ตอนที่ 929 เขตทัศนียภาพทุกแห่งส่งคำเชิญถึงฉู่ขวง
ขณะนั้น
หลินเยวียนอยู่ในสตูดิโอ
หลังจากอัปโหลดบทที่สามเสร็จแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก
แผนของหลินเยวียนคือการอัปเดตวันละหนึ่งตอนสำหรับการเผยแพร่แบบอ่านฟรีทางออนไลน์
เมื่อถึงบทที่สิบก็จะหยุดลง และคลังหนังสือซิลเวอร์บลูจะปล่อยนิยายฉบับเต็มออกมา เพราะจุดนั้นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเนื้อเรื่องพอดี
ในช่วงสามวันต่อมา
เมื่อดาบมังกรหยกเดินเรื่องไปถึงบทที่สี่ บทที่ห้า และบทที่หก เรื่องราวก็ค่อยๆ คลี่คลาย
จุดสนใจของผู้อ่านเริ่มพุ่งไปที่เนื้อหาของเรื่องโดยตรง
‘เตียชุ่ยซัวคือตัวเอกของหนังสือเล่มนี้ ตอนนี้ไม่มีใครสงสัยแล้วใช่ไหม หนึ่ง เขาหล่อเหลา สุภาพ และสง่างาม สอง เขาฉลาดหลักแหลม มีพรสวรรค์สูงส่ง สาม เขามีคุณธรรม รังเกียจความอยุติธรรม สี่ มีชาติกำเนิดสูงส่ง ภูมิหลังไม่ธรรมดา ห้า มีโชคด้านความรัก ชะตาลิขิตให้มีสาวงามเคียงคู่’
‘ถ้าเตียชุ่ยซัวเป็นพระเอก นางเอกก็ต้องเป็นฮึงซู่ซู่สินะ?’
‘พระเอกฝ่ายธรรมะกับนางเอกฝั่งมาร จุดขัดแย้งโดยธรรมชาติ’
‘ไม่น่าเชื่อว่าก๊วยเซียงจะก่อตั้งสำนักง้อไบ๊ขึ้นมา จนสามารถยืนหยัดเคียงคู่กับสำนักบู๊ตึ๊งของเตียกุนป้อ’
‘นึกไม่ถึงเลยว่าในท้ายที่สุดก๊วยเซียงจะเป็นผู้ก่อตั้งสำนักง้อไบ๊ และยืนหยัดเคียงคู่กับสำนักบู๊ตึ๊งของเตียกุนป้อ การใช้วิธีเล่าเรื่องแบบข้ามเส้นเวลา ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการบรรยายถึงการจากไปของก๊วยเซียงได้ ถือว่ามารบูรพาน้อยได้มีบทสรุปที่งดงาม’
‘เฮ้อ…’
‘เจ้าแก่ฉู่ขวงเล่นมาเบาๆ แค่ประโยคเดียวว่า ศิษย์ยุทธภพย่อมร่วงโรยไปตามกาลเวลา แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป มารบูรพาน้อยในวันวานก็จากโลกนี้ไปแล้ว’
‘นี่มันกลายเป็นเรื่องที่ทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ’
‘ความจริงเจ้าแก่ฉู่ขวงไม่ได้ตั้งใจเขียนให้ก๊วยเซียงต้องพบกับชะตากรรมที่โหดร้ายหรอก แต่เพราะตัวละครนี้ทำให้คนอ่านรู้สึกผูกพันและเอ็นดูมากเกินไป จึงกลายเป็นความค้างคาในใจของทุกคน’
ณ จุดนี้ของเรื่อง
ผู้เขียนได้บอกใบ้อย่างแยบยลถึงการจากไปของก๊วยเซียง
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้อ่านสะเทือนใจยิ่งกว่าก็คือ หลังจากนางก่อตั้งสำนักง้อไบ๊แล้ว นางยังได้รับศิษย์หญิงคนหนึ่ง และตั้งชื่อให้นางว่า ‘ฮวงเล้ง’
ต่อมานางก็คือฮวงเล้งซือไท่ ประมุขรุ่นที่สองของสำนักง้อไบ๊
ฮวงเล้ง…
หลังจากอ่านศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีจบแล้ว ใครบ้างจะไม่รู้จักท่าเรือฮวงเล้ง?
นั่นคือสถานที่ที่ก๊วยเซียงได้พบกับเอี้ยก้วยเป็นครั้งแรก!
และการพบกันเพียงครั้งเดียวที่ท่าเรือนี้ ก็เหมือนเป็นเครื่องหมายจุดสิ้นสุดของเรื่องราวบางอย่าง
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มีคำกล่าวว่าพบเอี้ยก้วยเพียงครั้งเดียว พลาดพลั้งชั่วชีวิต การที่ก๊วยเซียงตั้งชื่อศิษย์ของตนว่าฮวงเล้ง ย่อมมีความหมายที่ลึกซึ้งเกินกว่าคำพูดจะอธิบายได้
การออกแบบรายละเอียดนี้ ทำให้ผู้อ่านหลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ
และในขณะที่เหล่าผู้อ่านยังคงกำลังรู้สึกสะท้อนใจกับชะตากรรมของก๊วยเซียง
หลินเยวียนกลับล็อกอินเข้าสู่บัญชีของอี้อัน และเขียนบทความที่แฝงไปด้วยอารมณ์รำลึกถึงตัวละครนี้
บทความนี้มีชื่อว่า ‘แด่ก๊วยเซียง’
[ยามข้าเดินผ่านขุนเขา ขุนเขาก็มิได้เอื้อนเอ่ยคำใด
ยามข้าข้ามผ่านท้องทะเล ท้องทะเลก็มิได้กล่าวสิ่งใด
เจ้าลาน้อยก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า กระบี่อิงฟ้าข้างกายพาข้าท่องทั่วหล้า
ผู้คนต่างกล่าวว่า เพราะหัวใจของข้ายังคงจดจำวีรบุรุษนามเอี้ยก้วย ข้าจึงละทิ้งทางโลก หันหน้าเข้าสู่พุทธธรรม ณ เขาง้อไบ๊
แต่แท้จริงแล้วข้าเพียงตกหลุมรักเมฆหมอกและแสงอรุณบนยอดเขาง๊อไบ๊
งดงามดั่งดอกไม้ไฟในวัยสิบหกของข้า
ยามข้าข้ามผ่านท้องทะเล ท้องทะเลก็มิได้กล่าวสิ่งใด
ยามข้าเดินผ่านขุนเขา ขุนเขาก็มิได้ตอบกลับ
เจ้าลาน้อยยังคงก้าวเดินไปในจังหวะที่สม่ำเสมอ
เดินไปสู่ดินแดนอันไกลโพ้น โดยไม่เคยคิดที่จะหันกลับบ้าน
ในวัยเยาว์เคยสุขสันต์ ไร้ความทุกข์ แต่วันเวลาผ่านพ้นไป แม้ดอกไม้ยังโรยรา ห้วงคำนึงถาโถม ไม่อาจหลีกหนีจากความคิดถึง
สุดปลายฟ้า ณ ที่ใดเล่า จะมีเขาผู้เป็นที่รักของข้า]
ขณะนั้น
ผู้อ่านต่างกำลังถกเถียงกันในเว็บบอร์ดเกี่ยวกับความรักข้างเดียวอันขมขื่นของก๊วยเซียงที่จบลงด้วยความเศร้า
ทันใดนั้น ก็มีผู้คนบางส่วนได้พบกับบทความนี้ แล้วเกิดความรู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน ความรู้สึกอัดอั้นถั่งโถมในใจ ทำให้พวกเขารีบแชร์ไปยังเว็บบอร์ดสนทนาต่างๆ ในทันที
และเมื่อมีการแชร์กันมากขึ้น
บทความ ‘แด่ถึงก๊วยเซียง’ ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ของอี้อัน ก็เต็มไปด้วยข้อความจากชาวเน็ตมากมาย
‘ตอนแรกก็แค่รู้สึกเสียดาย แต่พอได้อ่านแด่ก๊วยเซียงของอี้อันแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกน้ำตาคลอขึ้นมา!’

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...