ช่วงเช้าหนานเหวินหลงช่วยประคองร่างบางของคู่หมั้นมายังโถงอาหารเพื่อมากินอาหารร่วมกับท่านตาและท่านยาย ทั้งสองคงดีใจไม่น้อยที่นางฟื้นขึ้นมาเสียที และไม่ผิดดังที่คาดเอาไว้เมื่อท่านยายเห็นร่างของว่าที่หลานสะใภ้เดินมาท่านก็รีบปรี่เข้ามาด้วยใบหน้ายินดี
"โอ้...หลันเอ๋อร์เจ้าฟื้นแล้วยายดีใจยิ่งนัก" หลิงเซียงเอ่ยพร้อมกับเดินตรงเข้าโอบกอดร่างเล็กเอาไว้อย่างดีใจ
"ตาก็ดีใจเหลือเกินฮ่า ๆ ๆ" อี้หลางเอ่ยอย่างยินดีเช่นกันพร้อมหัวเราะออกมาเสียงดัง
"คาราวะท่านตา ท่านยายเจ้าค่ะ หลานต้องขอโทษที่ทำให้ท่านทั้งสองเป็นกังวลเจ้าค่ะ" ไป๋หลันย่อกายคำนับทั้งสองอย่างอ่อนน้อมโดยมีคู่หมั้นร่างสูงคอยจับจูงอยู่ไม่ห่าง เพราะนางนอนเป็นผักมาปีกว่าร่างกายจึงยังไม่มีกำลังเท่าไร คงต้องฝึกกล้ามเนื้ออีกสักระยะ
"ใยต้องขอโทษ มาทานข้าวกันเถิดเจ้าคงหิวแย่แล้ว" อี้หลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอ็นดูและดีใจที่นางฟื้นขึ้นมา
ทั้งหมดกินอาหารและพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ และก็ทราบว่าวันนี้สหายทั้งสองของนางจะมาเยี่ยมพอดี เมื่อกินข้าวเสร็จเรียบร้อยประมุขหนานก็พานางมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้ ตอนนี้ย่างเข้าฤดูหนาวมาแล้วจึงมีดอกไม้ผลิบานและส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว คู่หมั้นคอยของนางคอยจับประคองอยู่ไม่ห่างเพราะกลัวจะล้มได้รับบาดเจ็บ พาเดินมายังเก๋งหลังเล็กเพื่อนั่งพักและนั่งรอสหายอยู่ที่นี่เลยเช่นกัน
"เจ้าอยากกินขนมอะไรหรือไม่พี่จะได้สั่งให้คนครัวทำมาให้" หนานเหวินหลงเอ่ยถามร่างบางตรงหน้า
"พี่หลงท้องข้าจะแตกอยู่แล้วเจ้าค่ะ อาหารเมื่อครู่ยังไม่ย่อยเลย ท่านให้ข้ากินเสียเยอะประเดี๋ยวก็อ้วนหรอกเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยเย้า ก็ที่โต๊ะอาหารพี่หลงตักอาหารให้นางเสียเยอะทั้งเนื้อสัตว์ทั้งปลามากมายจนท้องแทบจะใส่ไม่หมด
"เจ้าผอมลงมากและตัวสูงขึ้นด้วยไม่สังเกตหรือ" หนานเหวินหลงเอ่ย
ไป๋หลันพยักหน้ายอมรับว่าตัวเองดูแปลกตาไปดูเติบโตเป็นสาวขึ้นตอนนี้นางอายุสิบห้าปีกว่าแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ดูยังเป็นเด็กน้อยและรูปร่างตอนนี้ก็ยังมีทรวดทรงขึ้นมามากร่างกายที่ผอมลงนั้นก็เป็นเรื่องจริง
"ข้าผอมลงจริง ๆ เจ้าค่ะ "
"เจ้าถึงต้องกินเยอะ ๆ อย่างไรเล่า" หนานเหวินหลงเอ่ย จริงแล้วนางสูงขึ้นจึงดูเพรียวไม่ได้ผอมมากสักหน่อย คงเป็นเพราะโอสถที่ท่านหมอเทวดาหม่าให้ไว้สำหรับป้อนนางทุกวันมันทำให้นางเหมือนได้รับอาหารครบถ้วนตามปกติ
"หลันหลัน!!...หลันหลัน!!..." มีมี่และเย่วซินวิ่งมาด้วยใบหน้าตื่นเต้นระคนดีใจเป็นอย่างมากพร้อมเอ่ยตะโกนเรียกเสียงดัง
"คาราวะเจ้าค่ะ ท่านประมุขหนาน" มีมี่และเย่วซินเอ่ยพร้อมคำนับอย่างเร่งรีบแล้วหันไปสวมกอดสหายทันที ส่วนเฟยเฟยก็รีบบินมาเกาะบ่าคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
"หลันหลัน เจ้าฟื้นเสียทีรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจแค่ไหนเจ้าเป็นเพื่อนข้ามานาน นานแค่ไหนเจ้าเองก็รู้ดี แล้วมานอนเป็นผักเช่นนี้เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าข้าปวดใจมากแค่ไหนฮือ ๆ ๆ…" มีมี่จากที่ดีใจกลายเป็นเสียน้ำตาด้วยความอัดอั้นและเป็นห่วงกลัวว่าสหายจะไม่ฟื้นขึ้นมา
"ข้าก็ดีใจมาก ๆ เช่นกันที่เจ้าฟื้นขึ้นมาเสียทีพวกเราเหงามากเลยรู้หรือไม่" เย่วซินเอ่ยทั้งนางและมีมี่ไม่มีความสุขเหมือนตอนที่ไป๋หลันอยู่ด้วย พวกนางทั้งสองจึงต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองว่างมานั่งคิดถึงสหาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...