บทที่ 257 ร้องเพลงเสี่ยวป๋ายช่าย
ฉูเจ๋อหยางไม่อยากถือสาคนเมา ตรงเข้าไปดึงเธอที่นั่งอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้น จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นพาดบ่าเหมือนแบกกระสอบทราย เม้มริมฝีปากจนเรียบตึง เดินตรงไปที่รถด้วยความเยือกเย็น
พูดกับคนเมาที่ไร้สติให้รู้เรื่อง เขาก็คงบ้าตายไปก่อน
เป้ยฉ่ายเวยที่โดยห้อยหัวกะทันหัน เลือดก็ไหลมารวมตัวที่หัว จนทั้งหน้าแดงไปหมด เธอแผดเสียงออกมาไม่หยุด
“ฉูเจ๋อหยางทำอะไรเนี่ย วางฉันลงนะ ช่วยด้วย มีคนมาลักพาตัวไปขาย มีคนพยายามลวนลามผู้หญิงค่ะ”
“.......” ฉูเจ๋อหยางขบเม้มปากจนมุมปากสั่น พยายามกดความคิดชั่ววูบที่จะโยนเธอลงบนข้างทางเอาไว้ เสียงทุ้มต่ำพูดรอดไรฟันออกมา “หุบปาก”
“ไม่ ใครก็ได้ ช่วยสาวน้อยที่น่าสงสารผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่ทั้งสวยแถมยังฉลาดอย่างฉันด้วยนะคะ”
จิตวิญญาณนักแสดงเริ่มเข้าสิงห์เป้ยฉ่ายเวย ส่งเสียงร้องน่าสงสารออก กลัวว่าคนรอบๆจะไม่ได้ยินจึงตะโกนขึ้นอีกรอบ “ทุกคนคะ ช่วยฉันด้วย **ฉันสามขวบก็กำพร้าแม่ อาศัยอยู่กับพ่อแท้ๆ จนวันหนึ่งพ่อแต่งแม่ใหม่ อยู่กินได้สามปีจนมีน้องชาย ที่กายพร้อมกว่าฉัน น้องมันได้กินบะหมี่ แต่ฉันชีช้ำได้กินแค่น้ำซุป ยกถ้วยน้ำซุปมันวาวขึ้นดื่ม”
แต่ไหงสุดท้ายจบที่การร้องเพลงเสี่ยวป๋ายช่ายเนี่ย
แม้ว่าค่ำคืนดึกดื่นบริเวณร้านเหล้าจะไม่ค่อยมีคนเยอะ แต่ก็พอมีบ้างอยู่ประปราย เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินเสียงเป้ยฉ่ายเวยร้องเพลงด้วยความโศกเศร้าทั้งยังร้องไห้ ก็ทำให้รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจ มีบางคนเริ่มชี้มาทางฉูเจ๋อหยาง
“คงไม่ใช่ว่าเขาจะขังคับข่มเหงผู้หญิงจริงๆนะ”
“แจ้งตำรวจดีไหม ผู้หญิงคนนั้นดูน่าสงสารมากเลย”
“ชู่ๆ อย่าเสียงดังไปดูผู้ชายคนนั้นสิ น่ากลัวจะตาย แยกย้ายเถอะๆ”
คนเหล่านั้นที่ตอนแรกกำลังจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของผู้ชายคนนั้น พวกเขาจึงรักตัวกลัวตายรีบแยกย้ายสลายตัวไปเหมือนนกแตกรัง
พูดจริงๆ ชีวิตนี้ทั้งชีวิตฉูเจ๋อหยางไม่เคยขายขี้หน้าขนาดนี้มาก่อน เขายกมือขึ้นตบเข้าที่สะโพกงอนๆของหญิงสาวที่กำลังดิ้นขลุกขลักไปมาอย่างเหลืออด เสียงทุ้มน่าฟังเปลี่ยนโทนพูดในทันที
“อยู่นิ่งๆ”
หลังจากเสียงตบเพรี้ยะดังขึ้น เป้ยฉ่ายเวยก็ยอมอยู่นิ่งๆ ไม่ถึงนาที น้ำตาก็เหมือนถูกเปิดสวิตช์ ไหลออกมาไม่ยอมหยุด ดูน่าสงสารขึ้นไปอีก
“คุณตีฉัน ฮือๆๆ ไอ้บ้า ไอ้เวร คุณตีฉัน ฉัน ฉันจะหนีออกจากบ้าน”
พูดไปสะอึกไป จนเกือบอาเจียนออกมา
ที่เจ็บสุดก็คือเธอยังมีสติทุกอย่าง เธอคิดว่าเธออาจถูกผีเข้าก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดแบบปากไม่มีหูรูดแบบนี้หรอก
กลิ่นประจำตัวของหญิงสาวปะปนไปกลับกลิ่นสบู่อ่อนๆ ค่อยๆซึมซาบเข้ามาในหัวใจแข็งกระด้างของชายหนุ่ม แม้ฉูเจ๋อหยางจะยังโกรธ แต่ก็ไม่ถึงกับไปถือสาอะไรมากมายกับเธอที่ไม่มีสติ เขาหยิบโรโมทออกมากดเปิดแอร์ ภายในรถจึงเริ่มเย็นขึ้นหน่อย
เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกว่ามันยังไม่พอ เธอรู้สึกว่าความเย็นบนตัวของฉูเจ๋อหยางยังจะเย็นสบายกว่าความเย็นจากแอร์เสียอีก พยายามอดทนได้ไม่กี่นาที ก็ใช้มือทั้งสองข้างจับปกคอเสื้อของฉูเจ๋อหยางเอาไว้แล้วถลาเข้าไปใกล้ในทันที
ใบหน้าร้อนผ่าวแนบลงบนตัวของเขาที่มีเสื้อผ้ากั้นอยู่ จากนั้นก็รู้สึกเย็นสบายจนหลับตาพริ้ม พูดขึ้นเสียงอ่อน “ฉูเจ๋อหยางตัวคุณเย็นดีจัง สบายมากเลย นี่คุณแอบไปกินไอศกรีมคนเดียวมาใช่ไหม”
คิ้วคมของฉูเจ๋อหยางขมวดเข้าหากันนิดๆ เธออยู่นิ่งๆได้ไม่นานก็เริ่มกลับมาเมาดิบ กลับมายั่วเย้าอีกครั้ง เขาเกรงว่าตัวเองจะอดไม่ไหวจนลงโทษเธอ
“เป้ยฉ่ายเวย นั่งดีๆ” เขาไม่อยากทำอะไรเธอในสถานการณ์แบบนี้ อาศัยพละกำลังที่มีมากกว่า ยันขนมชิ้นหวานที่มาบดคลึงอยู่บนร่างให้ออกห่าง
“ไม่ ไม่เอา ฉันร้อน” เป้ยฉ่ายเวยร้อนผ่าวจนแทบไร้ซึ่งสติ ร่างกายเป็นไปตามที่สัญชาตญาณ เธอไม่ขยับหนีไปไหน
ฉูเจ๋อหยางหมดหนทาง ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบก้มลงน้อยๆ มองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าหมดจรดของเธอ ตอนนี้มีความแดงระเรื่อ เหมือนดอกไม้กำลังผลิบาน
จมูกเล็กๆที่เชิดรั้น ทั้งปากกระจับอมชมพู เอาแต่ระบายความร้อนผะผ่าวออกมาไม่หยุด
นัยน์ตาเจิดจ้าเป็นประกายพกพาความบอบบางที่ทำให้คนรู้สึกเอ็นดู ราวกับผลไม้ลูกน้อยที่ส่งกลิ่นหอมหวาน เชื้อเชิญให้มาลิ้มรส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...