เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 971

ตอนที่ 971 ผู้ยิ่งใหญ่ในวันวาน (1)

ในขณะนั้น

เวลายี่สิบนาทีในการสร้างสรรค์ผลงานได้สิ้นสุดลงพอดี!

ภายในศาลาทั้งสิบแห่ง

เหล่ากวีต่างมีสีหน้าที่หลากหลาย

บางคนมั่นใจ บางคนกังวล บางคนทอดถอนใจ และบางคนก็ได้แต่นั่งนิ่งอย่างจนปัญญา ผลลัพธ์ของแต่ละคนดูเหมือนจะสะท้อนออกมาบนสีหน้าได้อย่างชัดเจน

ในบรรดานั้น

ศาลาหมายเลขเจ็ด

ซูจื่อเหวินได้กลับมามั่นใจอีกครั้ง รอยยิ้มบางแต้มอยู่ที่มุมปาก ท่วงท่าของเขาดูสง่างามและผ่อนคลาย ราวกับลืมความไม่พอใจจากการถูกเซี่ยนอวี๋เหยียดหยามไปแล้ว

ศาลาหมายเลขสิบ

ฮวาเว่ยหมิงสวมชุดยาวเก่าแก่ยืนด้วยท่วงท่าผึ่งผาย มือไพล่หลัง สีหน้าภาคภูมิ ดั่งมหาบุรุษแห่งวงการวรรณกรรม

ที่โต๊ะกรรมการ

อันหลงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ขอให้กวีทุกท่านในศาลาผลัดกันอ่านบทกวีของกันและกัน หากผู้ใดรู้สึกว่างานของตนด้อยกว่าผู้อื่น ก็สามารถเลือกที่จะถอนตัวได้”

ทันใดนั้น

บรรยากาศในแต่ละศาลาก็คึกคักขึ้นทันที

ทุกคนต่างเริ่มแลกเปลี่ยนและอ่านบทกวีของกันและกัน

ในระหว่างที่มีการส่งต่อบทกวีเพื่ออ่านกันในศาลาต่างๆ ผู้คนที่ได้อ่านต่างแสดงปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไป บ้างก็ทอดถอนใจด้วยความเสียดาย บ้างก็เผยแววตาประหลาดใจ บ้างก็ มีสีหน้าลังเลสงสัย และบางคนถึงกับเอ่ยปากชื่นชมกันอย่างเปิดเผย…

“กลอนบทนี้ยอดเยี่ยมมาก!”

“กวีนิพนธ์สือนี้ดีมาก!”

“ทำขายหน้าแล้ว!”

“ยอมแล้ว”

“ยอมรับเลยว่าสู้ไม่ได้!”

“พี่ชายแต่งได้ยอดเยี่ยม!”

“บทกวีของผม คุณอ่านไม่เข้าใจหรอก!”

“ในนั้นอ้างอิงมาจากวรรณกรรมโบราณ!”

ภายในศาลาต่างๆ

มีทั้งผู้ที่ให้กำลังใจกันเอง และผู้ที่เริ่มโต้เถียงกันหน้าดำหน้าแดง คล้ายกับว่าไม่ยอมรับว่าตนด้อยกว่า สุดท้ายแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่เลือกจะถอนตัวโดยสมัครใจ ส่วนใหญ่ยังคงเลือกให้คณะกรรมการเป็นผู้ตัดสิน ในกลุ่มนี้ก็มีบางคนที่แอบคาดหวังอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรบทกวีเป็นสิ่งที่มีองค์ประกอบของอารมณ์และความรู้สึกอยู่ไม่น้อย แต่ละคนย่อมมีมุมมองและการตีความที่แตกต่างกัน หากไม่มีความแตกต่างของฝีมืออย่างชัดเจน ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าบทกวีใดเหนือกว่ากัน และนั่นคือเหตุผลที่งานประกวดกวีนิพนธ์ครั้งนี้ต้องเชิญกรรมการที่ทรงคุณวุฒิหลายท่านมาเป็นผู้ตัดสิน!

แน่นอน

ในบางกรณี ก็มีผู้ที่เหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

เช่น ที่ศาลาหมายเลขเจ็ด ทุกคนต่างเอ่ยชื่นชมผลงานของซูจื่อเหวินไม่ขาดปาก

หรือที่ศาลาหมายเลขสิบ ทุกคนต่างยกมือคำนับฮวาเว่ยหมิง ด้วยท่าทางกระดากอาย ยอมรับว่าตนสู้ไม่ได้

หรือที่ศาลาหมายเลขสาม…

มีทั้งผู้ที่โดดเด่น

และผู้ที่ผลงานอยู่ในระดับปานกลาง

หลังจากที่ตรวจสอบรายชื่อของผู้ที่ถอนตัวโดยสมัครใจเรียบร้อยแล้ว

เจ้าภาพก็ให้เจ้าหน้าที่ รวบรวมบทกวีทั้งหมด และเชิญให้คณะกรรมการทั้งแปดท่านทำการตัดสิน

ในขณะนั้น

มีบางคนสังเกตเห็นว่า เหอชิงฮวนซึ่งเป็นกรรมการยังไม่กลับไปที่ที่นั่งของตน เขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่ตำแหน่งของเซี่ยนอวี๋ ราวกับว่า…

เขากลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว? อวี๋ชั่งซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการอดไม่ได้ที่จะเตือน “อาจารย์เหอชิงฮวน ถึงเวลาตัดสินบทกวีแล้วนะครับ!”

ทว่าเหอชิงฮวนไม่ขยับ

ฉินเซี่ยวเทียนกรรมการอีกท่านหนึ่งขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยเรียกอีกครั้ง “อาจารย์เหอชิงฮวน?”

แต่เหอชิงฮวนยังคงไม่ขยับ

เขาจ้องมองบทกวีของเซี่ยนอวี๋

ทุกคนในงานต่างมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะเริ่มพูดคุยกัน ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดเหอชิงฮวนจึงมีท่าทีแปลกประหลาดเช่นนี้

“อาจารย์เหอชิงฮวน?”

เจ้าหน้าที่ถึงกับต้องวิ่งไปตรงหน้าและตะโกนเรียกชื่อเขา นั่นจึงทำให้ เหอชิงฮวน…

ตื่นจากภวังค์?

ใช่แล้วละ

ตื่นจากภวังค์จริงๆ

เขาแลดูคล้ายกับถูกมนต์สะกด เมื่อถูกเจ้าหน้าที่เรียก จึงค่อยๆ ได้สติกลับมา ดวงตายังเต็มไปด้วยความสับสน ก่อนจะหันไปมองคณะกรรมการและกวีคนอื่นๆ

เขาอ้าปากพะงาบ

ราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าสุดท้ายแล้วกลับหยุดลงฉับพลันคล้ายคิดอะไรขึ้นมาได้ เริ่มหัวเราะขึ้นมา พลางเดินไปยังที่นั่งกรรมการ

“ฮ่าๆๆๆ …”

เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อกลับไปยังที่นั่งของคณะกรรมการ เสียงหัวเราะเริ่มมีสำเนียงของความคลุ้มคลั่งเจือปนอยู่

นี่เขาเสียสติไปแล้วหรือไง?

คณะกรรมการแต่ละคนต่างตกตะลึงกับพฤติกรรมของเหอชิงฮวน

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน