เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 925

ตอนที่ 925 ตั้งเป้าหมายเล็กๆ

ปู้ลั่ว

หลิงคงกำลังพูดคุยกับผู้บริหารเครือโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง

วันนี้ไม่ใช่เพียงวันฉายรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่องผีชีวะเท่านั้น

แต่ยังเป็นวันฉายรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่องนางพญาคมดาบของปู้ลั่วด้วยเช่นกัน

ผู้บริหารเครือโรงภาพยนตร์หัวเราะผ่านสายโทรศัพท์พลางพูดว่า

“ยินดีด้วยครับคุณหลิง ที่สร้างภาพยนตร์ดีๆ ให้กับโลกบลูสตาร์ ผลตอบรับจากผู้ชมกลุ่มแรกของนางพญาคมดาบถือว่าดีมากทีเดียว อัตราการจองที่นั่งก็สูงมาก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด รายได้จากการขายตั๋วของเรื่องนี้น่าจะงดงามมาก และอาจจะมีลุ้นทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์แนวนางเอกเป็นตัวหลักเลยก็เป็นได้ครับ!”

“ขอบคุณครับ”

หลิงคงกดความตื่นเต้นในใจเอาไว้ “หลังจากนี้ต้องขอความช่วยเหลือจากพี่เรื่องการจัดรอบฉายด้วยนะครับ”

“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว”

หลิงคงถามต่อว่า “พี่ทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ของผีชีวะไหมครับ?”

อีกฝ่ายหัวเราะ “ภาพยนตร์ในบลูสตาร์มีตั้งเยอะ เครือโรงภาพยนตร์เองก็ต้องมีการแข่งขันกัน เราเครือปู้ลั่วเห็นว่าภาพยนตร์ของเราน่าสนใจกว่า เลยไม่ได้เลือกฉายผีชีวะของเซี่ยนอวี๋ แต่ภาพยนตร์เรื่องนั้นก็เปิดตัววันนี้เหมือนกัน ไม่นานก็น่าจะมีรายงานผลตอบรับออกมา”

“เข้าใจแล้วครับ”

หลังจากวางสาย หลิงคงเผยรอยยิ้มออกมา

ทางเครือโรงภาพยนตร์รายงานมาว่าเรื่องนางพญาคมดาบได้รับกระแสตอบรับในวันเปิดตัวเป็นอย่างดี ซึ่งทำให้เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเอาชนะเซี่ยนอวี๋ได้ในการแข่งขันครั้งนี้

ทันใดนั้นเอง

เสียงผู้ช่วยร้องด้วยความตกใจดังมาจากข้างนอก

“หัวหน้าหลิง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว แย่แล้วครับ!”

ใบหน้าของหลิงคงถมึงทึงขึ้นมาในทันที “แกสิที่เกิดเรื่อง! ทั้งบ้านแกนั่นแหละที่เกิดเรื่อง!”

ผู้ช่วยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง “หัวหน้าหลิง ฟังผมก่อน นักวิจารณ์สองคนที่เราจ้างไว้ให้เขียนบทความวิจารณ์โจมตีเรื่องผีชีวะดันกลับคำ ไม่ยอมช่วยเราแล้ว!”

“กลับคำ?”

หลิงคงขมวดคิ้ว “กลับคำก็ช่างเถอะ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”

ผู้ช่วยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วพูดว่า “ปัญหาไม่ใช่แค่พวกเขากลับคำครับ แต่ปัญหาคือพวกเขากลับคำแล้วดันไปชมผีชีวะต่อสาธารณะ!”

“อะไรนะ”

ใบหน้าของหลิงคงกระตุกทันที ความรู้สึกอึดอัดใจใจเริ่มเข้าครอบงำอีกครั้ง…

สิ่งที่ผู้ช่วยพูดเป็นความจริง

หลังจากที่ถูเจิ้งและเจี่ยฮ่าวเหรินดูผีชีวะจบ ทั้งคู่ไม่เพียงแต่ไม่วิจารณ์พากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ แต่ยังกลับมาชื่นชมภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการใหญ่อีกด้วย!

‘ความตื่นตาตื่นใจจากประสาทสัมผัส พลิกโฉมจินตนาการใหม่ทั้งหมด เซี่ยนอวี๋มักจะหาวิธีการเล่าเรื่องในมุมที่คุณคาดไม่ถึงเสมอ ผีชีวะคือภาพยนตร์ที่ชวนให้คุณหวาดกลัวจนขนหัวลุก แต่กลับหยุดดูไม่ได้เลย บางทีต่อไปวงการภาพยนตร์คงต้องแยกความหมายระหว่างซอมบี้และศพเดินได้ออกจากกันแล้ว…”

เจี่ยฮ่าวเหรินพูดถึงความแตกต่างระหว่างซอมบี้กับศพเดินได้อย่างชัดเจน

ส่วนบทวิจารณ์ของถูเจิ้งนั้นยาวกว่าและกล่าวถึงภาพรวมของภาพยนตร์

‘ทำไมผีชีวะของเซี่ยนอวี๋จึงได้นำเสนอมุมมองไซไฟแบบใหม่ทั้งหมด ก่อนจะเข้าสู่โรงภาพยนตร์ ผมไม่คิดเลยว่าหนังเรื่องนี้จะมีองค์ประกอบของไซไฟที่เข้มข้นขนาดนี้ ทุกคนล้วนถูกคำโฆษณาที่ว่าเป็นหนังซอมบี้หลอกไว้ทั้งสิ้น

ดูเหมือนว่าภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋จะสามารถสร้างความประหลาดใจให้ผู้ชมได้อย่างเหนือความคาดหมายเสมอ

ตลอดทั้งเรื่องเต็มไปด้วยปริศนาที่ซ้อนกันไปมา ทำให้ผู้ชมเกิดความอยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา และทุกครั้งที่กำลังคิดว่าคำตอบใกล้จะปรากฏ กลับมีเรื่องราวที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

นางเอกคือใคร ความลับของคนที่ความจำเสื่อมเหล่านี้คืออะไร ซอมบี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครจะกลายเป็นซอมบี้ ใครจะรอดชีวิต ทำไมปัญญาประดิษฐ์อย่างราชินีแดงถึงต้องฆ่าผู้คน และจะจัดการกับลิกเกอร์ตัวสุดท้ายได้อย่างไร

เราต่างเก็บคำถามเหล่านี้ไว้ในใจ กลายเป็นเชลยของเซี่ยนอวี๋โดยไม่รู้ตัว

ผมและผู้ชมทุกคนเต็มใจนั่งอยู่หน้าจอ รอคอยให้คำตอบคลี่คลายออกมา

แต่เมื่อทุกปริศนาได้รับการเปิดเผย และเราคิดว่าเราเข้าใจทุกอย่างแล้ว ทันใดนั้น ตอนจบของภาพยนตร์กลับหักมุมอย่างคาดไม่ถึง

อลิซหนีออกจากห้องทดลองที่น่ากลัวแห่งนั้นได้สำเร็จ

เธอยกปืนขึ้นอย่างระแวดระวัง กระสุนได้ขึ้นลำแล้ว แต่ทว่า

บนท้องถนนที่รกร้างว่างเปล่า เหลือเพียงเธอเพียงลำพัง ทั่วทั้งเมืองมีแต่ความโกลาหลและซากปรักหักพัง

พร้อมกับข่าวรายงานเกี่ยวกับเหล่าซอมบี้ที่ออกอาละวาดทั่วเมือง ภาพนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับผมมากกว่าฉากในโถงทางเดินเลเซอร์ที่เป็นตัวแทนของความตาย หรือแม้แต่ฝูงซอมบี้จำนวนมหาศาลที่ราวกับคลื่นสาดซัดเสียอีก!

คำถามใหม่ผุดขึ้นมา

ท่ามกลางดนตรีประกอบที่ยิ่งใหญ่และเร้าใจ ในชั่วพริบตาบรรยากาศเต็มไปด้วยความลุ้นระทึกและความตื่นเต้นจนหยุดดูไม่ได้จริงๆ!’

บทวิจารณ์ของถูเจิ้งมีการเปิดเผยเนื้อเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถึงขั้นทำให้เสียอรรถรสในการรับชม

และในฐานะนักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลสูง บทวิจารณ์ของถูเจิ้งย่อมดึงดูดผู้ชมจำนวนมากให้เข้ามาแสดงความคิดเห็น!

‘เห็นด้วยแบบสุดๆ!’

‘หนังเรื่องนี้พลิกโฉมทุกความคาดหมาย!’

‘สนุกมาก!’

‘ตอนจบนี่ชวนตะลึงจริงๆ ฉันถึงกับคิดว่านี่เป็นหนึ่งในตอนจบของหนังเชิงพาณิชย์ที่ทำให้ฉันหยุดดูไม่ได้เลย ถ้าเกิดตอนนี้มีภาคสองออกฉาย ฉันจะรีบซื้อตั๋วทันทีโดยไม่ลังเล!’

‘ทั้งเรื่องฉันลุ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง!’

‘ตอนแรกฉันคิดว่าราชินีแดงเป็นตัวร้าย สุดท้ายกลับพบว่าเป้าหมายของราชินีแดงคือการปกป้องมนุษย์!’

‘การหักมุมของราชินีแดงนี่สุดยอดจริงๆ ส่วนฉากที่จู่ๆ อลิซก็ระเบิดพลังออกมานี่สะใจมาก ท่าทางการต่อสู้ทั้งเท่ทั้งดุดัน เหมือนเป็นการดึงเสน่ห์ของหนังแนวตัวเอกหญิงออกมาได้ถึงขีดสุด!’

แน่นอน

ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้

เมื่อได้เห็นคำวิจารณ์จากกลุ่มผู้ชมชุดแรกและบทวิจารณ์ของนักวิจารณ์ ก็ทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกอยากจะดูขึ้นมาทันที

‘มันจะสนุกขนาดนั้นจริงเหรอ?’

‘ฟังดูน่าจะมันใช้ได้!’

‘เห็นหลายคนบอกว่าซอมบี้กับศพเดินได้เป็นสองแนวคิดที่ต่างกัน หมายความว่ายังไง?’

‘หนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ด้วยเหรอ?’

‘ราชินีแดงกับอลิซคือตัวละครจากเรื่องอลิซในแดนมหัศจรรย์ของฉู่ขวงไม่ใช่เหรอ?’

‘ไม่ไหว ต้องไปซื้อตั๋วดูแล้วล่ะ!’

‘ใช่ ผมเองก็อ่านรีวิวแล้วคันไม้คันมือขึ้นมาเลย เย็นนี้ต้องไปดูให้ได้!’

‘ตกลงเรื่องนี้มันเกี่ยวกับอะไรกันแน่?’

‘อธิบายไม่ถูกอะ ต้องไปดูเองถึงจะเข้าใจ ถ้าไม่สนุกคุณมาต่อยผมได้เลย!’

พรึบๆๆ!

อิทธิพลจากนักวิจารณ์!

คำบอกเล่าปากต่อปากของผู้ชม!

เมื่อทั้งสองพลังนี้ผสานกัน ส่งผลให้ผีชีวะดึงดูดผู้ชมจำนวนมหาศาลเข้ามาชมภาพยนตร์ในทันที!

ในกลุ่มแช็ตราชวงศ์ปลา

ทุกคนก็เริ่มทยอยหาเวลาไปดูหนังเรื่องนี้กัน

ทันทีที่ดูจบ

ทุกคนต่างก็พากันแท็กหาซย่าฝาน!

“เพราะผนวกรวมทวีปทำให้รสนิยมการรับชมภาพยนตร์ของผู้ชมแต่ละทวีปเริ่มคล้ายคลึงกันมากขึ้น สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ภาพยนตร์แต่ละประเภทเป็นที่นิยมในทวีปต่างๆ ไม่เหมือนกัน ก็เพราะรสนิยมมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่เมื่อความแตกต่างนี้ค่อยๆ ลดลง สิ่งที่ผู้ชมเลือกดูจึงมีความใกล้เคียงกันมากขึ้นเรื่อยๆ”

“เมื่อจงโจวเข้าร่วมการผนวกรวม การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพจะเกิดขึ้นทันที”

“ตอนนี้มันก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีภาพยนตร์เรื่องไหนที่สามารถทำรายได้เกินหนึ่งพันล้านในสัปดาห์เดียวได้ง่ายๆ แต่ปีนี้ถ้ารวมผีชีวะไปด้วย ก็มีถึงสี่เรื่องที่ทำรายได้ทะลุพันล้านในสัปดาห์เดียว”

“ไม่แน่ว่าหนังของเซี่ยนอวี๋เรื่องนี้อาจติดอันดับสิบภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดประจำปี”

“หนังเรื่องนี้บ้ามาก ตอนนี้มีหลายบริษัทเริ่มพิจารณาเขียนบทภาพยนตร์แนวซอมบี้กันแล้ว”

ใช่แล้ว

แม้ว่าภาพยนตร์ของหลินเยวียนก่อนหน้านี้จะโด่งดังมากเหมือนกัน แต่บลูสตาร์มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรองรับภาพยนตร์ที่โด่งดังหลายเรื่องในช่วงเวลาเดียวกันได้

เพราะฉะนั้น

ก่อนหน้านี้ภาพยนตร์ของเขาไม่เคยติดอันดับสิบภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดประจำปีของบลูสตาร์เลย

แต่ผีชีวะเรื่องนี้กลับแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่อาจจะติดอันดับได้ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ทำผลงานได้ดีมาก และในภายหลังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มรอบฉายในแต่ละทวีปมากขึ้น!

เมื่อมีรอบฉายมากขึ้น จำนวนผู้ชมก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเสียงวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาดีมาก และภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ก็ไม่เคยขาดฐานผู้ชมอยู่แล้ว

จะว่าไปแล้ว

ความจริงในแดนมังกรก็เคยมีกรณีคล้ายกันเกิดขึ้นมาก่อน

ก่อนหน้าภาพยนตร์เรื่อง ‘แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์’ ของสวีเจิง รายได้จากภาพยนตร์ในแดนมังกรมักจะไม่สูงนัก

หลังจากภาพยนตร์เรื่องนั้น ตลาดภาพยนตร์ก็เหมือนจะระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์ถูกทำลายสถิติเพดานสูงสุดครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่ใช่ว่าคุณภาพของภาพยนตร์ดีขึ้น

แต่มันเป็นเพราะตลาดภาพยนตร์ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วต่างหาก

บลูสตาร์เองก็มีการผนวกรวมทวีปต่างๆ เป็นพื้นฐาน ดังนั้นการระเบิดของตลาดภาพยนตร์แบบนี้จึงดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้อย่างมีทิศทางที่ชัดเจน

บางคนอาจสงสัยว่า

ทำไมรายได้ของผีชีวะถึงสูงกว่าภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ของเซี่ยนอวี๋

เป็นเพราะภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ของเซี่ยนอวี๋ไม่ดีพอหรือ?

แน่นอนว่าไม่ใช่!

ถ้าสไปเดอร์แมนถูกนำมาฉายในช่วงเวลานี้ รายได้ย่อมไม่ใช่ตัวเลขเดิมอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับเรื่อง ‘คนเล็กหมัดเทวดา’ ของโจวซิงฉือ

ในสภาพแวดล้อมทางตลาดตอนนั้น ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของคนเล็กหมัดเทวดามีเพียงไม่กี่พันล้านหยวนเท่านั้น

แต่ต่อมาเขามีภาพยนตร์เรื่อง ‘นางเงือก’ ซึ่งทำรายได้สูงมาก

ทั้งที่คุณภาพของนางเงือกไม่ได้ดีเท่าคนเล็กหมัดเทวดาแต่กลับทำรายได้มากกว่าหลายเท่า

อีกอย่าง

ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในแดนมังกรอย่าง ‘กองพันหมาป่า 2’ ยังทำได้ไม่ถึงหกหมื่นล้านหยวน และยังไม่ติดอันดับ 50 อันดับแรกของรายได้ทั่วโลกด้วยซ้ำ

แต่ในสภาพตลาดของบลูสตาร์

เมื่อการรวมตลาดเกิดขึ้น แต่ละทวีปก็ไม่มีอุปสรรคด้านภาษาและความแตกต่างทางวัฒนธรรมอีกต่อไป การทำรายได้หกพันล้านจะไม่ใช่เป้าหมายที่ยากเกินไปสำหรับบริษัทภาพยนตร์ชั้นนำ

ในขณะนั้น

หลินเยวียนเริ่มมีความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเกี่ยวกับการผลิตภาพยนตร์ บางทีเขาควรตั้งเป้าหมายเล็กๆ ไว้สำหรับอนาคต

เช่น…

สร้างภาพยนตร์ที่ทำรายได้เกินหนึ่งหมื่นล้าน?

…………………………………………………….

[1] จะดัง เป็นมุกตลกซึ่งเล่นคำพ้องเสียงระหว่างคำว่าเย่าหั่ว (耀火) ในชื่อของซุนเย่าหั่ว และคำว่าเย่าหั่ว (要火) ซึ่งหมายความว่าจะดัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน