หลังจากทานอิ่มแล้ว จ้านหยินก็หยิบกระเป๋าเงินออกมา เมื่อเปิดดูพบว่าไม่มีเงินสดมากนัก เขาจึงดึงบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาและวางบัตรธนาคารใบนั้นไว้ตรงหน้าไห่ถง
ไห่ถงเลิกคิ้วมองเขา
"คุณจะซื้อของต้องใช้เงิน บัตรธนาคารใบนี้ให้คุณใช้ครับ รหัสผ่านคือ..."
เขาหาปากกาและกระดาษมา เขียนรหัสผ่านบนกระดาษแล้วส่งให้ไห่ถง
"ต่อไปเงินในบัตรใบนี้จะให้คุณใช้จ่ายในบ้าน ผมก็จะโอนเงินเข้าบัญชีนี้ทุกเดือนพอเงินเดือนออก แต่ต่อไปถ้าคุณซื้ออะไรก็จดลงบัญชีไว้ ผมไม่สนใจว่าคุณใช้เงินเท่าไร แต่ผมต้องทราบว่าคุณจะนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้างครับ"
ตอนไปจดทะเบียนสมรสครั้งแรก ไห่ถงเคยถามเขาว่าสามีภรรยาต้องการระบบหารกันหรือไม่ เขาปฏิเสธในเมื่อแต่งงานแล้วเป็นสามีภรรยากันก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เขาให้เงินเธอเล็กน้อยเพื่อใช้จ่าย เขาไม่ใส่ใจรื่องเงินเท่าไร
ยังไงเขาก็มีเงินเยอะจนแม้แต่ตัวเขาเองก็นับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าเขามีทรัพย์สินสุทธิจริง ๆ เท่าไร ปกติงานที่บริษัทยุ่งมาก เขาใช้เงินก็น้อย ดังนั้นการเลี้ยงดูภรรยาก็เท่ากับช่วยเขาใช้เงินได้นิดหน่อย
แต่เขาไม่ยอมถูกเอารัดเอาเปรียบ ในความคิดของเขาไห่ถงยังเป็นเหมือนสาวเจ้าเล่ห์ ดังนั้นแน่นอนว่าเขาต้องระวัง
ตราบใดที่เธอใช้เงินเพื่อบ้านหลังเล็กๆ หลังนี้ เขาก็จะไม่โต้แย้งว่าเธอใช้เงินอย่างไร
ไห่ถงไม่ชอบทัศนคติและพฤติกรรมของจ้านหยิน
เธอผลักบัตรธนาคารใบนั้นพร้อมกับกระดาษที่เขียนรหัสผ่านกลับไปที่จ้านหยิน เธอไม่ได้มองรหัสผ่านด้วยซ้ํา
"คุณจ้าน บ้านนี้ไม่ใช่ของแค่คุณคนเดียว ฉันก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย คุณซื้อบ้านนี้ แต่ฉันมาอยู่ที่นี่ฟรี ๆ เรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวเล็ก ๆ ไม่สามารถให้คุณออกเงินคนเดียวได้ เงินที่ต้องใช้จ่ายในการซื้อของเข้าบ้าน ฉันขอออกเถอะค่ะ"
"นอกจากจะซื้อของใช้ในบ้านราคามากกว่า 10,000 หยวน ฉันจะขอปรึกษาคุณค่ะ คุณให้เงินนิดหน่อยก็พอค่ะ"
รายได้ของเธอนั้นไม่แย่ สามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายประจําวันของครอบครัวได้เว้นแต่ถ้าต้องใช้เงินจํานวนมาก นอกจากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของเขา
การที่เขาออกเงินไม่ใช่ว่าเธอรับไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นทัศนคติของเขาทําให้ไห่ถงไม่พอใจ ราวกับว่าเธอจะโลภเงินค่าใช้จ่ายในบ้านของเขา และเขายังบอกให้เธอทําบัญชีอีกด้วย ชีวิตนี้ปกติเธอซื้อของไม่เคยทำบัญชี นอกจากค่าใช้จ่ายในร้านจะทําบัญชีไว้
จ้านหยินไม่ใช่คนโง่ ตรงกันข้ามเขาฉลาดมาก การปฏิเสธของไห่ถงทําให้เขาเข้าใจว่าทัศนคติของเขาทําร้ายความภาคภูมิใจในตนเองของไห่ถง หลังจากเขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ดันบัตรธนาคารและกระดาษที่มีรหัสผ่านเขียนไว้กลับไป น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงเล็กน้อยและพูดว่า "ผมรู้ว่าคุณเปิดร้านหนังสือและเป็นเจ้าของ มันสามารถหาเงินได้เท่าไรกันครับ? ในเมื่อคุณบอกว่าบ้านนี้เป็นบ้านของเรา คุณและผมต้องรับผิดชอบร่วมกัน จะปล่อยให้คุณแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้านคนเดียวได้อย่างไรครับ เอาเถอะ คุณไม่ชอบจดบัญชี ก็ไม่ต้องจดบัญชีแล้วกัน"
"เรื่องซื้อรถที่เคยบอกคุณ คุณคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ? จะให้ผมช่วยคุณดาวน์ไหม ด้วยรายได้แต่ละเดือนของคุณ ผ่อนชำระงวดรถคันหนึ่งก็ไม่น่ามีปัญหาหรอก"
เขาไม่ได้ตั้งใจไปตรวจสอบว่ารายได้ของเธอเป็นอย่างไร แต่เธอสามารถเปิดร้านหนังสือที่หน้าโรงเรียนมัธยมกวนเฉิงได้ แสดงว่าเธอยังมีความสามารถอยู่บ้างและหาเงินได้ไม่น้อยเกินไป สมัยนี้ทำการค้าขายกับผู้หญิงและเด็กคือทํากำไรได้ดีสุด
"บ้านอยู่ไม่ไกลจากร้านฉันค่ะ ขี่จักรยานไฟฟ้าไปก็ได้ และการจราจรในเมืองกวนเฉิงนั้นรถติดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของทุกวัน ขับรถสี่ล้อสู้รถสองล้อของฉันไม่ได้หรอกค่ะ"
จ้านหยินหลุดขำ
สิ่งที่เธอพูดกลับเป็นความจริง
ปกติเขาไปทํางานนอกเวลาเร่งด่วน
บางครั้งมีธุระต้องออกจากบ้านในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน รถติดจนทำให้เขาสงสัยในชีวิตว่าทำไมไม่นั่งเครื่องบินส่วนตัวออกจากบ้านแทน
"มีรถก็สะดวกในวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณยังสามารถขับรถและพาพี่สาวและหลานชายเที่ยวในวันหยุดสั้น ๆ ได้"
จ้านหยินจําได้ว่าคุณยายบอกว่าผู้หญิงคนนี้พึ่งพาอาศัยกันกับพี่สาวและคนที่ห่วงใยมากที่สุดก็คือพี่สาวและหลานชายของเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังวิวาห์ฟ้าแลบ ฉันก็กลายเป็นภรรยาคนโปรดของมหาเศรษฐี