จูซาส่งนางกำนัลที่อยู่รอบข้างออกไป จากนั้นนำสิ่งของที่ตระกูลซือส่งมาให้ออกมา และเปิดถุงผ้าดู
เป็นซองจดหมายฉบับหนึ่ง
ซองจดหมายฉบับนี้หนายิ่งนัก
ซือหลิงหลงฉีกผนึกออกและเปิดซองจดหมาย กลับพบว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในซองจดหมายนั้นแท้จริงแล้วคือตั๋วเงินปึกหนา ซึ่งหากถือมันด้วยมือข้างเดียวก็ถือว่าหนักและเต็มไม้เต็มมือทีเดียว
ซือหลิงหลงเบิกตากว้างเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกที่เหมือนถูกเงินหล่นทับอย่างไรอย่างนั้น
ครอบครัวนาง ร่ำรวยถึงเพียงนี้เลยหรือ?
“ในครานี้ที่พระสนมถูกขู่เข็ญ คุณชายจึงได้สั่งคนให้นำตั๋วเงินจำนวนมากเหล่านี้มาให้พระสนมดูแลจัดการ” จูซาทอดถอนใจอยู่ด้านข้าง “คุณชายช่างดีต่อพระสนมจริงๆเพคะ”
ซือหลิงหลงย้อนนึกถึงในหนังสือที่แนะนำซือหลิงหลง ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น
ตระกูลซือใจกว้างต่อนาง แต่ไม่ได้รักนางจริงๆ
ตระกูลซือเป็นพ่อค้าที่มั่งคั่งทางเจียงหนาน ทว่าท่านพ่อซือกลับมีใจคิดอยากก้าวเข้าสู่หนทางการเข้ารับราชการ แต่จะทำอย่างไรได้พี่ชายของเขารู้แต่กินดื่มหาความสำราญเท่านั้น ทั้งยังไม่มีความสามารถในการเข้าสอบขุนนางเคอจี่ ดังนั้นท่านพ่อซือจึงบริจาคให้ส่วนราชการไปโดยตรงเสียเลย ทั้งยังทุ่มเททรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวเพื่อเลี้ยงดูซือหลิงหลงอย่างพิถีพิถัน เพื่อส่งซือหลิงหลงเข้าวัง โดยหวังให้ตระกูลซือได้มีตำแหน่งที่รุ่งโรจน์สมปรารถนา
ส่วนซือหลิงหลงก็ไม่ปล่อยให้ตระกูลซือเสียเลือดเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ เพียงอาศัยรูปลักษณ์ก็ได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากแล้ว
ในสายตานางตั๋วเงินเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลซือด้วยซ้ำ ลงทุนไปมากถึงเพียงนี้ ก็คงไม่หวังให้การลงทุนไปก่อนหน้าสูญเปล่าเป็นแน่
หลังจากขบคิดถึงจุดนี้ได้อย่างชัดเจน ซือหลิงหลงก็ไม่รู้สึกละอายใจใดๆ พลางพลิกฝ่ามือเก็บตั๋วเงินปึกหนาไว้โดยตรง
เงินที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า อย่าได้ให้ไร้ค่าทีเดียว
นางต้องการเก็บไว้ให้ตนเองจับจ่ายใช้สอย
อีกด้านหนึ่ง ณ ห้องโถงใหญ่ของตำหนักหลิงหัว
เฮ่อเหลียนเย่ว์ใช้เวลาในการจัดการฎีกากราบทูลข้อราชการของขุนนาง ทว่าวันนี้เขาร้องเรียนเหลียนเฟยและลี่ผินอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็คาดการณ์ได้ว่าพรุ่งนี้เช้าในท้องพระโรง อัครเสนาบดีและติ้งซานกงคงมีเรื่องต้องกาบทูลเป็นแน่
เขาคงต้องใช้ฝีมือในการเก็บกวาดไปทีละอย่าง
ขณะที่เฮ่อเหลียนเย่ว์ครุ่นคิดอยู่นั้น มือก็ยังคงขยับไม่หยุด เขียนคำตอบฎีกาฉบับสุดท้ายและปิดมัน และเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เข้าสู่ยามราตรีแล้ว
"ห้องโถงด้านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?" เฮ่อเหลียนเย่ว์ไม่ได้ลืมซือหลิงหลง เสวี่ยซาได้รับการเลี้ยงดูจากเขามาอย่างดี เมื่อถูกพากลับไปที่ห้องโถงด้านข้าง ก็ไม่รู้ว่าซือหลิงหลงจะดูแลมันดีหรือไม่
แม้ว่าคิดที่จะให้เสวี่ยซาถูกซือหลิงหลงกลั่นแกล้ง แต่ทว่าซือหลิงหลงดูเหมือนจะไม่รักและเอ็นดูสัตว์ตัวเล็กๆ ดังนั้นอย่าได้ทำให้สัตว์เลี้ยงที่เขารักได้รับความไม่เป็นธรรมเชียว
ฝูไท่ที่อยู่ข้างๆไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเย่ว์กำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ เมื่อเขาได้ยินถามถึงห้องโถงด้านข้าง ฉับพลันก็นึกถึงหลางกุ้ยเหรินขึ้นมาได้
เขาลอบทอดถอนใจ ช่างเชื่อฟังเสียจริง ในยามที่ฝ่าบาทยุ่งยากกับราชกิจเขาไม่เคยนึกถึงวังหลังมาก่อน ทว่าวันนี้หลังจากรีบเร่งจัดการราชกิจให้เรียบร้อย สิ่งแรกที่ทำคือสนใจถามไถ่ถึงหลางกุ้ยเหริน เห็นได้ชัดว่าช่างใส่พระทัยจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฮ่องเต้คลั่งรักมัดใจสนมตัวร้าย