ตอนที่ 97 เรี่ยวแรงเหลือล้น
เมื่อเจอกับกู้ซี ก็มักจะหมายถึงความวุ่นวายปรากฏ งั้นทำไมไม่ให้กู้ซีมาจัดการความวุ่นวายนี้ล่ะ
แบบนี้เรียกว่าใช้พิษถอนพิษ!
หลินเยวียนรู้สึกว่าตนเองฉลาดหลักแหลมดีจริงๆ
และเมื่อมีกู้ซีมาเข้าร่วม ประสิทธิภาพของทุกคนก็เพิ่มขึ้นมากทีเดียว
เพราะก่อนหน้านี้คนจากสาขาการประพันธ์เพลงเหล่านี้คาดหวังให้หลินเยวียนช่วยทุกคนเล่นเปียโนประกอบให้ จนหลินเยวียนแทบแยกร่างไม่ไหวแล้ว
การปรากฏตัวของกู้ซีในตอนนี้ แบ่งรับปริมาณงานจากหลินเยวียนโดยตรงครึ่งหนึ่ง ทำให้หลินเยวียนไปพักได้สักครู่เมื่อรู้สึกเหนื่อย
“เพื่อนนักเรียนกู้ซี ไปพักสักหน่อยเถอะ”
เมื่อเห็นว่ากู้ซีวุ่นจนตัวเป็นเกลียว คนจากสาขาประพันธ์เพลงก็รู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง
ไม่มีใครคาดคิดว่ากู้ซีจะกระตือรือร้นและเอาใจใส่ขนาดนี้
เธอไม่เพียงยินดีช่วยทุกคนบรรเลงทำนองเปียโน แถมยังพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จนไม่ได้พักเลยตั้งแต่ต้นจนจบ!
ขณะเดียวกันท่าทีต่อทุกคนก็เป็นมิตรมาก ไม่มีแววของความเย่อหยิ่งหรือถือตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันไม่เหนื่อย”
กู้ซีตอบด้วยรอยยิ้ม
เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่เหนื่อย คนที่ต้องการความช่วยเหลือเยอะแยะขนาดนี้ ต่อให้เป็นคนที่มีฝีมือสูงส่งกว่านี้ก็ต้องเหนื่อยเหมือนกัน!
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเทียบกับความเหนื่อยล้าของร่างกาย จิตใจของกู้ซีกลับตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พ่อเพลงมาขอให้ตนเองช่วยงาน!
อย่าว่าแต่หลินเยวียนเรียกให้ตนมาช่วยเล่นเปียโนเลย
ต่อให้หลินเยวียนมาบอกให้ตนไปยกอิฐแบกปูน กู้ซีก็จะรีบม้วนแขนเสื้อสู้ตายโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง!
ถูกหลินเยวียนขอให้ช่วย ช่างเป็นเกียรติของตน
ในวงการมีคนตั้งมากมายแย่งกันช่วยเหลือพ่อเพลง แต่ก็ไม่มีโอกาส!
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับกู้ซีแล้ว นี่เป็นโอกาสที่เธอเฝ้าฝันมาตลอด
โอกาสที่จะได้เข้าใกล้หลินเยวียน!
โอกาสที่จะได้ประจบหลินเยวียน!
เพราะฉะนั้นในตอนนี้กู้ซีถึงกับรู้สึกขอบคุณคนสาขาประพันธ์เพลงกลุ่มนี้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้พวกเขา หลินเยวียนก็ไม่มีทางมาเรียกตนก็ได้
สิ่งที่เธอกลัวไม่ใช่ความเหนื่อย
สิ่งที่เธอกลัวก็คือตนไร้ค่าไร้ความหมายในสายตาพ่อเพลง พ่อเพลงจะไปถูกใจคนที่ไร้ค่าไร้ความหมายได้ยังไงกัน
และในระหว่างกระบวนการนี้
คนในสาขาการประพันธ์เพลงก็กระซิบพูดคุยกัน
“ข่าวลือก็แรงไปปะ”
“กู้ซีเข้าถึงง่ายอยู่นะ”
“รู้สึกว่ากู้ซีกระตือรือร้นเหมือนหลินเยวียนเลย”
“อาจเป็นเพราะคนเก่งๆ ไม่ได้หยิ่งแล้วก็เข้าถึงยากแบบที่ทุกคนคิดล่ะมั้ง ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินเยวียนย้ายมาที่สาขาการประพันธ์เพลง พวกเราก็คิดว่าหลินเยวียนเป็นคนหยิ่งไม่ใช่เหรอ หลังจากได้รู้จักถึงรู้ว่าหลินเยวียนเป็นคนดีจริงๆ เลย”
“…”
คำพูดเหล่านี้ดังเข้าโสตประสาทกู้ซีมาเป็นระยะ พลอยให้หัวใจของกู้ซีรู้สึกอิ่มเอมขึ้นมา
ถ้าเป็นแบบนั้น ตนคงจะได้เปลี่ยนภาพลักษณ์อันเลวร้ายของตัวเองก่อนหน้านี้ในใจหลินเยวียนได้บ้างเล็กน้อยล่ะมั้ง
เธอแอบลอบสังเกตปฏิกิริยาของหลินเยวียน
หลินเยวียนกำลังนั่งพักผ่อนอย่างผ่อนคลายและสบายใจ ท่าทางนับว่าพึงพอใจกับความสามารถและท่าทีของตน
กู้ซีมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาทันที!
แน่นอนละ
มีเพื่อนร่วมชั้นบางคนแอบคาดเดา ว่าที่กู้ซียอมมาช่วย อาจเป็นเพราะหลินเยวียน ดังนั้นจึงมีคนแอบถามหลินเยวียนว่าทำไมกู้ซีถึงยอมมาช่วย
หลินเยวียนส่ายหน้า
เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่ากู้ซีคิดอย่างไร
ก็แค่ก่อนหน้านี้กู้ซีเคยพูดว่า มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ ตนเลยเอ่ยปากพูดไปก็เท่านั้น
สำหรับเรื่องแบบนี้แล้ว หลินเยวียนไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร
เพราะหลินเยวียนได้ยินคำพูดแบบนี้บ่อยแล้ว
จากความทรงจำช่วงโรงเรียนอนุบาล คนรอบตัวก็มักจะถามแบบนี้เสมอ แถมน้อยคนมากที่จะปฏิเสธคำร้องขอของเขา
เป็นเพราะเพื่อนนักเรียนรอบตัวคุยด้วยง่าย ดังนั้นหลินเยวียนจึงคุยด้วยง่ายเช่นเดียวกัน
คนอื่นช่วยฉันอย่างง่ายดาย ฉันก็ต้องช่วยคนอื่นอย่างเต็มที่เหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน