ป้าเฟิงตัวแข็งทื่อและสีหน้าของเธอดูแย่ทันที เธอจับตัวฉินจวิ้นไว้แน่นพลางพูดเสียงสั่นว่า "นายน้อยไม่สามารถทำตามใจชอบได้หรอกนะ ตอนนี้ตงไห่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ถ้าคนอย่างเราพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมละก็เราคงถูกปฏิบัติแย่ยิ่งกว่าหมาเสียอีก” เฟิงจวนเผชิญกับความลำบากมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน เฟิงจวนผู้น่าสงสารก็ต้องหนีซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อหลายปีก่อน หญิงวัยกลางคนรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ คงสงบลงแล้ว เธอจึงแอบกลับไปดูที่บ้านหลังนั้น สถานที่นั้นกลายเป็นพื้นที่ที่สวยงาม แม้ว่าสถานที่นั้นจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ให้พวกเขามองแค่ภายนอกเพราะเข้าไปข้างในไม่ได้ก็ตาม
และในบางครั้งเฟิงจวนจะแวะมาทำความสะอาดที่นี่ในช่วงตรุษจีน เธอจะเปลี่ยนกลอนประตูและแสดงความเคารพต่อแผ่นป้ายหลุมศพที่ระลึกของเจ้านายของเธอเสมอ แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การกระทำของเธอก็ถูกจับได้และเธอถูกโยนเข้าไปในกรงที่มีสุนัขหลายตัวคอยคุ้มกันเอาไว้ และในยามคืนที่พระจันทร์สาดส่อง ก็จะมีคนโยนเศษอาหารที่เหลือให้เธอบ้าง หรือถ้าพวกเขาอารมณ์ดี พวกเขาจะโยนขนมปังที่เหลือหรือเศษอาหารเข้าไปในกรงและปล่อยให้เธอได้อิ่มท้องบ้าง ถ้าพวกเขาอารมณ์ไม่ดีแล้วละก็พวกเขาก็จะโยนอาหารออกไปนอกกรง เฟิงจวนจะต้องต่อสู้กับสุนัขเพื่อแย่งชิงอาหารเพื่อประทังชีวิต แขนของเฟิงจวนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานแบบนี้มาตลอด คนเหล่านั้นไม่ได้ฆ่าแต่ก็ไม่ได้ปล่อยเธอเป็นอิสระ พวกเขาแค่ต้องการเห็นเธอต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ต่อไปเท่านั้น
เวลาที่อยู่ใกล้ป้าเฟิงนั้นฉินจวิ้นดูสงบลงอย่างมาก แต่ยิ่งเขาดูผ่อนคลายมากขึ้นเท่าไหร่ข้างในของเขาก็ยิ่งสดใสมากขึ้นเท่านั้น ทั้งสองได้รับการต้อนรับการพบกันอีกครั้งด้วยความวุ่นวาย ในขณะที่พวกเขาเข้าไปในตัวบ้าน ข้างในถูกรื้อค้นจนเละเทะไปหมด ฉินจวิ้นอุ้มป้าเฟิงพลางเดินเข้าไปในห้อง เด็กหนุ่มทำความสะอาดเตียงก่อนจะวางให้ป้าเฟิงนอนบนเตียงและจากนั้นเขาก็จับแขนของเธอด้วยมือซ้าย และตรวจชีพจรของเธอด้วยสามนิ้วขวา
“นายน้อยจวิ้น...” เมื่อเห็นว่าการกระทำของฉินจวิ้นดูราวกับเป็นมืออาชีพในระหว่างที่ตรวจชีพจรนั้นก็ทำให้เฟิงจวนค่อนข้างประหลาดใจมาก “นายน้อยไปอยู่ที่ไหนตลอดหลายปีที่ผ่านมาเหรอ แล้วมาที่นี่ได้ยังไง”
ย้อนกลับไปตอนที่ตระกูลฉินถูกสังหาร หากป้าเฟิงไม่ได้อยู่ข้างนอกกับฉินจวิ้นในตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เขาคงตายไปนานแล้ว และท้ายที่สุดในตอนนั้นพวกมันก็รู้ว่าฉินจวิ้นยังไม่ตายจึงตามไล่ล่าเขา
ทั้งสองพลัดออกจากกันขณะหลบหนีจากการตามล่าของพวกมันในคืนนั้น ป้าเฟิงหนีกลับไปบ้านเกิดของเธอในชนบทอยู่เพียงไม่กี่ปี แต่ไม่มีใครรู้ว่าฉินจวิ้นไปอยู่ที่ไหนตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอคิดว่าเขาถูกฆ่าไปแล้วด้วยซ้ำ
ฉินจวิ้นอธิบาย "ผมได้รับการช่วยเหลือจากหญิงสาวจากตระกูลเยว่ครับ ในตอนนั้นผมอยู่กับพวกเขาในระยะนึงเพื่อซ่อนตัว และจากนั้นผมก็ออกจากตงไห่และได้พบกับปรมาจารย์ผู้รักสันโดษที่ผมติดตามเขาขึ้นไปบนภูเขาและเรียนรู้จากเขาในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมา” ฉินจวิ้นเล่าอย่างเรียบง่ายและฟังดูผ่อนคลายมาก แต่เฟิงจวนรู้ว่าฉินจวิ้นต้องผ่านอะไรมามากแน่นอน เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง “อย่ากังวลไปเลยครับป้าเฟิง ถึงร่างกายป้าจะฟื้นตัวเร็ว แต่ว่าป้าต้องทนทุกข์ทรมานในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา แถมยังถูกสุนัขพวกนั้นกัดอีก มันมีความเป็นไปได้สูงเลยที่ป้าจะติดเชื้อ ผมจะสั่งยาให้ก่อน จากนั้นจะทำกัวซาและฝังเข็มในอีกสองสามวันหลังจากนี้ ป้าจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ” เฟิงจวนพยักหน้าอย่างแข็งขัน เธอคาดไม่ถึงเลยว่านายน้อยผู้สูงศักดิ์และฉลาดของเธอต้องผ่านประสบการณ์มากมายเพียงใดจึงจะสามารถเป็นยอดฝีมือตั้งแต่อายุยังน้อยได้ขนาดนี้
ฉินจวิ้นไปซื้ออาหารมาให้เธอจากข้างนอก แน่นอนว่าป้าเฟิงไม่สามารถทานอาหารที่มีรสจัดหรือมันเกินไปได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกโจ๊กไข่รสจืดและต้มยาสมุนไพรให้เธอแทน
“บอกผมมาป้าเฟิง ใครขังป้าไว้ในกรง” น้ำเสียงของฉินจวิ้นอาจจะดูเรียบเฉยแต่ความจริงแล้วเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะระงับความโกรธสุดขีดเอาไว้ หลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่ครอบครัวของเขา ฉินจวิ้นไม่มีญาติที่ไหนแล้ว เมื่อเห็นว่าป้าเฟิงถูกทรมานอย่างไรเขาก็มุ่งมั่นที่จะแก้แค้นให้เป็นสิบเท่า
ป้าเฟิงกุมมือของฉินจวิ้นด้วยสีหน้ากังวล “อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยนายน้อย เราไม่มีทางชนะเขาหรอก”
ฉินจวิ้นทำเพียงแค่คลี่ยิ้มเบาๆ ตอบกลับไป “อย่ากังวลไปครับป้าเฟิง ผมเองก็มีวิธีของผม” คำพูดของฉินจวิ้นนั้นดูแปลกๆ
เฟิงจวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็พูดว่า “คนพวกนั้นคือตระกูลถัง” ฉินจวิ้นขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“ตระกูลถัง? นั่นมันตระกูลแม่ของผมนี่ครับ เท่าที่รู้มาทั้งสองครอบครัวแต่งงานกันผ่านการยินยอมทั้งสองฝ่าย ถึงแม้ว่าตระกูลถังจะไม่เคยยื่นมือมาช่วยเหลืออะไรเลยก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ควรมาเหยียบย่ำเราตอนล้ม” เฟิงจวนถอนหายใจ “นายน้อย นับตั้งแต่คุณตาของคุณเสียชีวิต น้องชายของเขาก็เข้ามาปกครองตระกูลถัง นับจากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาต้องการตัดสัมพันธ์กับตระกูลฉินและบอกให้บุคคลรับรู้ว่าตอนนี้คนที่เคยเป็นครอบครัวกลายเป็นศัตรูกันเรียบร้อยแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวดา
ไม่อัพต่อเหรอครับ...
น่าสนุก...