บทที่ 163 พวกเขาอัตคัดขัดสนยิ่ง ! (ต้น)
ทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์ ! เยี่ยฉวนเคยได้ยินว่ามีทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแผ่นดินชิงแต่ไม่ปรากฏแหล่งที่มา ! ผู้ที่ได้รับการจารึกชื่อขึ้นทำเนียบ ล้วนแล้วแต่สุดยอดแห่งยอดคนในแผ่นดินชิงทั้งสิ้น
ในแคว้นเจียง มีเพียงหนึ่งเดียวที่ชื่อถูกจารึกไว้ในทำเนียบ ! อันหลานซิ่ว !
เยี่ยฉวนไม่ได้คิดประมาทฝีมือของเฟิงอี้ซิ่วคนที่ยืนตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้ถึงกับหวาดกลัว !
ซึ่งก็ยืนยันได้จากความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับขณะพลังชี่ถ่ายเทสู่กระบี่หลิงซิ่วในมือจนสั่นรุนแรง
ฝ่ายตรงข้ามของเยี่ยฉวน เฟิงอี้ซิ่วเหยียดมุมปาก สีหน้าเครียดขรึม ไม่ประมาทฝีมือเยี่ยฉวนเช่นกัน ! สถานศึกษาฉางมู่ตั้งรางวัลค่าหัวเยี่ยฉวนเสียมากมายหวังจูงใจคนจากทั่วทุกสารทิศ เมื่อเป็นดังนี้ คนผู้นี้จึงเป็นใครที่คิดจะกำจัดโดยง่ายได้อย่างนั้นหรือ ?
ผู้ที่ได้รับการจารึกชื่อไว้ในทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์ นอกจากมีความกล้าแกร่งโดดเด่นแล้วสมองยังต้องเป็นเลิศ ยิ่งกว่านั้น คนผู้นั้นควรมีประสบการณ์ต่อสู้อย่างโชกโชน ดังนั้นคนที่คิดจะทำอะไรโง่เง่าด้วยการประมาทในฝีมือของคู่ต่อสู่จะติดอันดับได้อย่างไร !
จริงอยู่บางครั้งการประมาทฝีมือคู่ต่อสู้สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มันจะมีได้ก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณเท่านั้น !
คนผู้หนึ่งก้าวมายืนข้างเฟิงอี้ซิ่ว สตรีสวมชุดแนบเนียนสีดำกำลังตั้งท่ายกคันธนู พลางวางลูกธนูก่อนจะค่อยง้างสายในท่าเตรียมยิง โดยมุ่งเป้าหมายที่ร่างของเยี่ยฉวนซึ่งทะยานเข้ามาใกล้ทุกขณะ
ทันใดนั้น เฟิงอี้ซิ่วใช้มือกดคันธนูที่กำลังง้างเต็มที่ในมือของสตรีชุดดำลง พร้อมพูดว่า “ข้าเอง !” ว่าแล้วปรายตาไปที่เยี่ยฉวนผู้กำลังพุ่งตรงเข้ามา
บัดนี้เยี่ยฉวนอยู่ห่างจากเฟิงอี้ซิ่วเพียงไม่กี่จั้ง !
ก่อนที่ทันใดนั้นเฟิงอี้ซิ่วจะรู้สึกว่ามีพลังชนิดหนึ่งเข้าห่อหุ้มคลุมครอบ !
แรงผลักดันแห่งกระบี่ !
ชั่วขณะหนึ่ง เยี่ยฉวนปรารถนาอย่างยิ่งที่จะแสดงให้คู่ต่อสู้ได้เห็นพลังกระบี่ที่สามารถทะลุทะลวงได้ถึงชั้นฟ้า !
ทว่ากลับกลายเป็นคนที่ยืนข้างเฟิงอี้ซิ่วตระหนักในพลังกระบี่แทน นางเบิ่งตามอง ในแววตาฉายความประหลาดใจชัดเจน เหตุเพราะพลังเคลื่อนไหวดั่งนี้ไม่ควรบังเกิดกับคนมีขั้นพลังหลอมรวมลมปราณเท่านั้น !
ส่วนเฟิงอี้ซิ่วจับตามองด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น ฉับพลันนั้นเขาผายมือข้างขวา ปรากฏมีควันประหลาดสีขาวพวยพุ่งและหมุนวนจากกลางฝ่ามือ ทันใดนั้นพื้นปฐพีใต้ฝ่าเท้าพลันบิดเกลียวและพร่าเลือนไป !
จังหวะนั้นเยี่ยฉวนทะยานเข้าประชิด พลันตวัดกระบี่ฟันฟาดใช้ออกด้วย ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ !
กระบี่สะบัดจากบนลงล่าง ปลดปล่อยพลังเคลื่อนไหวรุนแรงปานแผ่นดินจะถล่มในบัดดล !
เป็นเวลาเดียวกับเฟิงอี้ซิ่วที่ยกมือขวาและผลักออก บังเกิดควันสีขาวหมุนวนใจกลางฝ่ามือลอยกระจายจนปกคลุมกระบี่ของเยี่ยฉวนจนมิด
เปรี้ยง !
ทั่วบริเวณโดยรอบคนทั้งสองพื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่นเป็นระยะทางไกลหลายจั้ง อีกทั้งยังมีแรงไหวโยกสั่นคลอนเป็นหลายวินาที จากนั้นจึงเผยให้เห็นร่องรอยแผ่นดินปริแยก !
ภาพที่ปรากฏคือร่างของทั้งสองเลื่อนถอยห่างออกจากกันไปคนละหลายจั้ง และที่เหนือกว่านั้นคือพื้นดินบริเวณที่เหยียบกดเกิดเป็นร่องลึกกว่า 45 ชุ่นลากเป็นทางยาว ส่วนสภาพแวดล้อมใกล้เคียงต่างก็เกิดฝุ่นคละคลุ้งเศษซากสิ่งของกระจัดกระจาย !
เยี่ยฉวนเพ่งตาเขม้นมองคนเบื้องหน้าไกลออกไป ในมือกำแน่นกระบี่หลิงซิ่ว ขั้นสันโดษ ! คนที่ยืนเบื้องหน้า หาใช่แค่ขั้นทะยานสวรรค์ หากแต่เขาเป็นขั้นสันโดษโดยแท้จริง !
มิหนำยังบรรลุพลังขั้นสันโดษในวัยเพียงยี่สิบขวบปีเท่านั้น !
ในขณะเดียวกัน เฟิงอี้ซิ่วยกหมัดข้างขวาขึ้นมองด้วยปรากฏร่องรอยบาดแผล ! ถ้าไม่ปล่อยฝีมือเต็มที่ด้วยพลังขั้นสุด มีหวังคงสิ้นชื่อหรือไม่ก็พิกลพิการด้วยพลังหนึ่งกระบี่ของเยี่ยฉวนไปเสียแน่แล้ว !
เขาเงยหน้าขึ้นมองเขม็งตรงมายังเยี่ยฉวน “ที่แท้เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ ! …การที่พลังกล้าแกร่งแม้อยู่เพียงขั้นหลอมรวมลมปราณเท่านั้น นับว่าน่าทึ่งนัก !”
เยี่ยฉวนไม่คิดโต้คารม ตรงข้ามชายหนุ่มกลับทะยานเข้าหาเฟิงอี้ซิ่วพร้อมกับกระบี่ของตนเองอย่างไม่รอช้า !
ด้วยการต่อสู้แบบชี้เป็นชี้ตายหาใช่การเล่นขายของ จะมามัวพูดคุยได้อย่างไรกัน ?!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์