หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ นิยาย บท 10

บทที่ 10 กายาซ่อนเร้น (ปลาย)

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ถูกของเจ้า ถูกของเจ้า ไอ้เจ้าเยี่ยฉวนผู้นี้อย่างไรเสียมันก็ต้องตายอยู่แล้ว !”

เยี่ยหลางพยักหน้ารับ “ตอนนี้มันก็เป็นแค่สุนัขไร้หนทางที่พยายามจะข้ามกำแพง ในระหว่างนี้ ท่านอย่าเพิ่งไปยั่วยุเจ้านั่นให้มากนักจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นแล้วผู้อื่นจะนินทาเอาได้ว่าข้าใจเสาะ แต่ถ้าหากเป็นบนลานประลองแล้ว ข้าย่อมสามารถฆ่ามันได้โดยชอบธรรม !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “เจ้าวางใจได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ภายในยี่สิบวันนี้ข้าจะไม่ให้ใครได้ก่อปัญหาแน่”

เยี่ยหลางพยักหน้ารับรู้ “จะว่าไปแล้ว เพื่อที่จะทะลวงเลื่อนขั้นให้ได้เร็วหน่อย ข้าอยากได้หินวิญญาณสักจำนวนหนึ่ง”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยรู้สึกกระอักกระอ่วน หินวิญญาณที่ว่านี้เป็นอัญมณีล้ำค่าที่บรรจุพลังลมปราณเอาไว้ แม้แต่ตระกูลเยี่ยที่ว่ายิ่งใหญ่ก็ยังมีจำนวนไม่มากนัก ไม่เพียงเท่านั้น แต่หินวิญญาณนี้จะใช้ได้เฉพาะผู้นำตระกูลเท่านั้น แม้แต่เยี่ยฉวนเองก็ยังไม่เคยใช้หินวิญญาณที่ว่าเลยสักครั้ง

“มีปัญหาอะไรงั้นหรือ ?” เยี่ยหลางถาม

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยสั่นศีรษะ “ไม่มีหรอก แต่มันเป็นหินวิญญาณ พวกเราเลยอาจจะมีไม่มากนัก”

เยี่ยหลางยิ้มพลางกล่าว “สบายใจได้ แค่จะไปให้ถึงขั้นหลอมรวมลมปราณ ข้าคงไม่ต้องใช้หินวิญญาณมากจนเกินไป”

ได้ยินดังนั้นผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เป็นเช่นนั้นได้ก็ดี !”

เยี่ยหลางแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า มีรอยยิ้มเหยียดเสียดสีขึ้นที่มุมปากก่อนจะคิดขึ้นในใจ ‘ช่างเป็นที่ห่างไกลและทุรกันดารนัก แต่ถือว่ายังดีหากจะใช้ประโยชน์จากมันในตอนนี้…’

เยี่ยฉวนกลับไปที่ลานบ้านของตัวเอง แต่เมื่อมาถึงก็พบหลี่มู่และคนอื่น ๆ มารออยู่ก่อนแล้ว

เยี่ยฉวนมองทั้งหมด “พวกเจ้าไม่ควรมาที่นี่ในเวลานี้”

นับตั้งแต่วันที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้สืบทอด เขาก็แทบจะไม่ได้เจอเหล่าพี่น้องร่วมรบกลุ่มนี้อีกเลย เป็นเพราะว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าอนาคตของผู้นำตระกูลเยี่ยคนต่อคนไป ไม่ใช่เยี่ยฉวน แต่เป็นเยี่ยหลาง

หลี่มู่จับมือของเยี่ยฉวน “พี่เยี่ย เรื่องก่อนหน้านี้ พวกเราต้องขอขอบคุณท่านมาก”

เยี่ยฉวนพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าและพรรคพวกไม่ได้ทำอันใดกับข้า เป็นข้าที่ต้องขอบคุณเจ้าต่างหาก เอาล่ะ กลับไปได้แล้ว หากผู้เฒ่ารู้เข้าจะเกิดปัญหาเอาได้”

หลี่มู่ครุ่นคิดก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “พี่เยี่ย หากในวันข้างหน้าท่านต้องการความช่วยเหลือ โปรดบอกให้ข้ารู้ พวกเราจะไม่มีทางปฏิเสธแน่”

เมื่อได้กล่าวเช่นนั้นแล้ว หลี่มู่และพรรคพวกก็จากไป

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะเบา ๆ เมื่อเห็นพี่ชายทำท่าทางดังนั้นเยี่ยหลิงจึงเข้าไปคว้าจับเข้าที่แขนของเยี่ยฉวน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “ท่านพี่ ท่านไม่เชื่อพวกเขาหรือ ?”

เยี่ยฉวนตอบยิ้มๆ “หากท่านพี่ของเจ้าแข็งแกร่ง สิ่งที่เจ้าพวกนั้นบอกก็จะเป็นความจริง แต่ถ้าหากข้าอ่อนแอและไม่มีโอกาสที่จะพลิกกลับฟื้นคืนแล้วละก็ ทุกอย่างก็ล้วนเป็นแค่ลมปากเท่านั้น”

เยี่ยหลิงมองเยี่ยฉวนและพูดอย่างจริงจัง “แต่ข้าน่ะเป็นของจริงนะ ข้าจะยืนเคียงข้างท่านพี่ตลอดไปเลย !”

เยี่ยฉวนส่งยิ้มให้น้องสาวและพากันเดินกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงที่ลานโล่ง ฉับพลันร่างของเยี่ยหลิงพลันสั่นอย่างรุนแรง ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ร่างกายของนางก็ยังส่งกระแสลมอันหนาวเย็นออกมาอีกด้วย !

หัวใจของเยี่ยฉวนแทบจะหยุดเต้น เขารีบพาเยี่ยหลิงไปที่เตียงจากนั้นรีบร้อนหยิบขวดหยกสีขาวออกมา เทเม็ดยาแล้วป้อนให้กับเยี่ยหลิง หลังจากรับยารักษาเข้าสู่ร่างกายได้ทันท่วงที สีหน้าของเยี่ยหลิงก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย

เยี่ยหลิงค่อย ๆ ลืมตา มือขวาของนางกุมมือเยี่ยฉวนเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกับยุง “ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่าตัวเองคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ถ้า.. ถ้าข้าตาย ท่านพี่ช่วยเอาขี้เถ้าของข้าติดตัวไปกับท่านด้วยได้หรือไม่ ? ข้าอยากจะอยู่กับท่าน…”

“เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล !”

เยี่ยฉวนกล่าวเสียงดุ เขาจ้องมองไปที่เยี่ยหลิง “เจ้าจะต้องไม่ตาย ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายเด็ดขาด เชื่อข้าสิ ต้องมีทางรักษาเจ้าได้แน่ ! เมื่อข้าสำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณเมื่อไหร่ ข้าจะพาเจ้าเข้าไปรักษาที่โรงหมอในเมืองหลวง เป็นเช่นนั้นดีหรือไม่ ?”

ขณะที่พูดแบบนั้นเสียงของเขาก็ค่อย ๆ เบาลง “เจ้าคือครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวแล้ว ได้โปรดมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อพี่ เจ้าทำได้ไหม ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์