เพราะราตรีที่ผ่านมานางทุ่มเทลงแรงไปไม่น้อย ผลที่ได้กลับมาจึงคุ้มค่ายิ่ง อวิ๋นซือคลี่ยิ้มหวานดีใจจนดวงตาเป็นประกายสุกใส เมื่อหลันชิงผู้เป็นสามีเอ่ยปากจะตามไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายกับนางที่จวน
แน่นอนสิว่าต้องไปด้วย เพราะนี่คือวิธีตอบแทนในแบบของหลันชิง ที่นางปรนนิบัติเขาได้ถูกอกถูกใจ ร่างบางทอดกายอิงแอบหน้าต่างในห้องนอน ดวงตาคู่งามมองเหม่อไร้จุดหมายไปบนฟ้ากว้าง วันเวลามิเคยรั้งรอผู้ใด ความฝันที่จะออกโบยบินของนางก็เช่นกัน
เมื่อเช้ายามไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่า อีกฝ่ายรั้งตัวนางไว้พูดคุยบางอย่าง อวิ๋นซือพลันเหยียดยิ้มประหนึ่งเย้ยหยัน เมื่อคิดถึงประโยคสนทนาของตัวเองกับแม่สามี
“ฮูหยินเจ้าคะ...”
เสี่ยวอิงและเสี่ยวหยวนยืนมองผู้เป็นนายด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย พวกนางนึกไม่ออกว่าจะเอ่ยปลอบอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำแบบใดดี จึงได้แต่แสดงอาการลังเลออกมา
เสี่ยวอิงให้นึกโทษตัวเองไม่น้อย นางหัวไวไม่เท่าเสี่ยวเซียง มิอาจแบ่งเบาความทุกข์ของเจ้านายได้ เดิมทีคิดว่าอดีตสาวใช้เสี่ยวเซียงฉลาดเฉลียว น่าจะช่วยเหลืองานฮูหยินได้ดี ไม่คาดว่าอีกฝ่ายไม่เพียงไม่มีประโยชน์ ซ้ำยังเป็นภัยด้วย
อวิ๋นซือที่กำลังเหม่อลอยพลันรู้สึกตัว เมื่อหูแว่วเสียงเรียกขาน ใบหน้าเล็กก็หันไปมองสาวใช้อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงยิ้มบางๆ ที่ไม่ใช่รอยยิ้มอย่างที่ฝึกมา
ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เสี่ยวอิงและเสี่ยวหยวนอยู่กับนางมามากกว่ามารดาเสียอีก ความภักดีที่มีให้มากขนาดที่ว่า หากบอกให้อีกฝ่ายตาย สาวใช้ทั้งคู่ย่อมไม่ปฏิเสธให้เสียเวลาอย่างแน่นอน แล้วแบบนี้จะให้นางปล่อยคนของตนไปเหนื่อยยากทำไม
จริงอยู่ที่เสี่ยวอิงมีความสามารถด้านคำนวณ ที่ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปากให้นางใช้คนของตัวเองมารับหน้าที่ทำบัญชีเพื่อสร้างฐานอำนาจในคฤหาสน์ อีกฝ่ายถือว่าเหมาะสมที่สุด แต่แม่สามีคงไม่รู้ แม้ความสามารถด้านคำนวณของสาวใช้นางนี้จะไม่เลว ทว่าด้านอื่นก็ไม่ด้อย โดยเฉพาะด้านการปรนนิบัตินั้นถือว่ายอดเยี่ยม
“เจ้าอยากไปหรือไม่เล่า”
เสียงใสเอ่ยถาม อวิ๋นซือใจกว้างกับคนของตนเองเสมอ หากเสี่ยวอิงอยากไขว่คว้า เจ้านายเช่นนางย่อมต้องช่วยผลักดันแน่นอน สาวใช้ส่ายหน้าเป็นระวิง สำหรับเสี่ยวอิง หากเลือกได้มีหรือจะอยากจากฮูหยินของตัวเอง แต่ถ้านางรับหน้าที่นี้ เจ้านายก็จะได้ประโยชน์ แต่นางก็จะไม่ได้ติดตามอีกฝ่ายต่อไป
“งั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ” เสียงหวานเอ่ยอย่างเรียบเฉย นางหาได้แยแสอำนาจอะไรนั่นอยู่แล้ว กับอีแค่คนทำบัญชี ใครอยากเป็นก็ให้เป็นไปสิ ส่วนเสี่ยวอิงให้คอยรับใช้ข้างกายก็ดีอยู่แล้ว
เรื่องคนของใครจำเป็นต้องสนด้วยหรือ ในเมื่อนางคือฮูหยินใหญ่
เสี่ยวอิงพยักหน้ารับแต่ในใจนึกขัดแย้ง ไม่สนใจได้หรือ ในเมื่อฮูหยินของนางเคร่งเครียดเช่นนี้ ใบหน้าเล็กเผยยิ้มบาง สีหน้าห่วงใยของสาวใช้ทั้งคู่มีหรือคนเป็นนายจะไม่เข้าใจ ทว่าหาใช่เรื่องเสี่ยวอิงไม่ที่นางคิดหนัก
“ฮูหยินผู้เฒ่า เรียกให้ข้าเข้าไปคุยเรื่องบุตร นางเป็นห่วงเรื่องที่ข้ายังไม่ตั้งครรภ์เสียที” ใช้คำว่าเป็นห่วงสถานะฮูหยินใหญ่ของนาง ทว่าอวิ๋นซือมีหรือจะไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายห่วงใยจริงๆ ก็คือเรื่องผู้สืบทอดสกุลต่างหาก
“ฮูหยินผู้เฒ่าบอกข้าว่า หากจำเป็นจริงๆ อนุคนใดตั้งท้องก็ให้ข้ารับเด็กคนนั้นมาเป็นบุตรตัวเอง” ล้อเล่นอย่างนั้นหรือ เอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงดู สายเลือดก็ไม่ใช่ หากเติบใหญ่อีกฝ่ายรู้เรื่องผู้ให้กำเนิด จะยังเคารพนางหรือไม่ก็ยากจะคาดเดา ที่สำคัญนางไม่ใช่ว่ามีไม่ได้ แต่ไม่ยอมมีต่างหาก
เสี่ยวอิงพยักหน้าด้วยท่าทางคลายกังวล เป็นนางเองสินะที่ตื่นตูมไป แต่สาวใช้ก็ยังให้นึกสงสัยจนอดถามขึ้นมาไม่ได้ “แปลกนะเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ไม่ตั้งครรภ์ ฮูหยินรองกับพวกอนุก็ไม่มีวี่แวว หรือว่าอาจเป็นที่ตัวนายท่านเองที่มีปัญหา”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฮูหยินใหญ่