“อัตราการเต้นของหัวใจอยู่แค่ 45 อวัยวะภายในเสียหายอย่างหนัก ผู้ป่วยอยู่ในอาการโคม่า”
“อัตราการหายใจของผู้ป่วยลดลง ขอเพิ่มปริมาณออกซิเจนด่วน”
“เตรียมการกระตุ้นหัวใจเลยนะ”
"หมดหวังแล้วล่ะ เตรียมตัวติดต่อหาครอบครัวเขาเลยเถอะ”
ในขณะเดียวกัน แพทย์ชั้นนำหลากหลายคนมารวมตัวกันรอบเตียงผ่าตัดภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งแรกของเมืองตงไห่ เหงื่อกาฬผุดขึ้นตามใบหน้าของพวกเขาเต็มไปหมด
ชายที่นอนโคม่าอยู่บนเตียงผ่าตัดนั้นซึ่งก็คือ จู้ ซานต้าว หรือที่รู้จักกันในนาม ท่านอาวุโสจู้ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตงไห่ เขามีบุคลิกที่น่าเกรงขามและเป็นเหมือนผู้มีอำนาจและมีอิทธิพลที่สุด และแน่นอนว่าหากชายอาวุโสคนนี้เป็นอะไรไปล่ะก็ คอของพวกหมอเหล่านี้ได้หลุดออกจากบ่า ถึงกับพ้นวิชาชีพนี้ก็เป็นแน่
“พวกเราควรทำยังไงดี คนไข้เข้าสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันที่หัวใจห้องล่างซ้าย และมีอาการช็อคจากภาวะโรคหัวใจ ไม่สามารถหายใจเองได้ ไม่มีทางรอดแน่”
“ต่อให้ทำการผ่าตัดต่อไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น มันหมดหวังแล้ว เราช่วยเขาเอาไว้ไม่ได้จริงๆ”
“แล้วเราจะทำยังไงดีละครับตอนนี้”
"ไม่มีทาง มันสายเกินไปสำหรับคนไข้รายนี้ ถ้าเขาเสียชีวิตบนเตียงผ่าตัด ก็ถือว่าผิดหลักปฏิบัติทางการแพทย์ของเราเช่นกัน มีกี่คนที่คิดว่าสามารถรับมือกับความโกรธเคืองของตระกูลจู้ได้กันเล่า”
เสียงบรรดาเหล่าหมอในห้องผ่าตัดเงียบลง คนเหล่านี้ล้วนเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงของเมืองตงไห่ แต่ตอนนี้พวกเขาเลิ่กลั่กกันจนทำอะไรไม่ถูก
ประการแรกเลย ภาวะหัวใจห้องล่างด้านซ้ายล้มเหลวเฉียบพลันเป็นโรคที่ซับซ้อนซึ่งรักษาได้ยากมากในตอนนี้
ประการที่สอง เนื่องจากอาการที่กำเริบกระทันหันและผู้ป่วยมาถึงช้าเกินไป
ประการที่สาม ผู้อาวุโสจู้นั้น ด้วยวัยชรา และอายุที่มากขนาดนั้น การผ่าตัดไส้ติ่งก็ยังเสี่ยงมากเกินไป นับประสาอะไรกับการผ่าตัดหัวใจ นี่มันเสี่ยงมากกว่าเสียอีก พวกเราพยายามอย่างเต็มที่แล้วในฐานะแพทย์เท่าที่จะทำได้ นั่นคือข้อเท็จจริงที่พวกเขาจะกล่าว ต่อให้เป็นถึงผู้อาวุโสจู้ที่อำนาจขนาดนั้นก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายได้เช่นกัน
เหล่าแพทย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขาทำได้แค่เพียงเตรียมรับแรงปะทะจากความโกรธของตระกูลจู้เท่านั้น ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า
"ท่านประธานจู้ครับ ทางเราพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะยื้อชีวิตผู้อาวุโส ผมเสียใจแต่มันไม่ทันจริงๆ”
น้ำเสียงเบาบางแต่กลับแทรกซึมทุกถ้อยคำ ทันใดนั้น สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มในชุดลำลอง เขาค่อยๆ เดินมาพร้อมกับเป้ที่สะพายไว้ด้านหลัง
เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ถึงแม้ว่าผมของเขาจะยุ่งเหยิงนิดหน่อยก็ยังดูดี ดวงตาคู่สวยจ้องมองอย่างทะลุปรุโปร่ง ใบหน้าของเขาดูเฉยเมยไม่สนโลกแต่กลับมีบรรยากาศที่ดูลึกลับเช่นกัน
จู้หย่งตัวแข็งทื่อ เด็กหนุ่มคนนี้ดูคุ้นๆ เสียเหลือเกิน แต่ดันนึกไม่ออกเสียนี่
"พูดอะไรออกมากัน" ฉินจวิ้นเดินตรงไปหาจู้หย่ง “ผมกำลังบอกว่าผมรักษาเขาได้”
ดวงตาของจู้หย่งเป็นประกายอย่างมีหวัง “แน่ใจแล้วใช่ไหมที่พูดมา”
หลิวปู้ฟ่านพูดแทรกขึ้นทันที “เด็กไร้หัวนอนปลายเท้าคนนี้มาจากไหน จะมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ได้ยังไง เข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน” ดูจากภายนอกรูปลักษณ์และคำพูดของฉินจวิ้นนั้นทำให้หมอหลิวมั่นใจว่าเด็กคนนี้เป็นนักต้มตุ๋นแน่นอน
เขาเพิ่งพูดไปอยู่ว่ามันไม่มีหวังแล้วสำหรับคนไข้รายนี้ แต่ตอนนี้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้กำลังพ่นเรื่องไร้สาระและยืนยันว่าสามารถช่วยผู้ป่วยได้นั้นราวกับการตบหน้าหมอหลิวอย่างแรงเลยทีเดียว แต่ฉินจวิ้นกลับเมินหมอหลิวและยังคงยืนยันกับประธานจู้ต่อไปว่าเขาจะเป็นคนรักษาผู้อาวุโสเอง “ลุงจู้ เราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วนะ ถ้าผมไม่เข้าไปตอนนี้ คงหมดหวังแน่” ลุงจู้งั้นเหรอ? จู้หย่งถึงกับนิ่งและงง เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนรู้จักจริงๆ สินะ แต่เขากลับจำไม่ได้เลยสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวดา
ไม่อัพต่อเหรอครับ...
น่าสนุก...