ตอนที่ 869 ภาพอินทรีสยายปีกกลืนแผ่นดิน (2)
ถึงภาพวาดจะล้ำค่าขนาดไหน ก็ไม่ควรเล่นแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้หวังซินจะเป็นมหาเศรษฐีแห่งจ้าวโจว และชอบสะสมภาพวาดเพื่อประดับหน้าตา แต่นั่นก็เพียงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ไม่ให้คนอื่นพูดว่าเขาเป็นเศรษฐีใหม่ไร้หัวนอนปลายเท้า
นี่เป็นจุดที่หวังซินเจ็บปวดที่สุดในใจ
ต่างจากมหาเศรษฐีหลายคนที่สืบทอดความมั่งคั่งจากบรรพบุรุษ หวังซินเป็นคนที่สร้างฐานะขึ้นมาด้วยตัวเอง
หวังซิน เริ่มต้นความร่ำรวยได้จากการขายบ้านที่ได้รับเป็นค่าชดเชยจากการเวนคืนที่ดินของรัฐบาล เงินทุนก้อนนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับธุรกิจของเขา จนสร้างอาณาจักรธุรกิจอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
ในแวดวงมหาเศรษฐีของจ้าวโจว มักมีคนลับหลังพูดถึงเขาว่าเป็น เศรษฐีใหม่ นั่นเป็นคำที่หวังซินเกลียดที่สุด
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตีตราว่าเป็นเศรษฐีไร้หัวนอนปลายเท้า เขามักใช้เงินจำนวนมากซื้อของสะสมอย่างผลงานภาพวาดและงานเขียนตัวอักษรของศิลปินชื่อดังซึ่งได้รับการยกย่องในแวดวงศิลปะของจ้าวโจว เพื่อนำไปประดับภาพลักษณ์ของตนเอง ทว่าลึกๆ แล้วหวังซิน กลับไม่ให้ความสำคัญกับของพวกนี้เลย
งานศิลปะจากศิลปินชื่อดังอะไรนั่น เขาไม่เข้าใจหรอก รู้แค่ว่าเขียนได้สวยหรือวาดได้สวยก็เท่านั้นเอง
ดังนั้น ต่อให้พนักงานโรงแรมจะกล่าวอ้างถึงภาพวาดในห้องพักด้วยคำชื่นชมที่ดูเหนือจริงขนาดไหน หวังซินก็ไม่ได้รู้สึกสนใจเลยสักนิด
“คืนละห้าแสนเลยเหรอ ทำไมมันถึงแพงขนาดนี้คะ?”
แม้แต่หวังเยวี่ยลูกสาวของเขาก็อดตกใจไม่ได้ “นี่มันเท่ากับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำเดือนนึงของหนูเลยนะ!”
“ไปหาที่พักที่อื่นกันเถอะ”
แม่ของหวังเยวี่ยส่ายหน้า
ขณะนั้นหวังเยวี่ยกลับลังเล ก่อนจะกัดฟันพูดว่า
“งั้นหนูจะจ่ายเอง คืนนี้เราพักที่นี่แหละ!”
แต่แม่ของเธอกลับไม่พอใจ “หวังเยวี่ย! อย่าเอาแต่ใจ เงินค่าขนมของลูกมันก็เงินที่พ่อให้ทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?”
“หนู… ก็ได้ค่ะ…”
หวังเยวี่ยก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย
หวังซินสังเกตเห็นความผิดหวังของลูกสาว หัวใจของเขาอ่อนยวบลงทันที ก่อนจะหันไปเคาะเคาน์เตอร์หน้าแผนกต้อนรับ
“เปิดห้องสวีตให้พวกเราห้องหนึ่ง”
เขาคิดในใจว่าเงินที่หาได้มากมายก็เพื่อครอบครัวอยู่แล้ว
โดนโรงแรมฟันราคาไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ให้ลูกสาวต้องผิดหวังต่างหากที่เขาไม่อาจยอมรับได้
“อะ…ท่าน… ท่านจะจองห้องไหนดีคะ!?”
เสียงของพนักงานต้อนรับถึงกับเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ!
คาดไม่ถึงว่าจะมีคนยอมจ่ายค่าห้องคืนละห้าแสนจริงๆ !
ขณะที่เลขาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ก็ยกมือขึ้นคลึงขมับอย่างอดไม่ได้
เลขามองออกทันทีว่าหัวของเขาน่าจะกลายเป็นลูกค้าผู้โชคร้ายคนแรกของโรงแรมที่โดนโขกราคาโหดถึงขนาดนี้
เขาเอ่ยถาม “มีห้องอะไรบ้าง?”
พนักงานต้อนรับรีบตอบ “มีทั้งหมดห้าห้องให้เลือกค่ะ ได้แก่กุ้งน้ำหมึก ฝูงม้า พฤกษาในวสันต์น้ำค้างสารทฤดู หงส์ฟ้าทระนง และอินทรีสยายปีกกลืนแผ่นดิน…”
ชื่อดูหวือหวาไปหมด
หวังซินเลือกแบบไม่คิดมาก “อินทรีสยายปีกกลืนแผ่นดินก็แล้วกัน”
คนทำธุรกิจชอบชื่อที่มีความหมายดีๆ แม้ในใจเขาจะรู้ว่านี่มันก็แค่ ‘ภาษีความฉลาด’ แต่ในเมื่อเป็นสิ่งที่ลูกสาวชอบ ทำยังไงได้ล่ะ?
“ได้ค่ะ ก่อนเข้าพักต้องเซ็นสัญญาก่อนนะคะ เนื่องจากภาพวาดของเรามีการทำประกันไว้ หากเกิดความเสียหาย ราคาค่าชดเชยจะสูงมาก…”
พักโรงแรมยังต้องเซ็นสัญญาอีกเหรอ?
เลขาโกรธจัด “พวกคุณอย่าทำเกินไปนัก!”
หวังซินโบกมือเบาๆ ไม่ใส่ใจ ก่อนจะกวาดสายตาอ่านสัญญาที่อีกฝ่ายส่งมาให้ และลงนามทันที
ไม่กี่นาทีต่อมา
มีพนักงานมาพาพวกเขาไปที่ห้องพัก
ครอบครัวของหวังซินเดินเข้าไปในลิฟต์
เมื่อประตูห้องสวีตเปิดออก พวกเขาจึงเข้าไปข้างใน
ส่วนเลขาและทีมงานคนอื่นๆ นั้นพักอยู่ในห้องที่โรงแรมเตรียมไว้ใกล้ๆ ห้องสวีตพิเศษ มีบอดีการ์ดสองคนคอยเฝ้าประตูห้องของหวังซินโดยเฉพาะ
……
ในห้องสวีตแห่งนี้
หวังซินและครอบครัวเดินสำรวจรอบๆ ห้อง
ภรรยาบ่น “ห้องนี้นอกจากตกแต่งสวยแล้ว ก็แทบไม่ต่างจากห้องสวีตของโรงแรมห้าดาวทั่วไปเลย วันนี้พวกเรานับว่าโดนโรงแรมโขกราคาแล้ว”
“หนูว่าก็ใช้ได้นะคะ”
หวังเยวี่ยนั่งลงบนโซฟาแบบไม่ใส่ใจ
ต้นสนสีเขียวทอดรากลึกอยู่บนหน้าผา
หน้าผานั้นชันจนดูน่าหวาดเสียว แต่ต้นสนเหล่านั้นกลับตั้งตระหง่านอย่างมั่นคง!
ทันใดนั้น เสียงร้องของนกอินทรีดังก้องมาจากที่ไกลโพ้น!
อินทรีตัวหนึ่งบินโฉบมา ปีกสีเทาของมันงดงามเกินพรรณา!
สายตาอันเฉียบคมของมันราวกับมีตัวตนจริง พุ่งทะลุผ่านเมฆหมอก มองสำรวจไปรอบๆ เทือกเขาและก้อนเมฆที่รายล้อม
ปีกอันกว้างใหญ่ของมันกระพืออย่างทรงพลังในสายลม ทุกการเคลื่อนไหวเปี่ยมด้วยพลังและความยิ่งใหญ่ ราวกับราชาแห่งโลกผู้ครอบครองผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่เบื้องล่าง!
ในชั่วขณะนั้น
หวังซินรู้สึกราวกับว่าตนเองกลายเป็นอินทรีตัวนั้น กำลังหายใจไปพร้อมกับทุ่งกว้างและผืนป่า ความรู้สึกปลอดโปร่งในใจไม่เคยมากมายเท่านี้มาก่อน ความคิดของเขาเหมือนได้โบยบินอย่างไร้ข้อจำกัดในความสูงอันไร้ขอบเขต เป็นเจ้าเหนือหัวของทุกสิ่งที่อยู่ใต้ผืนฟ้าอันไพศาล!
อินทรีสยายปีก!
กลืนแผ่นดิน!
สายตาของหวังซินหยุดอยู่ที่ตัวอักษรขนาดใหญ่ตรงมุมขวาบนของภาพวาด เขาค่อยๆ ตั้งสติได้อีกครั้ง เพียงแต่ความรู้สึกถึงพลังและความมุ่งมั่นในใจที่พลุ่งพล่านไม่เคยมีมาก่อน ภาพวาดนี้กระตุ้นให้เขารู้สึกถึงความฮึกเหิมอย่างไร้ขีดจำกัด ราวกับพร้อมจะพิชิตสมรภูมิการค้าประหนึ่งอินทรีกลืนแผ่นดิน!
“พ่อคะ กำลังดูอะไรอยู่เหรอ?”
เสียงของหวังเยวี่ยดังขึ้นขัดจังหวะความคิด
ภรรยาของเขาเองก็เดินตามเข้ามาตามสัญชาตญาณ
ทันทีที่ทั้งสองได้เห็นภาพวาดบนผนัง พวกเธอก็หยุดนิ่งไปเช่นเดียวกับหวังซินก่อนหน้านี้
ภาพวาดนี้ราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างที่สามารถสะกดจิตวิญญาณของผู้ชมได้ในทันที ทำให้พวกเขาสัมผัสถึงอารมณ์อันยิ่งใหญ่ที่แผ่ขยายกลืนกินแผ่นดิน!
“เลขาหลิว! เรียกผู้จัดการมาพบผมเดี๋ยวนี้!”
หวังซินยังคงจ้องมองภาพวาด ขณะที่มือกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อโทรหาเลขาของเขา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเร่งร้อน!
เลขารีบบอกว่า “ท่านครับ ใจเย็นๆ นะครับ ผมจะจัดการให้เอง รับรองว่าผมจะทำให้โรงแรมนี้ชื่อเสียงพังยับเยินแน่ ๆ กล้าตั้งราคาห้องพักไว้ห้าแสนขนาดนี้ ไม่มีเศรษฐีคนไหนยอมพักที่นี่อีกแน่นอน…”
“โรงแรมนี้ไม่มีปัญหาอะไร ราคาห้าหมื่นไม่แพงเลย!”
หวังซินพูดแทรกขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ผมอยากให้คุณถามผู้จัดการโรงแรมว่าภาพในห้องนี้ขายหรือเปล่า ถ้าผู้จัดการตัดสินใจไม่ได้ ให้เจ้าของโรงแรมมาคุยกับผมโดยตรง เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา!”
“หา?”
ปลายสายถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...