ตอนที่ 970 คำสอนอาจารย์ (1)
เขาหลูซาน
บรรยากาศในสถานที่จัดงาน ณ ขณะนี้เงียบงันเสียจนชวนขนลุก
และคนแรกที่ทำลายความเงียบนั้นลง
กลับเป็นเหอชิงฮวนซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งกรรมการ
เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นในทันที
จากนั้นก็ตบมือหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยว่า “ยอดเยี่ยน บทกวีเป็นเลิศ!
คนที่มีความสามารถถึงระดับนี้ จะเป็นกรรมการไม่ได้หรือ!?”
พญาอินทรีโผบินด้วยแรงลมในวันเดียว!
เหินทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าเก้าหมื่นลี้!
ช่างเป็นอารมณ์ของวัยหนุ่มที่ห้าวหาญ!
เป็นความหยิ่งผยองระดับใดกัน!
เหอชิงฮวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรับรู้ได้ถึงความนัยที่ลึกซึ้งของบทกวี
การที่ฮวาเว่ยหมิงลุกขึ้นโจมตีอย่างกะทันหันในวันนี้
ย่อมมีเบื้องลึกเบื้องหลังบางอย่างซ่อนอยู่แน่นอน
งานประชันวรรณกรรมในวันนี้ ยังไม่ทันเริ่มก็ถูกบดบังด้วยเงาแห่งความขัดแย้งแล้ว
ในฐานะชาวฉินโจว เหอชิงฮวนไม่อาจนั่งนิ่งเฉย เขาอยากช่วยพูดเพื่อปกป้องเซี่ยนอวี๋ ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกจากใจจริงว่า
บทกวีนี้เปี่ยมด้วยความหมาย เหมาะเจาะกับสถานการณ์ในขณะนี้ และถ่ายทอดสภาวะจิตใจของเซี่ยนอวี๋ออกมาได้อย่างสมบูรณ์!
จากนั้น
ในศาลาแต่ละหลัง
กวีหลายคนเริ่มกระซิบกระซาบ บางคนพูดคุยกันอื้ออึง บางคนตกตะลึง บางคนรู้สึกอับอาย บางคนยังคงเย็นชา และบางคนกลับแค่นหัวเราะ
สารพัดอารมณ์ของผู้คนปรากฏให้เห็นครบถ้วนในเวลาเดียวกัน
และทางฝั่งผู้ชมซึ่งนั่งเฝ้าหน้าจอจากทุกทวีปก็เริ่มได้สติกลับคืนมาเช่นกัน!
‘เฮ้ยยย!’
‘บทนี้โคตรเทพเลย!’
‘เซี่ยนอวี๋แต่งบทกวีสดๆ กลางรายการตอบโต้คนที่ตั้งข้อกังขาเลยเหรอ!?’
‘ในเวลาอันสั้นขนาดนั้น ยังแต่งได้ขนาดนี้ คนพวกนั้นยังจะมีหน้าสงสัยในความสามารถของเขาอีกเหรอ!?’
‘โคตรเท่!’
‘แต่งกลอนสดๆ แถมเป็นผลงานระดับนี้ ใครจะกล้าบอกว่าเขาไม่คู่ควรเป็นกรรมการอีก?’
‘แม่เจ้าโว้ย! เดือดแล้ว!’
‘ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาไม่ได้แต่งไว้ล่วงหน้า?’
แม้ในบรรดาคอมเมนต์จะมีความสงสัยปะปนมาอยู่บ้าง
แต่โดยรวมแล้ว ผู้ชมส่วนใหญ่ต่างก็ถูกบทกวีของเซี่ยนอวี๋สะกดใจไว้เสียแล้ว!
…
ที่บ้านของหลินเยวียน
ต้าเหยาเหยากำหมัดแน่น พลางตะโกนว่า “พี่ สู้เขานะ!”
พี่สาวหลินเซวียนจ้องหน้าจอไม่วางตา “ก็ลองดูแล้วกันว่าพวกเขายังจะกล้าทำอะไรอีกไหม!”
แม่ไม่ได้พูดอะไร
ทว่าในใจเธอกลับเต็มไปด้วยความกังวล
บทกวีบทเดียว น่ากลัวว่าจะยังไม่เพียงพอ ที่จะหยุดยั้งเจตนาของกวีกลุ่มนี้ได้
…
ความกังวลของแม่หลินเยวียนนั้นไม่ได้ผิดเลย
ณ เขาหลูซาน
สถานที่ถ่ายทอดสด
ฮวาเว่ยหมิงเอ่ยขึ้นในที่สุด “ดูเหมือนอาจารย์เซี่ยนอวี๋จะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี งั้นยิ่งสมควรลงมาแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันอย่างพวกเรา แลกเปลี่ยนฝีมือกันอย่างเต็มที่สักครั้ง”
สุดยอด!
เจ้าแก่นี่!
หน้าไม่อายจริงๆ !
สมาชิกของราชวงศ์ปลาสีหน้าเปลี่ยนไปทันที!
แม้แต่คนโง่ยังฟังคำประชดประชันของฮวาเว่ยหมิงออก!
เขากำลังเหน็บแนมว่า เซี่ยนอวี๋รู้อยู่แล้วว่าจะถูกตั้งคำถาม จึงเตรียมบทกวีนี้ไว้ล่วงหน้า เพื่อใช้ปิดปากกวีนับไม่ถ้วนในที่แห่งนี้!
“ว่าแล้วเชียว”
“ที่แท้ก็แต่งไว้ล่วงหน้านี่เอง”
“เก่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางแต่งบทกวีระดับนี้สดๆ ได้หรอก”
“แบบนี้นี่เอง?”
“ก็แค่พวกเด็กหัวร้อนนั่นแหละ”
“ฉันก็ว่าเฉยๆ นะ เปรียบตัวเองเป็นพญาอินทรีโผบินสู่เก้าสวรรค์ชั้นฟ้า ฟังดูไม่ใช่อะไรนอกจากคำคุยโวโอ้อวด!”
มีกวีหลายคนเริ่มแอบซุบซิบ
พวกเขาต่างก็อยู่บนเรือลำเดียวกันแล้ว และในเมื่อเรื่องก็ปานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่อาจทนยอมรับให้เซี่ยนอวี๋ ชายหนุ่มที่อายุไล่เลี่ยกับลูกหลานของพวกเขามานั่งในตำแหน่งกรรมการ วิจารณ์ผลงานของพวกเขาได้เป็นอันขาด!
เหอชิงฮวนขมวดคิ้วมุ่น
ขณะที่กรรมการคนอื่นๆ
กลับมีท่าทางประหลาดใจเพียงเล็กน้อย ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร ราวกับเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง ในแววตาของบางคนยังแอบมีแววสนุกราวกับกำลังดูละครเรื่องหนึ่งด้วยซ้ำไป
“หึ”
หลินเยวียนหัวเราะ
คราวนี้เขาไม่ได้ขับกลอน แต่กลับมองตรงไปยังฮวาเว่ยหมิงและกล่าวว่า “ผมเคยได้ยินมาว่าวงการวรรณกรรมของจ้าวโจวรุ่งเรืองล้ำเลิศกว่าทุกทวีปแต่ไม่นึกเลยว่าหนึ่งในบุคคลระดับตัวแทนของวงวรรณกรรมจ้าวโจว จะไม่เข้าใจหลักการที่ว่า การเรียนรู้ไม่มีแบ่งวัย ผู้รู้คืออาจารย์”
“เจ้าเด็กสามหาว!”
ฮวาเว่ยหมิงยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ กวีคนอื่นๆ ก็พากันลุกฮือขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว!
เรียนรู้ไม่มีแบ่งวัย?
ผู้รู้คืออาจารย์?
เซี่ยนอวี๋ถึงกับกล้าเรียกตัวเองว่า ‘ผู้รู้’ ต่อหน้ายอดกวีระดับฮวาเว่ยหมิง แถมยังบอกอีกว่าตัวเองมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นกรรมการ เป็นอาจารย์ของฮวาเว่ยหมิงและกรรมการทุกคนในที่นี้!?
คำพูดนี้ฟังดูโอหังขนาดไหนกัน!?
สีหน้าของฮวาเว่ยหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าไม่นานเขาก็หัวเราะออกมาอย่างดังลั่น จากนั้นเขาหันไปเอ่ยปลอบกวีคนอื่นๆ ด้วยว่า
“ทุกท่านอย่าได้ขุ่นเคืองใจ เด็กพูดโดยไม่คิดนั้นเป็นเรื่องปกติ”
หมอนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ แกล้งทำเป็นใจเย็น แต่กลับใช้วิธีนี้โจมตีเซี่ยนอวี๋ แอบแดกดันว่าเขาก็แค่ ‘เด็กที่ไม่ประสีประสา’ เท่านั้นเอง
นี่แหละสงครามน้ำลายของกวี
ประโยคไหนก็กัดกันอย่างเจ็บแสบ โดยไม่มีคำหยาบแม้แต่คำเดียว
กวีทั้งหลายพากันหัวเราะลั่น
ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้น มุมปากของฮวาเว่ยหมิงยกยิ้มขึ้น จากนั้นจ้องมองไปที่หลินเยวียนพลางเอ่ยว่า “ท่านกรรมการรู้หรือไม่ ว่าอาจารย์คือสิ่งใด?”
อาจารย์คืออะไร
หลินเยวียนก็ยิ้มเช่นกัน “อาจารย์ คือผู้ที่ถ่ายทอดแนวทาง บ่มเพาะวิชา คลายความสงสัย”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...