เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 873

ตอนที่ 873 หลี่ซ่งหวาไม่อยู่

สตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์

ห้องทำงานของประธานกรรมการ

หลี่ซ่งหวากำลังดื่มชา

จู่ๆ ก็มีคนเคาะประตูจากด้านนอก

เมื่อหลี่ซ่งหวาเปิดประตูไปดู ทันใดนั้นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ปากพลางเอ่ยหยอกล้อ “หลินเยวียน คุณมาทำไม ใบชาหมดแล้ว เลยคิดจะมาปล้นผมใช่ไหม?”

“ไม่ได้ปล้นครับ ประธานยกให้ผมเอง”

ผู้มาเยือนไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นหลินเยวียนที่เพิ่งรีบบึ่งจากสตูดิโอมาถึงบริษัท เขาแก้ไขคำพูดของหลี่ซ่งหวาอย่างจริงจัง

หลินเยวียนนี่อารมณ์ขันไม่ค่อยได้เรื่องเอาซะเลย

หลี่ซ่งหวาคิดอยู่ในใจ แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย

“แล้วคุณมาหาผมมีเรื่องอะไรล่ะ”

“ผมเอาภาพมาให้น่ะครับ ภาพที่อิ่งจือวาด”

หลินเยวียนพูดพลางหยิบภาพออกมาแล้วยื่นให้หลี่ซ่งหวา

“เขาฝากอวยพรปีใหม่ให้ประธานด้วยครับ”

“…”

หลินเยวียนดูเหมือนจะมีอารมณ์ขันอยู่เหมือนกัน

หลี่ซ่งหวาหัวเราะเบาๆ ต่อบทตามน้ำไป “งั้นก็รบกวนอาจารย์เซี่ยนอวี๋ช่วยส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงอิ่งจือแทนผมด้วยแล้วกัน”

“ได้ครับ”

หลินเยวียนนำภาพมาส่งเสร็จแล้วก็เดินออกไป

หลี่ซ่งหวาถือภาพไว้ กำลังจะเปิดดู แต่แล้วโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานกลับดังขึ้นมาเสียก่อน

ฟางโม่ข่านจากเครือเหิงอวี่?

เขาโทรมาหาฉันทำไม?

หลี่ซ่งหวากดรับสายด้วยความสงสัย ก่อนจะพูดทักทายอย่างอารมณ์ดี “พี่ฟางโทรมาวันนี้มีเวลาว่างคุยเล่นกับผมแล้วเหรอครับ?”

“น้องหลี่ ผมมีเรื่องอยากขอร้องคุณสักหน่อย”

“พี่ฟางว่ามาเลย เราสองคนไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันอยู่แล้ว”

อีกฝ่ายเป็นนักธุรกิจแถวหน้า แม้จะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิง แต่หลี่ซ่งหวาเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าวันหนึ่งจะไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนระดับนี้ การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับมหาเศรษฐีระดับนี้จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

“พูดง่ายดี!”

เสียงของฟางโม่ข่านระคนความตื่นเต้นเล็กน้อย “งั้นผมขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ภาพวาดของอิ่งจือที่คุณมีอยู่ คุณพอจะยกให้ผมได้ไหม?”

“ภาพวาด?”

หลี่ซ่งหวาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองภาพวาดในมือด้วยความตกใจ “คุณรู้ได้ยังไงว่านี่คือภาพของอิ่งจือ”

เสียงของฟางโม่ข่านแฝงความร้อนรน “น้องหลี่ อย่าเล่นลิ้นนักเลย ผมได้ยินมาว่าเซี่ยนอวี่ขอภาพจากอาจารย์อิ่งจือมามอบให้คุณ ผมชอบภาพนี้มาก ถ้าคุณยอมสละให้ผมละก็ ผมยินดีจ่ายเงินซื้อ ราคาต้องทำให้คุณพอใจอย่างแน่นอน!”

เฮ้อ

แค่เรื่องนี้เองหรือ?

หลี่ซ่งหวาถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะถือโอกาสเปิดภาพวาดในมือ “พี่ฟางพูดเกินไปแล้ว สรุปก็คือแค่ภาพวาดหนึ่ง…”

ทันใดนั้นเสียงของเขาก็ขาดห้วงไปกลางคัน

ฟางโม่ข่านเอ่ยถาม “ประธานหลี่? ประธานหลี่?”

หลี่ซ่งหวาจ้องมองภาพวาดที่เพิ่งคลี่ออก จากนั้นจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างยิ่งยวด “ขอโทษด้วยครับ คุณฟาง นี่เป็นของขวัญที่เซี่ยนอวี่ตั้งใจมอบให้ผม จะให้ส่งต่อให้คนอื่นได้อย่างไร!”

พูดจบ

หลี่ซ่งหวาก็วางสายทันที จากนั้นก็จ้องภาพม้าควบในมือด้วยดวงตาเปล่งประกาย ราวกับกำลังเมามายกับภาพวาด หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความตื่นเต้น

ของล้ำค่า!

หลินเยวียนดีกับเขาเหลือเกิน ความจริงใจที่เขามีให้หลินเยวียนมันไม่สูญเปล่าจริงๆ ภาพวาดนี้ช่างล้ำค่า…

แต่ในขณะนั้นเอง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง

ไม่น่าเชื่อว่าคราวนี้จะเป็นมหาเศรษฐีอีกคนที่โทรมา เปิดสายมาก็พูดทันทีว่า “ประธานหลี่ครับ คุณมีภาพวาดอยู่ในมือใช่ไหม…”

“ไม่มี ไม่มีเลยครับ!”

หลี่ซ่งหวาปฏิเสธทันที ก่อนจะเริ่มโชว์การแสดงเต็มรูปแบบ “ประธานเหมียว? ประธานเหมียว? ประธานเหมียวพูดอะไรนะครับ ปัดโธ่ สัญญาณหายอีกแล้ว!”

พูดจบก็แสร้งทำเป็นวางสายไป

หลี่ซ่งหวามองซ้ายมองขวาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขย่งปลายเท้า ย่อตัวลงราวกับนักย่องเบา วิ่งไปที่ประตูห้องทำงานแล้วล็อกห้องไว้ ก่อนจะหันกลับมามองภาพวาดตรงหน้าด้วยความเคลิบเคลิ้ม

โอ้แม่เจ้า!

นี่คือผลงานของอิ่งจือเหรอเนี่ย?

ม้าป่าซึ่งดูเหมือนจะพุ่งออกมาจากภาพ เปี่ยมไปด้วยอิสระเสรี กล้าหาญและไม่ยอมจำนนต่อสิ่งใด รวมถึงความรู้สึกประหนึ่งกำลังอยู่ในเหตุการณ์จริง สัมผัสถึงสายลมที่พัดผ่านจากกีบม้าขณะวิ่งควบได้อย่างเต็มที่ ระดับฝีมือแบบนี้มันเหนือมนุษย์ชัดๆ …

หืม?

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกแล้ว?

หลี่ซ่งหวาไม่แม้แต่จะรับสาย กดปิดเสียงทันที แค่นี้เขาก็ไม่ต้องได้ยินเสียง โลกกลับมาสงบสุขอีกครั้ง…

“กริ้งๆๆ”

โทรศัพท์สายภายในบริษัทดังขึ้นอีก!

ยังไม่จบอีกเหรอฟระ หลี่ซ่งหวาขมวดคิ้วก่อนจะกดรับสาย พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“มีอะไรอีก?”

“ประธานโจวจากเครือเซินหงมาเยี่ยมที่บริษัทครับ…”

“หลี่ซ่งหวาไม่อยู่ หลี่ซ่งหวาไม่อยู่!”

หลี่ซ่งหวาแทบจะกระโดดขึ้นราวกับถูกเหยียบหาง เขาตะโกนลั่นก่อนจะรีบวางสายทันที

เมื่อหยิบมือถือบนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู หลี่ซ่งหวาพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับถึงหกสาย และทุกสายมาจากมหาเศรษฐีหกคนที่แตกต่างกัน

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

พนักงานต้อนรับถึงกับมองผู้ที่มาจองด้วยสายตาแปลกใจ“ท่านแน่ใจว่าจะจองห้องใช่ไหมคะ ณ ตอนนี้ ห้องสวีตห้าห้องนี้ ห้องที่ว่างเร็วที่สุด ถูกจองยาวไปจนถึงช่วงปลายเดือนมีนาคมแล้วค่ะ…”

ในเวลาเดียวกัน

บรรดาลูกหลานเศรษฐีที่กำลังเล่นเกมในห้องสวีตต่างพากันหัวเสียหลายคนระบายอารมณ์ในกลุ่มแช็ต [แตะถึงพื้นกลายเป็นกล่อง] ซึ่งกลายเป็นฐานทัพหลักของผู้เล่นทายาทเศรษฐีในโรงแรมแห่งนี้

‘เมื่อกี้ฉันลงไปข้างล่างมา คนเต็มไปหมดเลย เสียงดังน่ารำคาญสุดๆ ’

‘ฉันก็ได้ยิน คิดว่าที่นี่เป็นร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟหรือไง?’

‘นี่มันโรงแรมห้าดาวนะ จะให้มาเหมือนตลาดสดได้ยังไง ฉันว่าเดี๋ยวจะไปบ่นที่แผนกต้อนรับสักหน่อย”

“จะบ่นไปทำไม! ให้นายน้อยหวังจัดการไปเลยดีกว่า!”

“เดี๋ยวฉันไปเอง”

“นายน้อยหลี่สุดยอด!”

“ฉินโจวจะสงบหรือไม่ นายน้อยหลี่จัดการได้!”

ท่ามกลางเสียงโอ้อวดและยกยอในกลุ่มแช็ต นายน้อยหลี่ย่างสามขุมเปิดประตูออกเดินจากห้องอย่างองอาจ ก่อนจะมองไปยังกลุ่มคนที่เดินผ่านไปมาในโถงโรงแรม

เพียงแค่กวาดตามองผ่านฝูงชนเพียงแวบเดียว

นายน้อยหลี่คนนี้เป็นต้องคอหด เผ่นกลับเข้าห้องอย่างลนลาน ใบหน้าขาวซีด กดหน้าอกที่หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา

มีคนถามในกลุ่มแช็ต ‘ว่าไงบ้าง นายน้อยหลี่?’

นายน้อยหลี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ด้วยมืออันสั่นเทิ้ม ‘พ่อของพ่อฉันมาแล้ว…’

‘ฮ่าๆ ปู่นายมาจับที่นายเล่นเกมในอินเทอร์เน็ตคาเฟเหรอ?’

‘นั่นมันหัวหน้าของพ่อฉันต่างหาก!’

‘บ้าน่า! หัวหน้าของพ่อนายเลยเหรอ? คนระดับนั้นมาทำอะไรที่นี่?’

‘ไม่ใช่แค่หัวหน้าของฉันหรอก หัวหน้าของพ่อพวกนายก็อยู่ด้วย วันนี้เงียบๆ กันหน่อย เล่นเกมเบาๆ ข้างนอกมีแต่คนใหญ่คนโต…”

“นายน้อยหลี่อย่ามาอำ”

มีคนไม่เชื่อ และเดินออกไปสำรวจดูรอบๆ

ผ่านไปหนึ่งนาที

คนที่ออกไปดูกลับมาแทบหัวใจวาย แข้งขาอ่อนยวบ รีบวิ่งกลับเข้าห้องไปอย่างลนลาน ‘เวรเอ๊ย! เหมือนเจอผีเข้าเลย!’

‘ผีอะไรวะ?’

‘ก็ผีที่พ่อนายเห็นแล้วยังต้องโค้งคำนับนั่นแหละ!’

‘นี่นายด่าฉันเหรอ!’

‘งั้นนายลองออกไปดูเองสิ…’

อีกหนึ่งนาทีผ่านไป

คนที่เพิ่งออกไปถึงกับสติแตก พิมพ์ข้อความอย่างร้อนรน ‘อย่าออกไป! อย่าออกไป! อย่าออกไป!’

ข้างนอกมีแต่ผีเต็มไปหมด

กลางวันแสกๆ จะหลอกกันให้ตายเลยหรือไง!!!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน