ตอนที่ 92 ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“ท่านเทพ ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
ผู้คนมากมายเข้ามาห้อมล้อมและไต่ถามหลินเยวียนด้วยความเป็นห่วง
หลินเยวียนจำได้ว่าพวกเขาเป็นนักศึกษาในชมรมจิตรกรรม ก็พยักหน้าเพื่อบอกว่าตนไม่เป็นไร
เขาเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนผลักตน รู้สึกแค่ว่าอีกฝ่ายมีแรงเยอะมาก
เจี่ยนอี้ยืนอึ้งไป
ซย่าฝานเองก็งงเหมือนกัน
แน่นอนเขารู้ว่าหลินเยวียนเป็นที่เอ็นดูของทุกคน
ทว่าหลินเยวียนแค่ถูกคนผลักนิดเดียว ก็ดึงดูดกองทัพที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้มาได้ ไม่เกินจริงไปหน่อยเหรอ
เห็นเพียงสีหน้าราวกับเห็นผี น่ากลัวว่ากำลังนึกสงสัยในชีวิตอยู่
อันที่จริง สวี่ชางเข่าอ่อนจนกำลังจะยืนไม่อยู่แล้ว
ถูกสายตาเหี้ยมโหดกระหายเลือดตั้งหลายคู่จ้องมองมา ใครจะไปรับไหวล่ะ
“ทำอะไรกันน่ะ”
อาจารย์ในวิทยาลัยถึงจะมาช้า แต่ก็มาถึงในที่สุด
สวี่ชางที่ประหนึ่งถูกล้อมด้วยรังต่อในตอนนี้น้ำตารื้นขึ้นมา แทบอยากวิ่งเข้าไปกอดและหอมแก้มอาจารย์สักสองฟอด เขารู้สึกว่าถ้าอาจารย์มาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ก็อาจไม่เห็นซากของเขาแล้ว!
น่า! กลัว! เกิน! ไป! แล้ว!
คนพวกนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ต่อให้เป็นใครมายืนตรงนี้ โดนกลุ่มคนมืดฟ้ามัวดินจ้องเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก็ไม่มีทางอยู่ในสภาพดีกว่าสวี่ชางเท่าไหร่หรอก ในตอนนี้สวี่ชางถึงขั้นหวนนึกถึงอาหารรสมือแม่ ถึงแม้ความคิดของเขากับสภาวการณ์ในตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักนิด
“ไม่มีอะไรครับ”
จงอวี๋หัวเราะออกมา เขาไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวโจกพาคนสร้างความวุ่นวาย โชคดีที่ทุกคนควบคุมตัวเองได้ดีมาก ไม่ได้เข้าไปรบราฆ่าฟันกันเพียงเพราะไอ้งั่งคนหนึ่งผลักหลินเยวียนหรอก “พวกเรามาเชียร์สาขาการประพันธ์เพลงน่ะครับ”
อาจารย์งงงัน “สาขาการประพันธ์เพลง?”
เจี่ยนอี้กระซิบว่า “พวกผมอยู่สาขาศิลปะการแสดง”
จงอวี๋ก้มงุดมองปลายเท้าอย่างประดักประเดิด นักศึกษาสาขาจิตรกรรมต่างเกาหัวแกร็กๆ กันยกใหญ่ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอย่างเงียบเชียบ
อาจารย์เหลือบมองจงอวี๋ ไม่ได้พูดจาให้มากความ โบกมือไล่คน “ยังมีเกมครึ่งหลังอีกใช่มั้ย เลิกทะเลาะกันได้แล้ว แข่งบาสทุกปีจะต้องตีกันตลอด เห็นว่าที่นี่เป็นสนามรบหรือไงฮะ”
พูดจบ อาจารย์ก็เดินออกไป
สวี่ชางตามหลังอาจารย์ออกไปติดๆ
อาจารย์หันหลังมา “แล้วตามผมมาทำไมเนี่ย”
สวี่ชางเหลือบมองสายตาซึ่งแม้ว่าจะค่อยๆ สลายโต๋กันไปแล้ว แต่ก็ยังคอยส่งสายตาตักเตือนอยู่เป็นบางครั้งคราว พูดเสียงสั่นเครือ “ผมเห็นอาจารย์แล้วรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเลยล่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
ฉันต้องอยู่ที่นี่เหรอ ถ้าเกิดถูกรุมทึ้งฉีกเป็นชิ้นๆ จะทำยังไงล่ะ
หลินเยวียนอะไรนี่คงไม่ได้เป็นลูกมาเฟียใต้ดินของวิทยาลัยหรอกใช่มั้ย
ก็เหมือนกับในหนังต่อสู้ หลินเยวียนแค่ออกคำสั่ง นักเลงหัวไม้ทั้งวิทยาลัยก็พร้อมพุ่งเข้าใส่เขาแล้วหรือเปล่า?
สวี่ชางรู้สึกว่าตนได้ค้นพบความจริงของด้านมืดในวิทยาลัยแล้ว
อาจารย์ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “ไม่ต้องตามผมมา”
สวี่ชางส่ายหน้ารัว “ผมเป็นคนที่ตามหัวใจไปครับ”
อาจารย์ “…”
สรุปแล้วความขัดแย้งในครั้งนี้ก็เป็นอันสงบลง
แต่ถึงกระนั้น เมื่อถึงการแข่งขันในครึ่งหลัง สวี่ชางเห็นได้ชัดว่าฟอร์มตกไปบ้าง แทบจะแข่งจนจบในสภาพคล้ายกับคนกำลังละเมอ
มือขวาของเขาจับลูกบาส เมื่อนึกได้ว่าตนใช้มือข้างนี้ผลักหลินเยวียน ก็เกิดความกระวนกระวายขึ้นมา
ท้ายที่สุดแล้ว สาขาศิลปะการแสดงก็คว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันบาสเกตบอลครั้งนี้ไป
เพื่อนร่วมทีมไม่ได้กล่าวโทษสวี่ชาง เพราะเพื่อนร่วมทีมก็เป็นเหมือนกับสวี่ชาง จนถึงตอนนี้ก็ยังสงบสติอารมณ์ไม่ได้
ส่วนหลินเยวียนยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยม
เขากลับไปบนอัฒจันทร์ นั่งแทะเมล็ดแตงโมดังเดิม
ซย่าฝานถามเหตุผล หลินเยวียนก็อธิบายว่า “พวกเขาเป็นเพื่อนที่ชมรมจิตรกรรมน่ะ”
“เพื่อนที่ชมรมจิตรกรรม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน