หวานเย็น กรุ่นใจ นิยาย บท 616

“ริศา คุณอย่าทำให้ผมตกใจสิ ไม่งั้นพวกเราไปโรงพยาบาลกัน” ธนพัตรู้ว่าคำว่าโรงพยาบาลเป็นคำที่อ่อนไหวมากในช่วงนี้ของสาริศา เมื่อก่อนพอได้ยินว่าไปโรงพยาบาล สาริศาก็เริ่มวิ่งหนีแล้ว

แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำที่น่าหวาดกลัวก็ไม่มีปฏิกิริยาเลย ธนพัตเขย่าแขนของสาริศาด้วยความเป็นห่วงมาก คาดหวังว่าสาริศาจะตอบโต้กับตนเอง แต่สาริศาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย

ธนพัตรีบลุกจากเตียง ใส่เสื้อผ้าล้างหน้าแปรงฟันอย่างง่ายๆ จากนั้นก็ล้างหน้าแปรงฟันให้สาริศา เตรียมพาเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาล ถ้าหากสาริศาเกิดเป็นอะไรไป ธนพัตอยู่ที่ในบ้านกันสองคนก็ไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาได้

ขณะที่ธนพัตกำลังล้างหน้าให้สาริศาอยู่นั้น สาริศาไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ แต่สายตากลับมองไปที่ด้านหน้า ไม่มองไปทางอื่นเลย ดังนั้นทุกครั้งที่ถึงทางเลี้ยว ธนพัตต้องช่วยสาริศาเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นสาริศาอาจจะชนเข้ากับกำแพง

ขณะที่ธนพัตกำลังคิดว่าจะกินอาหารเช้าดีหรือไม่นั้น ก็มองเห็นแม่บ้านเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ธนพัตนั่งที่โต๊ะอาหาร เริ่มป้อนอาหารให้สาริศาทีละคำ แม่บ้านที่นั่งอยู่ข้างๆมองดูภาพนี้ ไม่รู้ว่าในใจรู้สึกอย่างไร

เดิมทีคุณชายกับคุณนายรักกันมากขนาดนั้น ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้ แต่ชีวิตกลับกลั่นแกล้งพวกเขา ทำให้ตอนนี้ทั้งสองคนคนหนึ่งมีสติรู้ตัวอีกคนสูญเสียสติสัมปชัญญะไป

คิดดูแล้วคนที่มีสติรู้ตัว ต้องทนรับกับความกดดันและทุกข์ยากลำบากยิ่งกว่า เพราะคนที่มีสติ มองเห็นคนที่รักสติแตก ความรักแบบนี้คาดว่าแม่บ้านคงไม่มีทางเข้าใจได้ทั้งหมด

แม้แม่บ้านอยากจะพูดอะไรบางอย่างมาก แต่แม่บ้านก็กลัวว่าจะพูดอะไรไม่ดีออกไป อาจจะไปทำให้ธนพัตโกรธได้ จึงไม่ได้ดีกว่า ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีทุกวัน ให้ทั้งสองคนได้กินอาหารในยามที่พวกเขาหิวก็พอ

ธนพัตเห็นสาริศากินจนไหลเลอะมาที่คาง ก็เตรียมจะเอากระดาษทิชชู่มาเช็ด แต่กลับถูกแม่บ้านแย่งทำก่อน จากนั้นยื่นผ้าที่สะอาดให้หนึ่งผืน

“เอาอันนี้ให้คุณนายเช็ด นิ่มสบายกว่าค่ะ” แม่บ้านเห็นธนพัตจ้องมองตนเอง ก็รู้ว่าในใจธนพัตกำลังตั้งคำถามว่าทำไมตนเองถึงส่งผ้าผืนนี้ให้ อย่างไรเธอก็อยู่กับธนพัตมานานมากแล้ว ถ้าแม้แต่เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ ก็คงน่าอายมากเลย

ธนพัตได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า จากนั้นใช้ผ้าเช็ดให้สาริศา มองเห็นข้าวและน้ำแกงที่ติดอยู่มุมปากค่อยๆหายไปทีละนิด เปิดเผยให้เห็นคางเนียนสวย

ธนพัตยิ้มอ่อน แล้วเอาผ้าวางลงบนโต๊ะ จากนั้นจูงมือเล็กๆของสาริศาเดินออกมา สาริศาออกจากบ้านครั้งนี้ไม่ได้โวยวายว่าจะพาธีร์ไปด้วย ธนพัตจึงรู้ว่าสาริศามีปัญหาแล้วจริงๆ

ตอนที่สาริศาอยู่บนรถก็นิ่งเงียบมากตลอด ไม่พูดอะไรเลย ธนพัตพูดกับสาริศาหลายครั้ง แต่สาริศาก็ตอบกลับด้วยท่าทีเย็นชาทุกครั้ง

ในที่สุดก็มาถึงโรงพยาบาล เห็นท่าทางสาริศายังคงเป็นแบบเมื่อครู่อยู่ ธนพัตก็ส่ายหน้า เดินตรงไปหาเพื่อนของเขา

เดินมาที่หน้าประตู ธนพัตเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป เห็นคุณหมอที่กำลังทำงานอยู่ ก็พูดว่า “ดูภรรยาฉันหน่อย เช้าวันนี้ตื่นนอนมาก็ไม่พูดอะไรเลย เอาแต่นิ่งอยู่แบบนี้”

ธนพัตพูดจบ คุณหมอก็รีบลุกขึ้นมาดูสาริศา ปกติคนที่สติไม่ดีบางครั้งมักจะนิ่งเงียบ บางครั้งคลุ้มคลั่ง แต่ดูท่าทางสาริศาตอนนี้ไม่เหมือนคนที่ป่วยเลย

หลังจากที่คุณหมอดูอาการอยู่นาน กลับมองไม่ออก จากนั้นก็ยื่นมือมาจับชีพจร ไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอขมวดคิ้วอยู่นาน ตกลงเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ตนเองก็ยังไม่แน่ใจ

“อืม……ลูกชายของคุณล่ะครับ” คุณหมอเห็นว่าครั้งนี้สาริศาไม่ได้เอาตุ๊กตามาด้วย จึงเอ่ยถาม ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวกับตุ๊กตาก็ได้ ดังนั้นจึงถามธนพัต ธนพัตเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างอื่น

“ไม่รู้ เช้าตื่นมาเธอก็ไม่ได้พูดถึงธีร์” ธนพัตส่ายหน้าให้หมออย่างจนปัญญา จากนั้นก็มองไปที่สาริศาที่ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ จากนั้นมองไปที่ธนพัต

“ธนพัต คุณไม่รู้เหรอว่าธีร์ของพวกเราตายไปแล้ว คุณไม่รู่เหรอ” สวาริศาตะคอกออกมาอย่างใจสลาย มองธนพัตอย่างดุร้าย ส่วนธนพัตก็ตกใจมากที่จู่ๆถูกตะคอกใส่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

ตอนนี้ความทรงจำสาริศากลับมาแล้วเหรอ ธนพัตมองคุณหมอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย คุณหมอเองก็ได้แต่ก้าวเข้ามา ธนพัตกดสาริศาเอาไว้ ให้หมอมาดูอาการ

หลังจากการตรวจอาการและจับชีพจรอย่างรวดเร็วแล้ว คูรหมอมั่นใจว่าตอนนี้สาริศาไม่ได้มีสติรู้ตัว ยังคงอยู่ในสภาพที่เสียสติ แต่แค่รับรู้ความจริงที่ว่าธีร์ตายไปแล้ว

ธนพัตคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นตอนนี้สาริศาก็ยิ่งทุกข์ทรมานใจ เดิมยังมีความหวังว่าเธอสามารถอยู่ในโลกของจินตนาการของตนเองได้ ไม่มีใครรบกวน แต่สาริศาในตอนนี้กลับกลายเป็นแบบนี้แล้ว

แม้ธนพัตจะอยากเข้าไปเกลี้ยมกล่อมเธอ แต่ก็ไม่มีหนทาง คนที่กำลังคลุ้มคลั่งเสียสติไม่มีทางเชื่อฟังคำเกลี้ยมกล่อมใคร รวมถึงสาริศาที่อยู่ตรงหน้าด้วย ธนพัตเองก็อับจนหนทางเช่นกัน

“ฉันแนะนำว่าให้ใช้วิธีสะกดจิต” คุณหมอเห็นว่าในเมื่อตอนนี้ก็เป็นแบบนี้แล้ว เช่นนั้นก็คงต้องลองใช้วิธีสะกดจิตดู มีเพียงวิธีนี้ ที่อาจจะมีความเป็นไปได้บ้าง

ธนพัตมองดวงตาคุณหมอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไร ในใจธนพัตตอนนี้สับสนมาก เขาไม่รู้ว่าควรจะเสี่ยงดูมั้ย ถ้าหากล้มเหลวจะทำอย่างไร

“ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือคุณนายจะยังคงเสียสติต่อไป อาจจะยิ่งรุนแรงกว่าตอนนี้ แต่ข้อดีตอนนี้ฉันก็ได้บอกนายไปแล้ว พวกเราเป็นเพื่อนกัน อำนาจที่จะตัดสินใจยังคงอยู่ในมือนายเอง”

คุณหมอหวังว่าธนพัตจะคิดใคร่ครวญให้ดี อย่างไรก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง ตอนนี้ต้องดูว่าการกินยาจะรักษาได้หรือไม่ ความเป็นไปได้ของทั้งสองมีความใกล้เคียงกัน ทำไมธนพัตถึงไม่อยากลองดูนะ

ธนพัตลังเลไม่กล้าตัดสินใจ จึงโทรหาชัชวาล เล่าถึงสถานการณ์ในตอนนี้ หลังจากนั้นสิบนาที ชัชวาลก็มาถึง

“พี่” ธนพัตเรียกชัชวาล ชัชวาลก้มศีรษะให้คุณหมอ พูดอย่างร้อนใจว่า “ดังนั้นตอนนี้คือลังเลตัดสินใจไม่ได้เหรอ”

ความจริงตอนที่ธนพัตเล่าเรื่องนี้ให้ชัชวาลฟัง ชัชวาลก็ไม่ได้อยากจะให้คำตอบ อย่างไรตอนนี้สาริศาก็เป็นภรรยาของธนพัต ต่อไปต้องใช้ชีวิตอยู่กับธนพัต

ดังนั้นขอเพียงธนพัตตัดสินใจ ชัชวาลก็ไม่โต้แย้ง แต่เห็นท่าทางของธนพัต ใจก็ไม่แข็งพอ จึงช่วยเขาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย

“นายดูนะ สาริศาในตอนนี้ไม่มีทางหายได้ในช่วงเวลาอันสั้น อย่างนั้นถ้าไม่ใช้ยารักษาในระยะยาว ก็ต้องใช้การสะกดจิตเป็นการรักษาอย่างเร่งด่วน ผลลัพธ์ของสองวิธีเหมือนกัน แต่วิธีแรกแม้จะช้าแต่ปลอดภัย วิธีที่สองเร็วแต่กลับมีความเสี่ยง”

จากนั้นชัชวาลจึงพูดบางอย่างที่สำคัญอีกเล็กน้อย หลังจากธนพัตได้ฟังแล้ว ก็มองดวงตาชัชวาลพลางเอ่ยว่า “สะกดจิตเถอะครับ”

ธนพัตไม่อยากเห็นสาริศาคลุ้มคลั่งเสียติอีกต่อไปแล้ว เห็นสาริศาทนทุกข์อย่างในตอนนี้ มันทุกข์ทรมานกว่าการที่ตนเองเป็นเองมากหลายเท่าตัวนัก ธนพัตคิดทบทวนอยู่นาน จึงตัดสินใจได้

จากนั้นก็มองไปที่สาริศาที่นั่งอยู่ในบรรยากาศที่ตึงเครียดที่ด้านข้างอย่างเรียบร้อย ในใจคิดว่า:ริศา ถ้าครั้งนี้ล้มเหลว คุณจะโทษว่าผมทำลายชีวิตนี้ของคุณมั้ย แต่คุณวางใจได้ ต่อให้คุณจะไม่หายเป็นปกติตลอดชีวิตนี้ คุณก็จะเป็นภรรยที่แต่งงานถูกต้องตามประเพณีเพียงคนเดียวของผมตลอดไป ไม่มีใครมาแทนที่ได้

สิ่งเดียวที่เขากลัวก็คือต่อไปเมื่อเธอหายดีแล้ว จะโทษว่าเขาตัดสินใจผิดพลาดในครั้งนี้ ทำให้เธออาการหนักขึ้น ต้องใช้เวลารักษานานมาก แววตาธนพัตเปล่งประกาย ใครจะรู้ว่าธนพัตต้องใช้ความกล้าหาญมากแค่ไหนในการตัดสินใจครั้งนี้

สาริศาก็มองธนพัตเช่นกัน แววตาจริงจังจนทำให้ธนพัตคิดว่าเธอได้สติแล้ว พอธนพัตจ้องมอง ที่แท้ตนเองก็คิดมากเกิน ธนพัตหัวเราะอย่างขมขื่น จากนั้นก็เกาศีรษะ พูดว่า “สะกดจิตยังไง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ