ตอนที่ 88 ดาวรุ่งค่อยๆ พุ่งแรง
เผยโฉมหน้าราชาเป็นแค่คำหยอกล้อ
ที่สำคัญก็เพราะเซกชันวรรณกรรมของปู้ลั่วรูดซิปปิดปากเงียบกริบ
นิยายสั้นสามสิบเรื่องร่วมประลองในสังเวียนเดียวกัน ถ้ายังไม่ถึงวันสุดท้ายก็จะไม่บอกว่านักเขียนของนิยายเหล่านี้เป็นใคร บอกแค่ว่านักเขียนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งในวงการ…
ปู้ลั่วเลือกใช้วิธีการแข่งขันนี้ พูดได้ว่ากระตุ้นความสงสัยของทุกคนได้ถึงขีดสุด!
ภาษิตกล่าวว่า ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวตาย
นักอ่านและผู้คนในแวดวงเรื่องสั้นนั้นไม่ใช่แมว แต่ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าแมวเลย
ลูกเล่นนี้เรียกได้ว่าเป็นการใช้วิธีการทางจิตวิทยามาก
ก็เหมือนกับคนคนหนึ่ง พูดจาได้ครึ่งเดียว จากนั้นก็ไม่ยอมพูดอีก
ไม่ว่าคำพูดนั้นจะสำคัญหรือไม่ ผู้ฟังก็ล้วนให้ความสนใจทั้งนั้น ใครใช้ให้หลุดพูดข้อมูลมาตั้งครึ่งหนึ่งแล้วล่ะ
ฉะนั้นในช่องแสดงความคิดเห็นของปู้ลั่ว นักอ่านต่างโพสต์คาดเดานักเขียนไปต่างๆ นานา ตั้งแต่บทความวิเคราะห์หลากหลายด้านอย่างจริงจังกันเหลือเกิน
และต้องบอกว่าสิ่งที่ทุกคนสงสัยมากที่สุด ก็ย่อมเป็นนักเขียนอันดับที่หนึ่งในครั้งนี้!
เมื่อผ่านการแข่งขันเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ตอนจบของการแข่งขันในการประกวดนิยายสั้นเรื่องนี้ก็ชัดเจนมาก
นิยายสั้นที่ชื่อว่า ‘วาระสุดท้ายของเสมียนรัฐ’ เป็นผลงานที่ชนะการประลองในครั้งนี้!
ในตอนนี้ การถกเถียงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐนั้นร้อนแรงที่สุด
ในโพสต์คาดเดาเหล่านี้ นักเขียนนิยายสั้นชื่อดังในวงการ ต่างก็ถูกนักอ่านเอ่ยถึงอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
น่าเสียดายที่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครยอมรับ
แน่นอนว่าหลินเยวียนเองก็เห็นอันดับของตน
พูดตามตรง อันดับหนึ่งซึ่งเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐสามารถคว้ามาได้นั้นอยู่เหนือความคาดหมายของเขามาก เพราะเดิมทีเขาเตรียมตัวเตรียมใจว่านิยายเรื่องนี้จะชิงได้เพียงอันดับสาม
นิยายเรื่องนี้ยอดเยี่ยมสุดๆ แต่น่าเสียดายที่การเสียดสีในเรื่องนี้มีประสิทธิภาพด้อยไปหน่อย
อีกอย่าง ความด้อยประสิทธิภาพของการเสียดสีนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หรือจะพูดง่ายๆ ว่า
ถ้าหากหลินเยวียนอาศัยอยู่ในสมัยที่มีการปกครองด้วยระบอบศักดินาอันมืดมน บางทีนิยายเรื่องนี้อาจถ่ายทอดความหมายที่ลึกซึ้งกว่านี้ได้
ทว่าในตอนนี้
ในยุคอันสงบสุขบนบลูสตาร์ นิยายเรื่องนี้กลับดูคล้ายกับใช้วิธี ‘หยิบยืมอดีตมาเสียดสีปัจจุบัน’ เสียมากกว่า
แต่ถึงอย่างนั้นหลินเยวียนก็ไม่ได้ติดใจกับเรื่องนี้มากเกินไป
ในเมื่อเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายละก็ หลินเยวียนก็แค่นั่งรอเงินรางวัลของอันดับหนึ่งโอนเข้าบัญชีก็พอแล้ว
การนั่งรอเงินแบบนี้ไม่กินเวลายืดเยื้อนานหรอก
วันสุดท้ายของเดือนเมษายน ปู้ลั่วก็ประกาศรายชื่อนักเขียน
ท่ามกลางการจับตาอย่างใกล้ชิด ในที่สุดนักเขียนนิยายเหล่านี้ก็ถูกเผยโฉมหน้า!
‘แม่เจ้าโว้ย!’
‘ที่แท้คนเขียนเรื่องคลาดก็คืออาจารย์ผิงเองเหรอเนี่ย ฉันก็ว่าทำไมสำนวนคุ้นๆ ก่อนหน้านี้อาจารย์ผิงก็ไม่ยอมรับ!’
‘นิยายสืบสวนสอบสวนที่ได้อันดับสองนี่เหล่าหวังเป็นคนเขียน! เหล่าหวังจงใจเปลี่ยนสไตล์การเขียนใหม่ จนคนอ่านนึกไม่ถึงเลย’
‘อันดับห้าเรื่องเสียงสะท้อนเป็นผลงานของฉีถง? เรื่องสั้นของฉีถงมีน้อยมาก นึกไม่ถึงว่าคราวนี้จะลองเขียนเรื่องสั้นด้วย’
‘ผลงานอันดับแปดเป็นของเยี่ยเยี่ยเหรอ!’
‘ฮ่าๆๆ ในนี้มีสามเรื่องที่ฉันเดานักเขียนได้!’
‘ฉันเดาได้สองเรื่อง’
‘ก่อนหน้านี้มีโพสต์เดานักเขียน เหมือนมีญาณทิพย์ โพสต์นั้นเดาได้ตั้งแปดคน น่าจะเป็นเทพที่แม่นยำที่สุดในตอ นนี้แล้วแหละ!’
‘…’
คำตอบของปริศนาออกมาแล้ว บรรยากาศของนักอ่านครึ้นเครงกันเหลือเกิน
ทว่าสิ่งแรกที่นักอ่าน รวมไปถึงคนในแวดวงเรื่องสั้นจำนวนมากทำก็คือไปดูว่านักเขียนเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐเป็นใคร
ผลคือ ทั้งนักเขียนในแวดวงเรื่องสั้น และเหล่านักอ่านก็อึ้งทึ่งไปตามๆ กัน
เพราะนี่เป็นชื่อที่คนเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์คาดเดาไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน