เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 870

ตอนที่ 870-2 เรามีภาพวาดแบบนี้ทั้งหมดห้าภาพ (2)

เหมียวไป่อ้าปากพะงาบ ทว่ากลับไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ในแววตาของเขาเพียงแต่เผยความตกตะลึงและชื่นชมอย่างสุดซึ้งอย่างไม่อาจปิดบังได้!

หวังซินหันไปหาประธานฟางซึ่งยืนอยู่ข้างๆ

“แล้วประธานฟางคิดว่าอย่างไร?”

ฟางโม่ข่าน เหลือบมองเหมียวไป่อย่างระแวดระวัง ก่อนพยายามข่มความตกใจในใจของตน กระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง

“ภาพนี้ก็ถือว่าใช้ได้ แม้ว่าบางจุดจะดูประดิดประดอยเกินไป แต่โดยรวมแล้วถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ดี ผมเป็นคนที่ไม่ได้จู้จี้อะไรมาก เดี๋ยวผมจะซื้อภาพนี้กับทางโรงแรมเอง”

“ประธานฟาง!”

เหมียวไป่ถึงกับใจกระตุกวาบ หน้าถอดสีใจในทันที “ในเมื่อภาพนี้ธรรมดาอย่างที่คุณว่า ก็ปล่อยให้ผมซื้อเถอะ ผมเป็นคนที่ชอบภาพวาดที่มีนกอินทรี ไม่ว่าภาพไหนที่วาดนกอินทรี ผมก็อยากได้ทั้งนั้น”

“ประธานเหมียวไม่ต้องฝืนตัวเองหรอกครับ…”

“ประธานฟาง คุณต่างหากที่ไม่ควรฝืนตัวเอง”

“ภาพนี้ไม่คุ้มค่าที่ประธานเหมีย จะต้องลงมือหรอกครับ วงการศิลปะน่ะซับซ้อนมาก ผมกลัวคุณจะรับมือไม่ได้ ให้ผมเป็นคนจัดการเองจะดีกว่า”

“พูดอะไรแบบนั้นล่ะ ประธานฟาง? ผมน่ะก็แค่ชอบพญาอินทรีจริงๆ”

“บังเอิญจังเลย บ้านผมก็มีภาพวาดพญาอินทรีเหมือนกัน เป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปินชื่อดังจากจ้าวโจว งดงามยิ่งกว่าภาพนี้ เดี๋ยวผมส่งไปให้ประธานเหมียวถึงบ้านเลย คุณเก็บภาพนี้ไว้ให้ผมก็พอ”

“ฟางโม่ข่าน เลิกเสแสร้งสักที!”

สีหน้าของเหมียวไป่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที “ภาพนี้ผมต้องได้!”

ฟางโม่ข่านหรี่ตาลงเล็กน้อย “เหมียวไป่ คุณคิดจะแย่ผมจริงๆ สินะ?”

โอ้โห!

หวังซินที่ยืนอยู่ด้านข้างร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก ทำได้เพียงพูดโน้มน้าว “ทั้งสองท่านอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย อย่าทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเลยนะครับ คนจริงต้องไม่อ้อมค้อม ทุกคนก็ชอบภาพนี้เหมือนกันหมด แต่บอกตามตรงนะครับ ถ้าทางโรงแรมยอมขาย หวังซินคนนี้คงซื้อไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว น่าเสียดายที่ทางโรงแรมยืนยันหนักแน่นว่าไม่ขายเลยครับ เขาแค่ตั้งไว้ให้ลูกค้าได้ชื่นชมเท่านั้นเอง!”

“ผมไม่เชื่อ!”

สองคนพูดพร้อมกันแทบจะทันที เปลวไฟที่ลุกโชนในดวงตาของพวกเขาชัดเจนจนยากจะปิดบัง “เรียกผู้จัดการมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”

หวังซิน “…”

เขาทำได้เเพียงส่งคนไปเรียกผู้จัดการ

ไม่นานนัก หวังอวี่ผู้จัดการโรงแรมก็กระวีกระวาดเดินเข้ามา

“ภาพนี้ ผมอยากซื้อ”

ฟางโม่ข่านมองไปยังหวังอวี่ พลางชี้ไปยังภาพบนผนัง

หวังอวี่ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น “ประธานใหญ่สั่งไว้ชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีทางขายภาพในโรงแรมนี้…”

ซุนเย่าหั่วสั่งไว้อย่างเด็ดขาด

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น หวังอวี่ยังต้องพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าที่ทุกคนจะยอมเชื่อว่าภาพเหล่านี้ไม่มีทางถูกขายออกไปแน่นอน

“เอาละ ในเมื่อเป็นแบบนั้น…”

เหมียวไป่กลั้นความผิดหวังในใจไว้ ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วเอ่ยว่า

“ภาพนี้คุณหวังคงชื่นชมพอแล้วใช่ไหมครับ ถ้ายังไงคุณหวังย้ายไปพักห้องอื่นดีไหม ค่าใช้จ่ายผมออกให้เอง คืนนี้ผมจะพักในห้องนี้แทน เพราะผมชอบภาพนี้จริงๆ ส่วนเรื่องธุรกิจที่เราจะเจรจากัน ผมเซ็นสัญญาให้เลย ไม่มีปัญหาอะไร ขอให้เราร่วมงานกันอย่างราบรื่น!”

“ไม่ได้มั้ง!?”

ฟางโม่ข่านรีบพูดขึ้นด้วยความร้อนรน “คุณสองคนอยากพักโรงแรมใช่ไหม งั้นผมออกค่าใช้จ่ายเปิดห้องสวีตให้พวกคุณสองห้องเลย! แต่ขอให้ผมได้พักห้องนี้แทนเถอะ ธุรกิจอะไรผมก็ไม่มีปัญหา คุณหวัง โปรดรับคำขออันไม่สมเหตุสมผลของผมด้วยนะ!”

“นี่คุณยังจะแย่งอีกเหรอ?”

เหมียวไป่เริ่มมองฟางโม่ข่านด้วยสายตาไม่พอใจ

หวังอวี่รู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มแปลกๆ จึงพูดแทรกขึ้นว่า “ขอโทษนะครับทุกท่าน ความจริงแล้วโรงแรมของเรามีห้องสวีตทั้งหมดห้าห้อง และเรามีภาพวาดแบบนี้ทั้งหมดห้าภาพ กระจายอยู่ในห้องสวีตแต่ละแต่ละห้อง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องยึดติดกับห้องเดียวครับ”

“ยังมีภาพแบบนี้อยู่ในห้องอื่นอีกหรือ?”

เหมียวไป่และฟางโม่ข่านตกใจไม่น้อย ภาพวาดระดับนี้ยังมีมากกว่าหนึ่งภาพ?

“ใช่ครับ”

หวังอวี่ยิ้มอย่างมั่นใจ “ห้องสวีตที่ราคาห้าหมื่นต่อคืนของเราจะต้องมีเหตุผลที่คู่ควรกับราคาแน่นอน!”

“ห้าหมื่นต่อคืน?”

เหมียวไป่และฟางโม่ข่านเพิ่งจะรู้ราคาของห้องสวีตระดับสูงสุดของโรงแรม แต่เมื่อนึกถึงภาพวาดที่ติดอยู่บนผนังแล้ว ทั้งสองกลับไม่รู้สึกว่าราคานี้จะเป็นปัญหาอะไร

“เปิดให้ผมห้องหนึ่ง!”

“ผมก็ขอห้องหนึ่งด้วย!”

ทั้งสองพูดขึ้นต่อกัน จากนั้นจึงหันไปมองหวังอวี่ด้วยท่าทีที่คลางแคลงเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงความจริงจัง

“ภาพในห้องพวกนี้ อย่าให้เราผิดหวังเชียวล่ะ”

“วางใจได้เลยครับ”

หวังอวี่ยิ้มพลางพูดตอบ ก่อนจะรีบดำเนินการเปิดห้องให้ทั้งสองคนทันที

บริเวณปากหุบเขา

บัณฑิตสองคนนั่งสนธนาบนโขดหินริมธาร

เบื้องล่างเป็นสายน้ำตกแขวนดั่งสายแพร ไหลรวมสู่ลำธาร สาดกระเซ็นไปมา ราวกับมีเสียงเย็นเยียบกังวานออกมา

งดงามบริสุทธิ์!

กลิ่นอายแห่งบทกวีและภาพวาด!

การผสานกันระหว่างขุนเขาและสายน้ำ คือการจับคู่ระหว่างความสงบกับการเคลื่อนไหว การรวมกันระหว่างความเรียบง่ายกับความงดงาม จนกลายเป็นทัศนียภาพที่งดงาม

ความงามตามธรรมชาติ!

ถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ!

เมื่อยืนอยู่หน้าภาพนี้

เหมียวไป่รู้สึกราวกับตนเองได้กลายเป็นบัณฑิตคนหนึ่งในภาพนี้ ได้สูดดมกลิ่นหอมสดชื่นของผืนดินในวสันตฤดู

เขาถึงกับรู้สึกว่ามีความเย็นแปลกๆ สัมผัสใบหน้า ราวกับละอองน้ำจากธารในภาพนั้นกระเซ็นมากระทบหน้าของเขา จากนั้นสายลมในฤดูใบไม้ผลิก็พัดผ่านอย่างแผ่วเบา ชั่วขณะหนึ่งความรู้สึกเย็นสบายก็แผ่ซ่านเข้าสู่จิตใจจน

เหมียวไป่รู้สึกได้อย่างชัดเจนเช่นกัน

หวังซินซึ่งอยู่ด้านข้างก็รู้สึกไม่ต่างกัน เขาพึมพำว่า “ดูเหมือนจะไม่ด้อยไปกว่าภาพในห้องสวีตของผมเลย แตกต่างกันก็เพียงนิดเดียวเท่านั้น…”

“แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน”

เหมียวไป่รู้สึกว่าจิตใจของเขาสงบสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่คำพูดก็แฝงไปด้วยความสงบเยือกเย็น

“พี่หวังอาจรู้สึกว่าภาพอินทรีสยายปีกกลืนแผ่นดินนั้นดีกว่า ส่วนผมกลับชอบภาพต้นไม้ในวสันต์น้ำค้างสารทฤดูมากกว่า มันเป็นความสงบและความละเมียดละไมของจิตใจ สิ่งที่ผมแสวงหามาตลอดชีวิตก็หนีไม่พ้นสิ่งนี้”

“ไปดูของประธานฟางกันไหม?”

หวังซินไม่ได้แย้งอะไร เพราะอีกฝ่ายเรียกเขาว่าพี่หวังทั้งที แสดงว่าการเจรจาธุรกิจครั้งนี้น่าจะลุล่วงไปด้วยดีแล้ว แต่ในใจของหวังซิน เขายังคงเชื่อมั่นว่าอินทรีสยายปีกกลืนแผ่นดิน เท่านั้นที่แสดงถึงพลังและความยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใด!

เฉกเช่นการดื่มสุรา บางคนชอบไวน์แดง แต่บางคนกลับชอบเหล้าขาว

“ไปกัน!”

เหมียวไป่ตอบรับทันที ก่อนจะพาหวังซินไปยังห้องชุดของฟางโม่ข่าน

ไม่กี่นาทีต่อมา

ทั้งสามยืนอยู่หน้าภาพหงส์ฟ้าทระนงในห้องของฟางโม่ข่าน มผัสถึงความตะลึงงันที่ไม่อาจเอ่ยเป็นคำพูดได้อีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน