้รู้จักพ่อเพลงคนนี้จากฉินโจวคนนี้มากเท่าไหร่ หวังเยวี่ยก็ยิ่งชอบเซี่ยนอวี๋มากขึ้นเท่านั้น และเมื่อเธอเห็นข่าวว่าเซี่ยนอวี๋และราชวงศ์ปลาได้เปิดโรงแรมหรูระดับห้าดาว เธอจึงมีความคิดอยากจะลองไปพักที่นั่นสักคืน
“คุณหนู โรงแรมปั๋วเยวี๋ยจองไว้เรียบร้อยแล้วครับ…” เลขาเอ่ยด้วยความจนใจ
“ไม่สน ฉันจะพักที่โรงแรมราชวงศ์ปลา คุณพ่อรับปากแล้วว่าไม่ใช่เหรอคะว่าครั้งนี้จะทำตามที่หนูเลือก!”
หวังเยวี่ยเริ่มอ้อนพ่อ
หวังซินร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก แต่ในใจเขาก็แอบชอบที่ลูกสาวอ้อนเช่นนี้
“ก็ได้ เลขาหลิว ไปยกเลิกจองที่ปั๋วเยวี่ย แล้วขับรถพาพวกเราไป โรงแรมราชวงศ์ปลา คืนนี้เราจะพักที่นั่น”
“รับทราบครับ”
เลขาโทรแจ้งเปลี่ยนแผนเรียบร้อย
ยี่สิบนาทีผ่านไป ครอบครัวของหวังซินเดินทางมาถึงโรงแรมราชวงศ์ปลา
“บรรยากาศดูไม่เลวเลยนะ”
แม่ของหวังเยวี่ยเอ่ยขึ้นพลางมองประเมินไปรอบๆ
แม่ของหวังเยวี่ยคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เอาแต่ตามดารานะเรา ไอดอลในดวงใจเปลี่ยนไปตั้งกี่รอบแล้วล่ะ”
“คราวนี้ไม่เหมือนกันค่ะ!”
หวังเยวี่ยมีสีหน้าจริงจัง “หนูจะไม่เปลี่ยนไอดอลอีกแล้ว อาจารย์เซี่ยนอวี๋จะเป็นไอดอลเพียงหนึ่งเดียวของหนูตลอดไป!”
แม่ล้อเลียนอย่างขำขัน “ก็ครั้งก่อนหนูก็พูดแบบนี้นะ”
หวังเยวี่ยทำหน้ามุ่ย “คุณแม่อะ!”
ขณะที่แม่ลูกกำลังคุยกัน เสียงของเลขาซึ่งฟังดูไม่ค่อยพอใจนักก็ดังมาจากด้านหน้า
“ห้องสวีตห้าแสนหยวนต่อคืน คุณพูดจริงหรือเปล่า?”
“ห้าแสนอะไร?”
แม่ของหวังเยวี่ยหันไปถามอย่างสงสัย
หวังซินซึ่งอยู่ด้านหน้า ขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น
“ราคาห้องสวีตของโรงแรมนี้ เขาว่ากันว่ามีภาพวาดอยู่ในแต่ละห้อง เป็นของล้ำค่า”
สำหรับหวังซิน ราคาห้าแสนหยวนต่อคืนของห้องสวีตไม่ได้ถือว่าเกินกำลังอะไร เขาเคยพักห้องสวีตราคาล้านหยวนต่อคืนในจงโจวมาแล้ว
ทว่าในเมืองซู โรงแรมห้าดาวที่เพิ่งเปิดใหม่จะตั้งราคาขนาดนี้ เหมือนกับมองว่าแขกเป็นลูกแกะอ้วนที่พร้อมให้เชือดอย่างไรอย่างนั้น

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...