เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 924

ตอนที่ 924 นี่ไม่ใช่ซอมบี้ในแบบที่เคยรู้จัก

โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในเยี่ยนโจว

“นี่แหละถึงจะเรียกว่าบอสใหญ่ตัวจริง!”

“ราชินีแดงบอกว่ามันเรียกว่าลิกเกอร์ เป็นสัตว์ประหลาดที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงแรกของการวิจัย คงจะรวมเอายีนพิเศษต่างๆ มามากมาย!”

“เมื่อเทียบกับซอมบี้หมาแล้ว ไอ้นี่ทำให้ซอมบี้หมาดูเหมือนเด็กน้อยไปเลย!”

โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในหานโจว

“โอ้พระเจ้า!”

“ลิกเกอร์ตัวนี้ยังสามารถวิวัฒนาการได้อีกเหรอ!”

“ตัวใหญ่ขึ้น แถมรูปลักษณ์ยังดูน่ากลัวกว่าเดิมอีก!”

โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในจ้าวโจว

“สัตว์ประหลาดนี่น่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ!”

“ฉันว่าต่อให้เป็นอลิซ ก็คงสู้มันไม่ได้!”

“สู้ไม่ได้แน่ๆ แหละ! ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าคนเขียนบทจะจัดการเนื้อเรื่องต่อไปยังไง สัตว์ประหลาดแบบนี้ฆ่าได้จริงเหรอ?”

เมื่อลิกเกอร์ปรากฏตัวขึ้น ความบ้าคลั่งก็แผ่ขยายไปทั่วโรงภาพยนตร์ต่างๆ!

กลุ่มเป้าหมายของภาพยนตร์ประเภทนี้เป็นคนที่ชื่นชอบความตื่นเต้นและสยองขวัญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้ หลายคนที่เข้ามาชมภาพยนตร์ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการใช้แค่ ‘ซอมบี้’ เป็นจุดขาย จะสามารถดัดแปลงจนกลายเป็นอะไรที่สร้างสรรค์ได้ขนาดนี้!

และในบรรยากาศเช่นนี้

ภาพยนตร์ได้เดินทางมาถึง การต่อสู้ครั้งสุดท้าย

เมื่ออลิซและทีมของเธอเผชิญหน้ากับลิกเกอร์ พวกเขาเลือกที่จะหนีเอาชีวิตรอดโดยไม่ลังเล

กลุ่มคนพากันขึ้นรถรางที่พวกเขาใช้เดินทางมาในตอนแรก ทว่าพวกเขาก็ตื่นตระหนกจนไม่รู้ทิศรู้ทาง!

อย่างไรก็ตาม

ลิกเกอร์ได้เล็งเป้าหมายมาที่พวกเขาแล้ว!

กรงเล็บของมันฉีกทะลุผนังเหล็กของรถราง!

นักข่าวคนหนึ่งในทีม ชื่อว่าแมตต์ถูกกรงเล็บของมันข่วนจนแขนเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ

สุดท้ายแล้ว!

ประตูรถรางก็พัง!

ร่างมหึมาของลิกเกอร์บุกเข้ามาได้!

ภาพระยะใกล้ในฉากนี้

เผยให้เห็นรูปลักษณ์อันน่าสะพรึงกลัวของลิกเกอร์อย่างชัดเจนที่สุด!

นี่คือสัตว์ประหลาดที่ปราศจากผิวหนัง มีเพียงกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่เชื่อมโยงกัน ร่างกายทั้งหมดเน่าเปื่อยเละเทะ ดวงตาของมันเน่าจนดูไม่ออกว่าเคยเป็นอย่างไรมาก่อน และไม่มีแม้กระโหลกศีรษะ ราวกับว่าถูกลอกหนังออกจนหมด ลิ้นขนาดใหญ่ของมันพุ่งออกมาเหมือนหนวดของปลาหมึกซึ่งเต็มไปด้วยหนามแหลมคม!

ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง

อลิซคว้าแท่งเหล็กขึ้นมาและเสียบมันลงไปอย่างรุนแรง!

ลิ้นของลิกเกอร์ถูกแทงทะลุจากโคนลิ้นและถูกตรึงไว้แน่นกับรถราง

รถรางพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว!

ร่างของลิกเกอร์ถูกลากไปตามรางรถไฟในอุโมงค์

ประกายไฟพุ่งกระจายไปทั่ว

เสียงคำรามที่แหลมเสียดหูของมันดังก้องกังวาน!

ร่างของมันค่อยๆ ถูกเผาไหม้จากแรงเสียดสีของรางรถไฟ

เมื่อโคนลิ้นขาดสะบั้น

ลิกเกอร์ก็กลายเป็นลูกไฟที่ลุกโชติช่วงไปทั้งตัว!

ภาพอันน่าตื่นตานี้กระตุ้นอะดรีนาลีนของผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความโล่งใจประหนึ่งรอดพ้นจากความตาย!

สิ่งที่น่าเสียดายคือ

ในระหว่างเหตุการณ์นี้ ทุกคนล้วนเสียชีวิต!

มีเพียงอลิซและแมตต์ผู้เป็นนักข่าวเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้

“คุณจะไม่ตายแน่!”

อลิซเปิดกล่องใส่ยารักษาที่นำติดตัวมาด้วย และพยายามจะฉีดยาให้แมตต์ เพราะเขาโดนกรงเล็บของลิกเกอร์ข่วนจนได้รับบาดเจ็บ

ผู้ชมหลายคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

พวกเขาคิดว่าเรื่องราวน่าจะจบลงเพียงเท่านี้แล้ว

แต่ว่า

เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น!

ภายนอกจู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา

ท่ามกลางแสงนั้น กลุ่มชายสวมหน้ากากซึ่งแลดูคล้ายกับเป็นหมอปรากฏตัวขึ้น

พวกเขาจับตัวอลิซและแมตต์เอาไว้

“เขากำลังกลายพันธุ์!”

ในภาพที่ปรากฏชัดในกล้อง แมตต์เริ่มมีหนามแหลมงอกออกมาจากบาดแผลของเขา พร้อมกับเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง

อีกด้านหนึ่ง

อลิซถูกควบคุมตัว

ผู้ชมที่ก่อนหน้านี้รู้สึกโล่งใจแล้วกลับต้องลุ้นระทึกอีกครั้ง

“พวกนี้ก็เป็นคนของอัมเบรลลาคอร์ปอเรชันเหรอ?”

“อลิซโดนจับไปแล้ว?”

“ตอนจบของหนังหักมุมแบบนี้ หรือว่าจะมีภาคสอง?”

“แมตต์กำลังกลายพันธุ์เหรอ?”

“เรื่องนี้ชัดเจนว่ายังไม่จบแน่นอน!”

“แต่ถ้าดูตามเวลาหนัง ก็น่าจะใกล้จบแล้ว ถ้าจะมีเรื่องต่อ ก็คงต้องรอภาคสองสินะ?”

“นี่มันไม่ใช่ซอมบี้แบบที่ฉันเคยจินตนาการเลย ทั้งซอมบี้คน ซอมบี้หมา แล้วยังมีลิกเกอร์อีก ตามที่ราชินีแดงบอก อัมเบรลลาคอร์ปอเรชันน่าจะสร้างสัตว์ประหลาดไว้มากกว่าลิกเกอร์แน่ๆ รู้สึกว่าโลกทัศน์ของเรื่องนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่ฉันจินตนาการไว้ซะอีก!”

ในโรงภาพยนตร์แต่ละแห่ง

ผู้ชมยังคงไม่ลุกจากที่นั่ง พวกเขาพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

ที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีถูเจิ้งและเจี่ยฮ่าวเหรินนั่งอยู่

ผู้ชมต่างก็พูดคุยและชื่นชมไม่หยุด

“โคตรสะใจเลย!”

“ไม่คิดเลยว่าหนังที่นางเอกเป็นตัวหลักจะสุดยอดขนาดนี้!”

“ฉากสุดท้ายที่อลิซเดินกลางเมืองคนเดียวสุดยอดมากเลย! หรือว่าทั้งเมืองจะเหลือเธอคนเดียวที่รอดชีวิต?”

“ไม่รู้อะ”

“รอภาคสองแทบไม่ไหว!”

“ทิ้งปมไว้เยอะขนาดนี้ ถ้าไม่มีภาคสองนี่ไม่ได้เลยนะ!”

“ต้องยกให้พ่อเพลงอวี๋จริงๆ ไอเดียอะไรแบบนี้ ทั้งไวรัสชีวภาพ ทั้งการทดลองทางพันธุกรรม เปลี่ยนภาพจำเรื่องซอมบี้ไปอย่างสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่ซอมบี้แบบที่ผมเคยรู้จักเลย!”

ท่ามกลางการถกเถียง

ถูเจิ้งและเจี่ยฮ่าวเหรินมองหน้ากัน

เจี่ยฮ่าวเหรินถอนหายใจลึกก่อนพูดอย่างสะท้อนใจ “เรื่องนี้ดูท่าจะยุ่งยากแล้วสิ”

ถูเจิ้งตอบอย่างเรียบนิ่งว่า

“ไม่เห็นยุ่งยากตรงไหน”

ถูเจิ้งมีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย

เจี่ยฮ่าวเหรินมองหน้าเขาด้วยความงุนงง “จะเริ่มแซะจากมุมไหนล่ะ คงไม่คิดจะบอกอีกนะว่าเซี่ยนอวี๋เสียศักดิ์ศรีเพราะการทำหนังตลาด”

ถูเจิ้งตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า

“ผมหมายถึง ผมจะไม่รับเงินงานนี้”

“อะไรนะ…?”

“หนังเรื่องนี้ต้องกลายเป็นผู้บุกเบิกแนวหนังซอมบี้อย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าจะมีคนทำตามแนวนี้อีกเท่าไหร่ ถ้าผมโจมตีหนังที่เป็นผู้บุกเบิกแบบนี้ ก็เหมือนกับการตั้งตัวเป็นปรปักษ์พวกที่จะตามกระแสนี้ในอนาคต ได้ไม่คุ้มเสีย”

“ก็คงทำได้แค่นี้แล้ว…”

เจี่ยฮ่าวเหรินเหลือบมองกลุ่มผู้ชมที่ยังคงตื่นเต้นจนไม่มีใครลุกออกไปจากที่นั่ง เหมือนตั้งใจจะฟังเพลงประกอบตอนจบให้จบด้วย ก่อนจะตัดสินใจได้ในที่สุด

ถูเจิ้งพูดถูก

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้บุกเบิกแนวทางของภาพยนตร์แนวซอมบี้

เหมือนกับเป็นเวอร์ชันอัปเกรดของหนังซอมบี้เดิมๆ ที่เคยเห็นมา การที่มีซอมบี้จำนวนมหาศาล พร้อมภาพที่ชวนให้รู้สึกตื่นเต้น สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างมาก

ในอนาคตจะต้องมีคนเลียนแบบแนวนี้อีกแน่นอน

และถ้าเขาเลือกโจมตีภาพยนตร์ที่เป็นผู้บุกเบิกแนวทางนี้ เมื่อภาพยนตร์แนวนี้ได้รับความนิยมขึ้นมา ตัวเขาจะไม่โดนกระแสตีกลับอย่างจังหรือ?

งานนี้จะรับเงินไม่ได้เด็ดขาด!

………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน