“ไปกันเถอะ” คิดมาถึงตรงนี้ สาริศาชำเลืองมองธนพัตแวบหนึ่ง ทั้งสองคนต่างลุกจากเตียงเพื่อเก็บของ
เพราะว่าตื่นแต่เช้าตรู่ แม่บ้านยังไม่ทันตื่นขึ้นมาทำอาหาร ทำให้ทั้งสองคนออกไปทานอาหารเช้าข้างนอก
อาหารเช้าแบบดั้งเดิม น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ ทั้งสองคนกินอย่างมีความสุขมาก
ตราบใดที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน จะกินอะไร หรือดื่มอะไรก็มีความสุข
ตอนนี้แม้ว่าทั้งสองคนนั่งกินข้าวในร้านที่ดูเหมือนทรุดโทรมผุพังมากแห่งหนึ่ง แต่รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของคนสองคนยังไม่จางหายไป
ธนพัตยื่นมือออกมาเช็ดอาหารที่ติดอยู่มุมปากของสาริศา จากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อไปจ่ายเงิน
สาริศาฉุกคิดได้ถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมา เวลานี้ กันยาน่าจะยังไม่ได้กินข้าวสินะ
“เราซื้ออาหารเช้าไปฝากเธอหน่อยดีมั้ยคะ” ธนพัตรู้ว่าคำว่าเธอที่สาริศาเอ่ยหมายถึงกันยา
เมื่อครุ่นคิดสักครู่ถึงได้พูดออกไป “ไม่แน่ตอนนี้เธออาจไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลก็ได้ อีกอย่างกินพวกของมันๆแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเธออยู่ เราก็ค่อยซื้อไปฝาก”
สาริศารู้สึกว่าความคิดนี้ของธนพัตไม่เลวเลย แม้ว่าจะเสียเวลาวนไปวนมา แต่ก็อย่างน้อยก็มีหลักประกัน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สาริศาจึงขึ้นรถพร้อมธนพัต จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล
ตอนนี้เจ็ดโมงกว่า คนบนถนนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อย เมื่อมองเห็นภาพที่อยู่ทางด้านหน้า
สาริศาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจบรรยากาศกับภาพวิวในยามเช้าช่างดีเหมือนกันจริงๆ
เธอรับรู้ถึงความมีชีวิตชีวาและความกระปรี้กระเปร่า พลังงานใหม่ถูกปลุกขึ้นในหัวใจของมนุษย์
อารมณ์ยิ่งดีขึ้นมากเลย
สาริศาเดินมาหยุดหน้าด้านหน้าห้องพักที่กันยาพักรักษาตัว เมื่อมองเห็นป้ายหน้าห้องยังเป็นชื่อกันยา
เช่นนั้นแสดงว่ากันยายังคงอยู่ภายในห้องแน่ สาริศาเหลือบมองธนพัต แล้วเคาะประตูเดินเข้าไปด้านใน
สิ่งที่มองเห็นคือกันยากำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ หลับตาพักสายตา ราวกับรู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามา จึงลืมตามอง จากนั้นก็แสดงอาการตกใจออกมา
เธอไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ริศา ลูก....แม่คิดว่าลูกจะไม่มาหาแม่อีกแล้ว” กันยาพูด เมื่อสาริศาได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกขำกับประโยคนี้เอามาก ทำไมถึงได้คิดแบบนี้นะ หรือว่าในใจของกันยาตนเองไม่มีความน่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ
สาริศาถามคำถามนี้ออกไป จากนั้นก็เห็นกันยาแสดงอาการกระอักกระอ่วนออกมาเล็กน้อย อ้ำๆอึ้งๆ
ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี จากนั้นจึงชำเลืองมองธนพัต เกิดความสงสัยเล็กน้อย
สาริศาเข้าใจความหมายของกันยา การที่มีธนพัตอยู่ที่นี่ด้วยทำให้เธอพูดได้ไม่เต็มที่ สาริศาชำเลืองมองธนพัต
จากนั้นพูดว่า “คุณไปซื้อของกินหน่อยเถอะค่ะ เราขอคุยกันสองคน”
ธนพัตชำเลืองมองกันยาแวบหนึ่ง ทางที่ดีที่สุดอย่าเล่นตุกติด ไม่เช่นนั้น จะทำให้กันยาต้องสียใจภายหลัง
สาริศามองธนพัตพลางพยักหน้าให้ เพื่อแสดงว่าตนเองจะคอยระมัดระวัง
เมื่อเห็นธนพัตเดินออกจากห้องไป สาริศาก็นั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็มองมาทางกันยา
“พูดมาเถอะค่ะ ธนพัตออกไปแล้ว”
สาริศารู้ว่ากันยาอยากจะพูดอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เพราะว่าเมื่อครู่เพิ่งให้ธนพัตออกไปซื้ออาหารเช้า
อีกอย่างเมื่อเห็นลักษณะท่าทางแบบนี้ของกันยา น่าจะไม่ได้กินข้าวเช้าแน่
เช่นนั้นตอนนี้นึกขึ้นได้ ก็น่าจะเริ่มหิวแล้ว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แล้วทำไมจะไม่ทำล่ะ”
“ช่วงนี้ที่ลูกไปแล้ว โรงพยาบาลก็อยากจะไล่แม่ออกไป สุดท้ายชรัณมาช่วยฉันเอาไว้ แต่ชรัณบอกกับแม่ว่า...เป็นเรื่องของเธอแล้ว ดังนั้นแม่เลยคิดว่าลูกยังไม่หายดี”
กันยารู้ว่าระยะนี้สาริศาตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งเสียสติ
ดังนั้นวินาทีที่เห็นสาริศาเมื่อครู่นั้น เธอไม่อยากจะเชื่อจริงๆ สาริศาจะหายได้เร็วถึงเพียงนี้
วินาทีนั้นกันยากำลังสงสัยด้วยซ้ำว่าชรัณโกหกตนเอง แต่เมื่อเห็นสาริศาพยักหน้าให้
ก็รู้ว่าสาริศายังมีเรื่องจะพูดต่อ เธอจึงไม่พูด รอฟังคำพูดของสาริศาต่อทันที
“ช่วงนี้สภาพจิตใจของฉันไม่ดีจริงๆ เพราะว่าธีร์เสียชีวิต แต่ต่อมามีหมอมารักษาฉันจนหายขาด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...