ตอนที่ 970-2 คำสอนอาจารย์ (2)
สีหน้าของฮวาเว่ยหมิงเริ่มแปรเปลี่ยนขึ้นลงอย่างควบคุมไม่อยู่
หลินเยวียนเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่ทราบว่าบทความนี้ชื่อว่า ‘คำสอนอาจารย์’ พวกท่านพอใจหรือไม่?”
ให้ตายเถอะ!
ตั้งชื่อบทความไว้เสร็จสรรพแล้วด้วย!
กวีทั้งหลายแทบจะมองเห็นภาพล่วงหน้า หากบทความนี้ที่ชื่อว่าคำสอนอาจารย์ กลายเป็นที่โด่งดังขึ้นมา พวกเขาทั้งหลายจะต้องถูกตรึงไว้บนเสาแห่งความอับอาย!
ซึ่งนั่นคือสิ่งที่นักปราชญ์รับไม่ได้ที่สุด!
เพราะสิ่งที่พวกเขาหวงแหนมากที่สุดก็คือชื่อเสียง!
แม้แต่ซูจื่อเหวิน กวีหนุ่มยอดอัจฉริยะแห่งจ้าวโจว ที่เงียบมาตลอดก็อดไม่ได้อีกต่อไป!
เขาก้าวออกมาทันที จ้องหน้าเซี่ยนอวี๋พลางกล่าวว่า “เป็นการโต้วาทีที่ยอดเยี่ยม แต่ก่อนอื่นคุณต้องเป็นผู้รู้ตัวจริงเสียก่อน ฝีปากคมอย่างเดียวไม่นับว่าเป็นความสามารถ อย่าใช้วาทศิลป์มาบิดเบือนความจริงที่ว่าตนไม่เคารพผู้ใหญ่ ลงมาจากเก้าอี้กรรมการ แล้วเรามาประลองกันอย่างตรงไปตรงมาเถอะ!”
เขาฉลาดมาก
รีบชิงกำหนดนิยามของเหตุการณ์นี้ให้เป็นเพียงการ ‘โต้วาที’
เพราะถ้ามันเป็นแค่การโต้วาที ต่อให้แพ้ก็ไม่ถือว่าน่าอายหรือเสียหน้าเท่าไหร่
หลินเยวียนนิ่งคิดเล็กน้อย
ก่อนหันไปมองซูจื่อเหวินด้วยความสงสัย “คุณคือใครครับ”
สาบานต่อสวรรค์ได้เลยว่า หลินเยวียนพูดแบบนี้เพราะ เขาไม่รู้จักซูจื่อเหวินจริงๆ !
เขารู้สึกฉงนใจมาก กวีตั้งมากมายมาร่วมงานในวันนี้ ส่วนใหญ่ก็ดูอายุเยอะกันหมดแล้ว บางคนผมหงอกไปแล้วด้วยซ้ำ อย่างเช่นฮวาเว่ยหมิง แล้วจู่ๆ ทำไมถึงมีคนที่อายุไล่เลี่ยกับเขามาอยู่ตรงนี้ได้
เขาหลงเข้างานผิดหรือเปล่า?
ทว่าคำพูดแบบนี้ของหลินเยวียน เมื่อไปถึงหูของซูจื่อเหวินแล้ว กลับกลายเป็นคำพูดที่แทงใจดำอย่างรุนแรง สำหรับเขาแล้ว นี่คือความอัปยศอดสูที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตเลยแม้แต่ครั้งเดียว!!
ผมคือใคร?
คุณไม่รู้ว่าฉันเป็นใครงั้นเหรอ!?
ซูจื่อเหวินเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า หลินเยวียนต้องแกล้งพูดแน่ๆ เขาแทบกระอักเลือดออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะตะโกนกลับเสียงกร้าวว่า “ซูจื่อเหวิน แห่งจ้าวโจว!”
…
หน้าจอถ่ายทอดสด
ผู้ชมหัวเราะจนท้องแข็ง!
‘ก่อนหน้านี้มีคนอวยซูจื่อเหวินกันใหญ่ บอกว่าเขาคือ ‘เซี่ยนอวี๋น้อย’ ปรากฏว่าพ่อเพลงอวี๋จะไม่เคยสนใจเขาเลยสักนิด’
‘ฮ่าๆๆๆ ’
‘คุณคือใครครับ ประโยคเดียวจอด!’
‘วันนี้พ่อเพลงอวี๋โหดมาก แต่พอเปรียบเทียบกันตรงๆ แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าซูจื่อเหวินก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น ของที่เขาภูมิใจ พ่อเพลงอวี๋ก็มีหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?’
‘เซี่ยนอวี๋น้อย ถือว่าอวยเกินไป’
‘โดนพ่อเพลงอวี๋ข่มเละทุกด้าน แม้แต่หน้าตาก็ไม่เว้น!’
‘พ่อเพลงอวี๋ร่วมศึกวาทะของนักปราชญ์ ยังไม่พอจะพิสูจน์อะไรอีกเหรอ ฮวาเว่ยหมิงยังสู้ไม่ได้ ซูจื่อเหวินนี่โผล่มาหาเรื่องใส่ตัว แล้วดูยังมีเล่ห์เหลี่ยม นิยามเรื่องนี้ให้กลายเป็นแค่การโต้วาที แต่นี่มันใช่แค่โต้วาทีจริงเหรอ?’
หาเรื่องใส่ตัว!
ความรุนแรงของสี่คำของเซี่ยนอวี๋ ‘คุณคือใครครับ’ แม้แต่ผู้ชมยังสัมผัสได้ผ่านหน้าจอ แต่กลับไม่มีใครตำหนิเขาว่าอวดดีได้เลย คนอย่างเขา มีสิทธิ์จะพูดแบบนั้นจริงๆ !
…
หลินเยวียนแม้แต่สายตายังไม่แลซูจื่อเหวินตรงๆ แต่คำพูดของเขากลับทำลายปราการป้องกันในใจซูจื่อเหวินจนย่อยยับ
“ผมไม่อยากรังแกคุณ”
ซูจื่อเหวินถึงกับน้ำตาคลอเบ้าในทันที!
มีกวีบางคนกัดฟันกรอด “ไม่กล้าลงมาจากเก้าอี้กรรมการมาแข่งกับพวกเราแบบตรงๆ งั้นหรือ ภายใต้กฎกติกาของงานประชันกวีนิพนธ์ในครั้งนี้ ทุกคนมาวัดฝีมือกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย!”
ไร้เดียงสาเกินไปไหม?
ถึงขนาดใช้วิธีท้าทายกันเลยหรือ?
หลินเยวียนส่ายหน้าเบาๆ “ที่จริงแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากได้เก้าอี้กรรมการอย่างที่พวกคุณคิดหรอก เดิมทีผมก็แค่อยากเป็นผู้เข้าแข่งขันธรรมดาๆ คนหนึ่งเหมือนพวกคุณ ตั้งใจร่วมงานประชันกวีนิพนธ์ครั้งนี้อย่างสงบๆ แต่เมื่อครู่นี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว ตำแหน่งกรรมการ ผมไม่รับก็ได้ และในฐานะผู้เข้าแข่งขัน ผมก็ไม่อยากเป็นเหมือนกัน ทุกคนก็วุ่นวายกันมาพอแล้ว ไปแข่งขันกันดีๆ เถอะครับ ผมขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะถอนตัวจากงานประชันกวีนิพนธ์ในครั้งนี้”
ไม่เป็นทั้งกรรมการ!
ไม่เป็นแม้แต่ผู้เข้าแข่งขัน!
หลินเยวียนถอนตัวโดยสมบูรณ์!
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเซี่ยนอวี๋จะตัดสินใจเช่นนี้!
เดิมทีทุกคนคิดว่าเซี่ยนอวี๋จะลงแข่งในฐานะผู้เข้าแข่งขัน จากนั้นก็พยายามใช้ผลงานของตัวเองเอาชนะทุกคน เพื่อพิสูจน์ว่าตนคู่ควรกับเก้าอี้กรรมการ!
“เขาไม่แข่งแล้ว?”
กวีทุกคนต่างตื่นตระหนก!
หมอนี่มันทำเท่แล้วยังจะหนีอีกเหรอ!?
ทุกคนไม่เพียงไม่ได้ดีใจที่สามารถลากเซี่ยนอวี๋ลงจากตำแหน่งกรรมการได้ กลับยิ่งเดือดดาลกว่าเดิมอีก หลายคนถึงกับลับฝีมือ เตรียมตัวเต็มที่ว่าจะเล่นงานเซี่ยนอวี๋ให้พ่ายแพ้ยับเยินในการแข่งขันรอบถัดไป แต่สุดท้ายเขากลับเลือกไม่เล่นต่อเสียอย่างนั้น!?
“ขี้ขลาด!”
“กลัวจนหางจุกตูดแล้วล่ะสิ?”
“เมื่อกี้ยังเปรียบตัวเองเป็นพญาอินทรีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
“กลัวว่าถ้าแข่งจริงแล้วสู้ผู้เข้าแข่งขันไม่ได้ใช่ไหมล่ะ!”
“งานแข่งบทกวีต้องแข่งสด คนเก่งจริงต้องเอาตัวรอดให้ได้ไม่ว่าจะเจอหัวข้ออะไร เขาก็แค่กลัวหน้าแตกเท่านั้นแหละ”
“เหอะๆ ”
“พอลงจากเก้าอี้กรรมการมาแข่ง แล้วดันแพ้ผู้เข้าแข่งขันขึ้นมา มันจะไม่เสียหน้าหรือไง ก็เลยแกล้งทำเป็นประชด ถอนตัวหนีปัญหาแทนไง!”
“สุดท้ายเซี่ยนอวี๋ก็แค่นี้เอง”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...