หลินเยวียนเดิมทีตั้งใจจะเข้าร่วมงานประชันกวีนิพนธ์ เพื่อกอบโกยค่าความโด่งดังอย่างเต็มที่ ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นว่าถูกดึงตัวมาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินเสียอย่างนั้น
เมื่อเป็นกรรมการแล้ว ก็ย่อมหมดสิทธิ์ลงแข่งด้วยตนเอง
แม้หลินเยวียนจะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ทำได้เพียงยอมรับผลลัพธ์นี้
เพราะจากการวิเคราะห์ของประธานกรรมการ การรับหน้าที่เป็นกรรมการ อาจคุ้มค่ามากกว่าการลงแข่งเองเสียอีก
ในสายตาของโลกภายนอก
เมื่อวันจัดงานประชันกวีนิพนธ์เขาหลูซานใกล้เข้ามา เหล่ากวีผู้มีชื่อเสียงจากทุกทวีปที่เตรียมเข้าร่วมงาน ต่างก็เริ่มปรากฏตัวต่อสาธารณะกันอย่างคึกคัก
หลายคนถึงกับให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างเปิดเผยและมั่นใจเต็มร้อย!
สื่อของแต่ละทวีปก็มีท่าทีที่น่าสนใจ เพราะรายงานข่าวส่วนใหญ่ล้วนเอนเอียงไปทางการสนับสนุนกวีของทวีปตนเองอย่างชัดเจน
บอกได้เพียงว่า
ต่อให้บลูสตาร์จะผนวกรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวแค่ไหน ความรู้สึกแบ่งแยกของแต่ละทวีปก็ยังคงฝังรากลึก และคงไม่อาจลบล้างไปได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี
บางทีเบื้องบนก็อาจตั้งใจอยากเห็นภาพเช่นนี้ก็เป็นได้?
เพราะถึงอย่างไร
เมื่อมีการแข่งขัน จึงจะเกิดการพัฒนา
ถ้าจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของแต่ละทวีปอยู่ในระดับที่เหมาะสม ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี
บนโลกออนไลน์
ชาวเน็ตต่างก็สนุกสนานกับการถกเถียงว่า ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะในงานประชันกวีนิพนธ์ครั้งนี้
บางคนถึงกับมีผู้หวังดีจัดอันดับตัวเต็งในสารพัดรูปแบบออกมา
ในจำนวนนั้น
ชื่อของเซี่ยนอวี๋แม้จะไม่ได้อยู่ในอันดับที่สูง แต่ก็ปรากฏอยู่ในหลายๆ โผด้วยเช่นกัน
การประกาศอย่างเป็นทางการจากเขาหลูซานและรายการไปกันกับปลาได้ยืนยันแล้วว่า เซี่ยนอวี๋จะเข้าร่วมงานประชันกวีนิพนธ์นี้ด้วยแน่นอน
แม้เซี่ยนอวี๋จะไม่ใช่บุคคลจากวงการวรรณกรรมโดยตรง แต่เขาก็เคยแต่งบทกวีไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว!
บทกวีที่มีชื่อเสียงที่สุดของเซี่ยนอวี๋คือทำนองวารีจนถึงทุกวันนี้ก็ยังถูกพูดถึงอย่างชื่นชมไม่รู้จบ!
ด้วยเหตุนี้
บางคนจึงเชื่อว่าเซี่ยนอวี๋ก็มีโอกาสที่จะคว้าอันดับดีๆ กลับมาได้เช่นกัน!
นอกจากเซี่ยนอวี๋แล้ว
ยังมีอีกคนหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากทุกทวีป และโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วใน บลูสตาร์
เขาคนนั้นชื่อว่าซูจื่อเหวิน
กวีชื่อดังจากจ้าวโจว!
ในแวดวงวรรณกรรมของจ้าวโจว
ซูจื่อเหวินได้รับสมญานามว่า ‘ยอดกวีอัจฉริยะ’!
เขาเกิดในตระกูลนักปราชญ์ของจ้าวโจว
พ่อของเขาคือหนึ่งในกวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคของทวีปนี้
ว่ากันว่าเด็กคนนี้เฉลียวฉลาดตั้งแต่ยังเล็ก สืบทอดพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมจากบิดามาอย่างเต็มเปี่ยม
แค่เจ็ดขวบก็สามารถแต่งกลอนได้แล้ว จนได้รับฉายาว่าเด็กอัจฉริยะ
เมื่อเติบโตขึ้น เขาได้ทยอยตีพิมพ์ผลงานวรรณกรรมชั้นยอดออกมาเป็นจำนวนมาก!
ถึงขั้นมีข่าวลือว่า
กวีหนุ่มจากจงโจวบางคนหนึ่ง เคยแอบท้าดวลบทกวีกับเขาเป็นการส่วนตัว
ทว่าผลคือแพ้ราบคาบจนหมดรูป!
ไม่เพียงเท่านี้
นอกจากความเชี่ยวชาญด้านกวีนิพนธ์แล้ว ซูจื่อเหวินยังมีทักษะอื่นๆ อีกมากมาย
เช่น เขาเชี่ยวชาญในการเล่นเครื่องดนตรีคลาสสิกหลากหลายชนิด เคยแสดงการบรรเลงฉินโบราณในงานแสดงขนาดใหญ่มาแล้ว
หรือแม้แต่ด้านการเขียนตัวอักษร เขาก็ทำได้ยอดเยี่ยม ต่อให้เป็นจ้าวโจวที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้การเขียนตัวอักษรเป็นอย่างมาก เขาก็ยังโดดเด่นเหนือเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด
แถมเขาก็ยัง…
เก่งทุกด้าน!
สรุปรวมออกมาเป็นคำเดียวว่า
บุรุษคุณภาพสูงแห่งมวลมนุษยชาติ!
นี่ยังไม่นับรวมความหล่อเหลาระดับดาราของเขา!
คนหล่อมีอยู่มากมาย
แต่คนที่ทั้งหล่อ มีความสามารถรอบด้าน และมีชาติตระกูลสูงส่งอย่างซูจื่อเหวินนั้นกลับมีเพียงหยิบมือ
และด้วยเหตุนี้เองซูจื่อเหวินจึงโด่งดังขึ้นมา!
วิดีโอสัมภาษณ์ของเขาก็ถูกแชร์ออกไปทั่วทุกทวีปในบรรดาเว็บบอร์ดทั้งหลาย เรียกได้ว่ามีแฟนคลับนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว!
เพราะว่าซูจื่อเหวินให้สัมภาษณ์ในห้องหนังสือของเขาเอง
บนผนังด้านหลังในห้องหนังสือเต็มไปด้วยประกาศเกียรติคุณและถ้วยรางวัลสุดอลังการมากมายจนแทบไม่มีที่วาง!
และในการสัมภาษณ์ก็ได้เผยข้อมูลส่วนตัวของซูจื่อเหวินหลายอย่าง
เช่นว่า เขาเริ่มเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งโรงเรียนมาตั้งแต่มัธยมต้น เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นอันดับที่สามของจ้าวโจว หรือเมื่อพ่อของเขาเคยล้มป่วยจนไม่สามารถเขียนต้นฉบับให้กับนิตยสารได้ และซูจื่อเหวินลงมือเขียนแทนพ่อโดยไม่มีใครจับได้เลยว่าไม่ใช่ฝีมือของพ่อ
แน่นอนว่า สุดท้ายซูจื่อเหวินก็สารภาพกับทางนิตยสาร
แต่ทางนิตยสารไม่เพียงแค่เข้าอกเข้าใจ พวกเขายังใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์อย่างยิ่งใหญ่ จนกลายเป็นเรื่องราวที่ทุกคนกล่าวขาน
ปัจจุบันนี้
ด้วยอิทธิพลจากงานประชันกวีนิพนธ์ ซูจื่อเหวินโด่งดังไปทั่วทุกทวีป ทั้งอินเทอร์เน็ตล้วนมีเต็มไปด้วยถ้อยคำชื่นชม!
‘ซูจื่อเหวินนี่พระเอกโดยกำเนิดชัดๆ !’
‘มีแค่จ้าวโจวที่ใส่ใจการอบรมบ่มเพาะทางศิลปะอย่างดนตรี หมากล้อม การเขียนอักษร หรือวาดภาพมาตั้งแต่เด็กเท่านั้นแหละ ถึงจะสามารถสร้างเทพบุตรแบบซูจื่อเหวินได้!’
‘เรื่องราวชีวิตของเขานี่มันระดับตำนานเลยนะ!’
‘พระเอกในซีรีส์ย้อนยุคมักจะเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้ในชีวิตจริง!’
‘บู๊มาจากไหนเหรอ?’
‘ไม่เห็นรางวัลบนผนังของซูจื่อเหวินเหรอ หนึ่งในนั้นคือรางวัลแชมป์เยาวชนกีฬาฟันดาบนะ ฉันก็ฝึกอยู่ จำไม่ผิดแน่นอน’
‘แล้วพวกงานเขียนกับภาพวาดที่อยู่บนผนังก็เป็นผลงานของเขาเองด้วยสิ?’
‘ได้ยินมาว่า ภาพวาดชิ้นหนึ่งของเขาเคยขายได้ล้านนึงเลยนะ!’
‘ตัวอักษรที่เขาเขียนก็เยี่ยม มีเศรษฐีซื้อผลงานของเขาไปในราคาสูงถึงแปดแสนเลยนะ!’
ทันใดนั้น
ก็มีคนเริ่มจับเอะใจขึ้นมา
‘ทำไมฉันรู้สึกว่า ซูจื่อเหวินนี่มาทรงเดียวกับพ่อเพลงอวี๋เลยล่ะ’
‘เอ๊ะ?”
‘พอคุณพูดแบบนี้ก็รู้สึกว่าเหมือนมากเลยแฮะ”
‘ถ้าพูดถึงความสามารถด้านดนตรี พ่อเพลงแบบพ่อเพลงอวี๋ ใครจะไม่รู้บ้างว่าฝีมือเปียโนของเขาสุดยอดแค่ไหน ถ้าพูดถึงการเขียนตัวอักษร พ่อเพลงอวี๋ก็เคยได้รับการยอมรับจากนักอักษรวิจิตรมืออาชีพ ถ้าจะพูดว่าบุ๋นบู๊ครบถ้วนน่ะหรือ บุ๋นคงไม่ต้องพูดให้มากความ ส่วนไท้เก๊กก็ถือว่าเป็นบู๊มากพอแล้ว ส่วนเรื่องหน้าตา พูดตามตรงนะ ซูจื่อเหวินหล่อระดับดารา แต่พ่อเพลงอวี๋เนี่ย หล่อระดับที่บดขยี้ดาราได้เลยด้วยซ้ำ’
‘ให้ตายสิ!’
‘ถ้าจะพูดถึงแบบฉบับของพระเอกละก็ ยังไงพ่อเพลงอวี๋ก็เหมาะสมกว่าอยู่ดี’


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...