ตอนที่ 911 อาจารย์กลับมาแล้ว (1)
หลังจากตอบจินมู่ไปแล้ว หลินเยวียนก็ต้องตอบผู้อ่านอีกด้วย
แต่ไม่ใช่ตอนนี้ และยิ่งไม่ใช่ในฐานะฉู่ขวง
หลินเยวียนตั้งใจจะให้อี้อัน ช่วยอธิบายให้ผู้อ่านฟังในภายหลัง
เพราะในตอนนี้ นอกจากการแก้ไขเนื้อเรื่องของนิยายแล้ว ไม่ว่าฉู่ขวงจะพูดอะไร ผู้อ่านก็ไม่มีทางฟังอยู่ดี แถมยังมีแนวโน้มว่าจะยิ่งทำให้ผู้อ่านรู้สึกเดือดดาลมากขึ้นไปอีก!
อย่างน้อยก็ในช่วงไม่กี่วันนี้
ความเงียบของฉู่ขวงนับเป็นสิ่งล้ำค่า
ทว่าผู้อ่านกลับไม่อาจเข้าใจความคิดของฉู่ขวงได้
ตรงกันข้าม หลายคนกลับมองว่านี่เป็น ‘ความเย่อหยิ่ง’ ของเจ้าแก่ฉู่ขวง
ลองนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เจ้าแก่ฉู่ขวงเขียนเนื้อเรื่องสุดบีบหัวใจจนก่อให้เกิดการประท้วงของผู้อ่าน
มีครั้งไหนบ้างที่เจ้าแก่ฉู่ขวงเคยตอบสนอง?
จริงอยู่ที่กรณีของโฮล์มส์ เคยมีการตอบสนอง
แต่เขาไม่ได้ตอบสนองต่อผู้อ่าน เขากลับตอบสนองต่อเซี่ยนอวี๋
ความไม่เข้าใจนี้ทำให้ในวันที่สองหลังจากศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีเผยแพร่ เสียงด่าทอยังคงกระหน่ำจากทุกทิศทาง บางคนถึงกับแท็กเซี่ยนอวี๋บนโลกออนไลน์ หวังให้พ่อเพลงอวี๋ผู้ซึ่งเคยพลิกสถานการณ์ได้ในคำเดียวมากกดดันเจ้าแก่ฉู่ขวงอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่พ่อเพลงอวี๋ไม่ได้อยากพูดอะไร
ด้วยเหตุนี้
เสียงด่าทอที่เจ้าแก่ฉู่ขวงได้รับจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำพูดอย่าง ‘อวดดีเพราะมีพรสวรรค์’ กลายเป็นฉายาที่ผู้อ่านหยิบยกขึ้นมาพูดถึงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรเสีย นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าแก่ฉู่ขวงได้รับฉายาประเภทนี้
จะว่าอวดดีก็ช่าง
จะว่าเย็นชาก็ช่าง
ทั้งหมดล้วนเป็นฉลากถาวรที่ติดอยู่กับเจ้าแก่ฉู่ขวงมาโดยตลอด
โชคดีที่บ้านของหลินเยวียนก็ยังไม่ถูกปากระจก
ตัวตนในฐานะฉู่ขวงยังคงถูกปกปิดไว้อย่างแนบเนียนดังเดิม
มีข่าวลือว่า
ในอดีตกิมย้งก็เคยเผชิญกับความวุ่นวายในบ้านด้วยเหตุนี้ และเคยมีรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย
อีกทั้งยังมีข่าวลือว่า ฉากที่เซียวเหล่งนึ่งถูกล่วงเกินนั้นเป็นผลงานที่เขียนโดยคนอื่น ไม่ใช่กิมย้งที่แต่งขึ้นเอง
กิมย้งได้ออกมาปฏิเสธคำกล่าวนี้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังของ ‘แปดเทพอสูรมังกรฟ้า’ มีการยืนยันว่ามีคนอื่นช่วยเขียนบางส่วนจริงๆ
ทว่าข่าวลือที่คึกคักที่สุดในหมู่คนอ่านก็คือ กิมย้งเขียนให้เซียวเหล่งนึ่งสูญเสียความบริสุทธิ์ ก็เพราะความรักที่เขามีต่อซย่าเมิ่งนั้นไม่สมหวังในชีวิตจริงนั่นเอง
เซียวเหล่งนึ่งคือซย่าเมิ่งในใจของเขา
เมื่อซย่าเหมิงโผเข้าสู่อ้อมกอดของคนอื่น เซียวเหล่งนึ่งจึงสูญเสียความบริสุทธิ์ในศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี
‘ความจริงกับนิยายมีความเชื่อมโยงกัน’
ในที่นี้จะขอไม่พูดถึงข้อเท็จจริงของการคาดเดานี้
ถึงอย่างไรคนที่ปล่อยข่าวลือเช่นนี้ออกมาคงไม่ได้มีเจตนาดีแน่ๆ
น่าจะเป็นการระบายความไม่พอใจต่อฉากที่เซียวเหล่งนึ่งสูญเสียความบริสุทธิ์
จนถึงขั้นจงใจแต่งเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเพื่อทำให้ผู้เขียนดูแย่
อย่างน้อยกิมย้งก็ไม่ได้โทรมาบอกเรื่องนี้กับเขาด้วยตัวเอง
และเมื่อศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีเผยแพร่มาถึงวันที่สาม
ระยะเวลาสามวันที่หลินเยวียนกำหนดไว้ก็เหลือเพียงวันสุดท้าย
จินมู่เริ่มร้อนใจ ทนไม่ไหวจนต้องโทรหาหลินเยวียน “ที่หน้าคลังหนังสือซิลเวอร์บลูยังมีผู้อ่านจำนวนมากไปขวางหน้าประตูอยู่ คุณไม่ลองโพสต์อะไรสักอย่างเพื่อปลอบพวกเขาหน่อยหรือครับ?”
หลินเยวียนย้อนถาม “จะให้พูดว่าอะไรครับ?”
จินมู่ถึงกับชะงักไปทันที เพราะในตอนนี้ ไม่ว่าฉู่ขวงจะพูดอะไร ก็โดนด่าอยู่ดี
เว้นเสียแต่ว่าเขาจะยอมรับผิดและแก้ไข
หลินเยวียนเอ่ยขึ้น “บอกให้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูจัดหาอาหารและเครื่องดื่มให้พวกเขา ผมออกเงินเอง”
จินมู่ “…”
ข้อเสนอนี้ดูเข้าท่าอยู่เหมือนกัน จินมู่จึงนำไปปฏิบัติตาม
ในวันเดียวกัน
มีคนที่นั่งกินอาหารและดื่นเครื่องดื่มซึ่งฉู่ขวงซื้อให้ พอกินอิ่มดื่มเสร็จ ก็ลุกขึ้นมาประท้วงต่ออย่างเต็มที่
ในตอนนั้นเอง
ตัวแทนคนหนึ่งจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า “อาหารและเครื่องดื่มที่ทุกท่านเพิ่งกินไปเมื่อกี้นี้ อาจารย์ฉู่ขวงเป็นคนเลี้ยงเองครับ”
บ้าชะมัด!
ว่ากันว่ารับของคนอื่น มือก็สั้นลง กินของคนอื่น ปากจะอ่อนลง[1]
สีหน้าของกลุ่มผู้อ่านที่รวมตัวกันอยู่หน้าคลังหนังสือซิลเวอร์บลูพลันเปลี่ยนไปทันที
อารมณ์การประท้วงที่เคยลุกโชน แทบจะถูกดับลงในชั่วพริบตาเพราะคำพูดนี้…
…
อีกด้านหนึ่ง
ในห้องเรียนของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
อาจารย์หวังแห่งภาควิชาวรรณกรรม เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีไว้ในมือ
ทันทีที่เขาเดินเข้ามา นักศึกษาเหลือบเห็นหนังสือศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีในมือของเขา
ทันใดนั้นเอง มีนักศึกษาหลายคนส่งเสียงแซว พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นและหยอกล้อ
“อาจารย์หวังก็อ่านศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีด้วยเหรอครับ?”
“อ่านแล้ว แถมอ่านจบแล้ว สามวันนี้วางหนังสือไม่ลงเลย”
อาจารย์หวังกล่าวเสียงเรียบ พร้อมให้คำตอบที่ทำเอาทุกคนอึ้งจนพูดไม่ออก
วางหนังสือไม่ลงเลยเหรอ?
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจว่า
ทำไมหลายคนที่อ่านศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีจบแล้ว กลับแสดงความชื่นชมในหนังสือเล่มนี้อย่างชัดเจน
“เหอะๆ ”
อาจารย์หวังหัวเราะ “ยังดีที่ยังมีคนเข้าใจอยู่บ้าง แต่ในโลกนี้มีคนโง่อีกเยอะที่ต้องการคำสอน ดังนั้น วันนี้เราจะมาเรียนศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีของฉู่ขวงกัน!”
อุก!
นักเรียนที่อยู่ด้านล่างร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก
“ไม่จริงใช่ไหม?”
“หนังสือเล่มนี้น่าทึ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เราต้องมาเรียนเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้โดยเฉพาะด้วยเหรอ?”
“พวกนายคิดจริงๆ เหรอว่าศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีไม่มีปัญหา?”
“คนที่อ่านจบได้คงมีภูมิต้านทานเต็มหลอดแล้วล่ะสิ?”
“เพราะพวกเราภูมิต้านทานพิษไม่พอ เลยกลายเป็นพวกโง่งั้นเหรอ?”
ห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงฮือฮา
อาจารย์หวังเคาะโต๊ะเบาๆ เพื่อเรียกความสนใจ“นักศึกษาที่อ่านไม่จบ บอกผมหน่อยได้ไหมว่าคิดว่าตรงไหนมีปัญหา?”
“อึ้งย้ง!”
“เอี้ยก้วย!”
“เซียวเหล่งนึ่ง!”
ส่วนใหญ่พากันตะโกนว่า “เซียวเหล่งนึ่ง”
อาจารย์หวังยักไหล่พลางพูดว่า“ถ้าอย่างนั้น เราจะเริ่มตามลำดับของหนังสือ ลองมาคุยเรื่องอึ้งย้งกันก่อน…”
อาจารย์หวังนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหันไปมองนักศึกษาคนหนึ่งที่มีท่าทีพิรุธ “คราวนี้ถ่ายผมให้ดูดีหน่อยล่ะ!”
เอาเถอะ
ที่แท้นักศึกษาคนนี้คือเจ้าตัวแสบที่เคยถ่ายวิดีโอตอนอาจารย์หวังบรรยาย มังกรหยกภาคแรกในครั้งก่อน แล้ววันนี้เขาก็เริ่มถ่ายอีกแล้ว!
“ได้เลยครับ!”
นักศึกษาคนนั้นยิ้มแหย กระแอมเบาๆ จากนั้นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายอย่างเปิดเผยโดยไม่ปิดบัง
อาจารย์หวังไม่สนใจนักศึกษาคนนั้น
เขามองไปยังนักศึกษาทั้งห้อง
“พวกคุณคิดว่าอึ้งย้งในเล่มนี้มีปัญหากับการวางตัวละครใช่ไหม?”
กลุ่มนักศึกษาต่างพยักหน้าหงึกๆ
ทว่าอาจารย์หวังกลับส่ายหัว พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงระคนรำคาญเล็กน้อย “แบบนี้แสดงว่าพวกคุณอ่านมังกรหยกภาคแรกไปเสียเปล่า เรื่องแบบนี้ยังต้องให้ผมมาวิเคราะห์ให้ในชั้นเรียนอีกเหรอ!”
…………………………………………………
[1] รับของคนอื่น มือก็สั้นลง กินของคนอื่น ปากจะอ่อนลง เปรียบเปรยว่าเมื่อรับความช่วยเหลือหรือผลประโยชน์จากผู้อื่น ก็จะเสียความอิสระหรือความกล้าที่จะปฏิเสธ หรือกล่าวโทษพวกเขา

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...