“ริศา คุณอย่าทำให้ผมตกใจสิ ไม่งั้นพวกเราไปโรงพยาบาลกัน” ธนพัตรู้ว่าคำว่าโรงพยาบาลเป็นคำที่อ่อนไหวมากในช่วงนี้ของสาริศา เมื่อก่อนพอได้ยินว่าไปโรงพยาบาล สาริศาก็เริ่มวิ่งหนีแล้ว
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำที่น่าหวาดกลัวก็ไม่มีปฏิกิริยาเลย ธนพัตเขย่าแขนของสาริศาด้วยความเป็นห่วงมาก คาดหวังว่าสาริศาจะตอบโต้กับตนเอง แต่สาริศาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย
ธนพัตรีบลุกจากเตียง ใส่เสื้อผ้าล้างหน้าแปรงฟันอย่างง่ายๆ จากนั้นก็ล้างหน้าแปรงฟันให้สาริศา เตรียมพาเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาล ถ้าหากสาริศาเกิดเป็นอะไรไป ธนพัตอยู่ที่ในบ้านกันสองคนก็ไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาได้
ขณะที่ธนพัตกำลังล้างหน้าให้สาริศาอยู่นั้น สาริศาไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ แต่สายตากลับมองไปที่ด้านหน้า ไม่มองไปทางอื่นเลย ดังนั้นทุกครั้งที่ถึงทางเลี้ยว ธนพัตต้องช่วยสาริศาเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นสาริศาอาจจะชนเข้ากับกำแพง
ขณะที่ธนพัตกำลังคิดว่าจะกินอาหารเช้าดีหรือไม่นั้น ก็มองเห็นแม่บ้านเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ธนพัตนั่งที่โต๊ะอาหาร เริ่มป้อนอาหารให้สาริศาทีละคำ แม่บ้านที่นั่งอยู่ข้างๆมองดูภาพนี้ ไม่รู้ว่าในใจรู้สึกอย่างไร
เดิมทีคุณชายกับคุณนายรักกันมากขนาดนั้น ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้ แต่ชีวิตกลับกลั่นแกล้งพวกเขา ทำให้ตอนนี้ทั้งสองคนคนหนึ่งมีสติรู้ตัวอีกคนสูญเสียสติสัมปชัญญะไป
คิดดูแล้วคนที่มีสติรู้ตัว ต้องทนรับกับความกดดันและทุกข์ยากลำบากยิ่งกว่า เพราะคนที่มีสติ มองเห็นคนที่รักสติแตก ความรักแบบนี้คาดว่าแม่บ้านคงไม่มีทางเข้าใจได้ทั้งหมด
แม้แม่บ้านอยากจะพูดอะไรบางอย่างมาก แต่แม่บ้านก็กลัวว่าจะพูดอะไรไม่ดีออกไป อาจจะไปทำให้ธนพัตโกรธได้ จึงไม่ได้ดีกว่า ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีทุกวัน ให้ทั้งสองคนได้กินอาหารในยามที่พวกเขาหิวก็พอ
ธนพัตเห็นสาริศากินจนไหลเลอะมาที่คาง ก็เตรียมจะเอากระดาษทิชชู่มาเช็ด แต่กลับถูกแม่บ้านแย่งทำก่อน จากนั้นยื่นผ้าที่สะอาดให้หนึ่งผืน
“เอาอันนี้ให้คุณนายเช็ด นิ่มสบายกว่าค่ะ” แม่บ้านเห็นธนพัตจ้องมองตนเอง ก็รู้ว่าในใจธนพัตกำลังตั้งคำถามว่าทำไมตนเองถึงส่งผ้าผืนนี้ให้ อย่างไรเธอก็อยู่กับธนพัตมานานมากแล้ว ถ้าแม้แต่เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ ก็คงน่าอายมากเลย
ธนพัตได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า จากนั้นใช้ผ้าเช็ดให้สาริศา มองเห็นข้าวและน้ำแกงที่ติดอยู่มุมปากค่อยๆหายไปทีละนิด เปิดเผยให้เห็นคางเนียนสวย
ธนพัตยิ้มอ่อน แล้วเอาผ้าวางลงบนโต๊ะ จากนั้นจูงมือเล็กๆของสาริศาเดินออกมา สาริศาออกจากบ้านครั้งนี้ไม่ได้โวยวายว่าจะพาธีร์ไปด้วย ธนพัตจึงรู้ว่าสาริศามีปัญหาแล้วจริงๆ
ตอนที่สาริศาอยู่บนรถก็นิ่งเงียบมากตลอด ไม่พูดอะไรเลย ธนพัตพูดกับสาริศาหลายครั้ง แต่สาริศาก็ตอบกลับด้วยท่าทีเย็นชาทุกครั้ง
ในที่สุดก็มาถึงโรงพยาบาล เห็นท่าทางสาริศายังคงเป็นแบบเมื่อครู่อยู่ ธนพัตก็ส่ายหน้า เดินตรงไปหาเพื่อนของเขา
เดินมาที่หน้าประตู ธนพัตเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป เห็นคุณหมอที่กำลังทำงานอยู่ ก็พูดว่า “ดูภรรยาฉันหน่อย เช้าวันนี้ตื่นนอนมาก็ไม่พูดอะไรเลย เอาแต่นิ่งอยู่แบบนี้”
ธนพัตพูดจบ คุณหมอก็รีบลุกขึ้นมาดูสาริศา ปกติคนที่สติไม่ดีบางครั้งมักจะนิ่งเงียบ บางครั้งคลุ้มคลั่ง แต่ดูท่าทางสาริศาตอนนี้ไม่เหมือนคนที่ป่วยเลย
หลังจากที่คุณหมอดูอาการอยู่นาน กลับมองไม่ออก จากนั้นก็ยื่นมือมาจับชีพจร ไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอขมวดคิ้วอยู่นาน ตกลงเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ตนเองก็ยังไม่แน่ใจ
“อืม……ลูกชายของคุณล่ะครับ” คุณหมอเห็นว่าครั้งนี้สาริศาไม่ได้เอาตุ๊กตามาด้วย จึงเอ่ยถาม ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวกับตุ๊กตาก็ได้ ดังนั้นจึงถามธนพัต ธนพัตเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างอื่น
“ไม่รู้ เช้าตื่นมาเธอก็ไม่ได้พูดถึงธีร์” ธนพัตส่ายหน้าให้หมออย่างจนปัญญา จากนั้นก็มองไปที่สาริศาที่ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ จากนั้นมองไปที่ธนพัต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...