"จะให้หม่อมฉันรับผิดชอบอย่างไรหรือเพคะ" เย่วซินเอ่ยถามใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอายที่ต้องอยู่ในอ้อมกอดบุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้ องค์ไท่จื่อมือไวใจเร็วยิ่งนักกอดนางมาตั้งหลายครั้งหลายหนแล้ว
"แต่งเข้าวังไท่จื่อเป็นไท่จื่อเฟย!!" หนานเฟยเทียนเอ่ยเสียงหนักแน่นจริงจัง เย่วซินตกใจดวงตาเบิกกว้าง ปากอ้าออกค้างเอาไว้อย่างลืมตัว
"มะ...ไม่ดีกว่าเพคะ หม่อมฉันไม่ชอบความวุ่นวายไม่อยากไปรบรากับสตรีหลังวังของพระองค์เพคะ" เย่วซินเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดเพราะด้วยตำแหน่งของคนตรงหน้าย่อมต้องมีสตรีมากมายอยู่เบื้องหลังเพื่อคานอำนาจอย่างแน่นอน นางไม่อยากตายไวด้วยความริษยาของสตรี อย่างมารดาของนางและนางก็เพิ่งพ้นบ่วงกรรมนั้นมาจะให้เข้าไปอยู่ในวังวนนั้นอีกนางไม่ยอมเด็ดขาด
"ข้ายังไม่เคยรับสตรีนางใดเข้าวังไท่จื่อ เจ้าเป็นคนแรก" หนานเฟยเทียนเอ่ยบอก เสด็จพ่อพยายามหาบุตรีขุนนางน้อยใหญ่มาเสนอให้เขา เขาก็เอ่ยปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงมาตลอด แต่ก็ยอมรับว่ามีบ้างที่เขาและสหายปลอมตัวออกไปเที่ยวหอนางโลมตามประสาบุรุษเพศที่คึกคะนอง
"ต่อไปพระองค์ก็คงจะมีเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ หม่อมฉันไม่ชอบบุรุษที่มีภรรยามากมายเพคะ ถ้าหม่อมฉันจะมีคนรักก็ขอให้บุรุษผู้นั้นมีหม่อมฉันเป็นภรรยาเพียงผู้เดียวเพคะ" เย่วซินเอ่ยบอกความคิดของตนเองที่เคยหมายมั่นเอาไว้
"เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าบุรุษที่เจ้าหมายมั่นว่ารักเจ้าเพียงผู้เดียว เขาจะไม่เปลี่ยนใจในภายภาคหน้ายามที่ได้ตบแต่งเจ้าแล้ว" หนานเฟยเทียนเอ่ยถาม นางเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าคนรักจะไม่เปลี่ยนใจ
"หม่อมฉันไม่มั่นใจหรอกเพคะ แต่หม่อมฉันจะจัดการกับคนที่ไม่รักษาสัญญาผู้นั้นอย่างสาสมไม่ให้ไปมีสตรีอื่นได้อีกเพคะ" เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเหมือนแต่ก่อนที่จะยอมเป็นเบี้ยล่างให้คนอื่นเหยียบย่ำได้ง่าย ๆ ถ้าสามีในอนาคตคิดนอกใจนางก็จะจัดการเสียให้สิ้นฤทธิ์ไป
" ฮึ่ย...เจ้าอยู่กับไป๋หลันมากเกินไปแล้ว ร้ายกาจนัก แต่…ในเมื่อเจ้าไม่อาจวางใจกับผู้ใดได้เหตุใดเจ้าถึงไม่ลองเชื่อใจข้าดูบ้างเล่า ข้าจะไม่สัญญาแต่จะกระทำให้เจ้าเห็นว่าข้าจะมีเจ้าเพียงผู้เดียว" หนานเฟยเทียนรุกคืบหญิงสาวในอ้อมกอดอีกครั้งเพื่อให้นางโอนอ่อนตาม
เย่วซินคิดในสิ่งที่คนสูงศักดิ์ตรงหน้าเอ่ย ก็จริงตามที่เขาเอ่ยมาทุกประการและนางเองก็รู้สึกหวั่นไหวกับเขาทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ใกล้กัน นางเองคงรู้สึกดีกับเขาแล้วเช่นกันกระมังเช่นนั้นถ้าจะลองเชื่อใจเขาดูสักครั้งคงจะไม่เสียหายอะไร
"เช่นนั้นหม่อมฉันตกลงเพคะ แต่พระองค์จะต้องตรัสอย่างชัดเจนต่อหน้าเหล่าขุนนางว่าจะไม่รับสตรีใดเข้าวังไท่จื่ออีก และถ้าพระองค์กระทำอย่างที่ทรงตรัสเอาไว้ไม่ได้อย่าหาว่าหม่อมฉันใจร้ายเลยนะเพคะ" เย่วซินเอ่ยบอกความต้องการของตนเองออกไปถ้าเขาไม่ตกลงนางก็จะไม่ยอมแต่งเขาวังไท่จื่อเช่นกัน
"ตกลง ข้าตกลง ฟอด..." หนานเฟยเทียนรีบกล่าวตกลงอย่างรวดเร็วเพราะเขาได้คิดเอาไว้นานแล้วเช่นกันพร้อมกับก้มลงหอมแก้มคนในอ้อมกอดเข้าเต็มปอด
"องค์ไท่จื่อ!! พระองค์ช่างมือไวใจเร็วยิ่งนัก ปล่อยหม่อมฉันได้แล้วเพคะ" เย่วซินยิ่งใจเต้นแรงขึ้นอีกที่โดนหอมแก้ม จึงโวยวายขึ้นมากลบเกลื่อนเสียอย่างนั้น
"เวลาอยู่ตามลำพังเรียกข้าว่าพี่เทียน" หนานเฟยเทียนเอ่ยสั่ง
"เอ่อ จะดีหรือเจ้าคะ" เย่วซินเอ่ยถาม
"อะแฮ่ม…ข้าพลาดเรื่องอะไรไปหรือเปล่า" ไป๋หลันตะโกนขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามา
"หลันหลัน...เอ่อ...คือ..." เย่วซินไม่รู้ว่าจะบอกสหายอย่างไรด้วยเพราะความอาย
"เจ้าไม่ต้องตอบหรอกข้าแกล้งถามไปอย่างนั้นแหละ จริง ๆ ข้าได้ยินหมดแล้ว..." ไป๋หลันเอ่ยบอกสหายแล้วหันไปเอ่ยกับสหายผู้สูงศักดิ์ "ไท่จื่อพี่เทียนท่านนี่รุกฆาตจริง ๆ มันต้องอย่างนี้สิถึงจะเจ๋ง..." ไป๋หลันเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือส่งไปให้อย่างนับถือในความใจกล้าหน้าด้านของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...