หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม นิยาย บท 43

เมื่อได้ยินคำสัญญาของเธอ จักรภพจึงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว ผมก็สบายใจ เดี๋ยวยังไงผมจะร่างสัญญาในวันพรุ่งนี้ และพอถึงเวลา สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ลงนามเท่านั้นเอง”

รษิกาพยักหน้ารับทราบ

เมื่อจัดการเรื่องรางวัลกันเรียบร้อยแล้ว จักรภพก็ไปส่งเธอที่ประตูและมองเธอขับรถออกไป

เมื่อรถของเธอลับสายตาไปแล้ว เขาจึงกลับเข้าบ้านและโทรหาเลอศิลป์

“คุณปู่เป็นยังไงบ้าง?”

ทันทีที่ต่อสาย เสียงของเลอศิลป์ก็ดังขึ้นพร้อมกับมีเสียงน้ำไหลอยู่เบื้องหลัง

จักรภพตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เขาฟื้นแล้ว คุณหมอรษิกาน่าทึ่งมากเลยนะ”

เมื่อนึกถึงพฤติกรรมที่น่ากระอักกระอ่วนของเลอศิลป์และรษิกาก่อนหน้านี้ เขาจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “เลอศิลป์ นายรู้จักกับคุณหมอรษิกามาก่อนหรอ? ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างนายทั้งคู่ อีกอย่าง ฉันก็ไม่เคยเห็นนายทำตัวแบบนั้นกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อนเลยนะ”

แม้ว่าเขาจะทำให้เธอต้องลำบาก แต่เขาก็ยืนหยัดเพื่อเธอในเวลาเดียวกัน

ในตอนแรกจักรภพคิดว่าเลอศิลป์ไม่ได้จริงจังอะไรกับรษิกา

แต่พอเห็นเลอศิลป์ช่วยเหลือเธอและแม้กระทั่งยืนกรานให้ฝนทิพย์ขอโทษ เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องคิดอย่างไรดี

ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าทั้งคู่รู้จักกัน แต่มันก็เกินกว่าจักรภพจะคาดเดาได้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์แบบไหน

ความกังวลของเลอศิลป์ที่มีต่ออัครพลคือเหตุผลเดียวที่เขารับสายของจักรภพ ดังนั้น คำถามนี้จึงทำให้สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้น “ฉันไม่รู้จักเธอ ถ้าฉันรู้ฉันก็คงพาเธอมารักษาคุณปู่ไปนานแล้ว”

ก่อนที่จักรภพจะทันได้โต้ตอบ เลอศิลป์ก็ตัดสายไปทันที ซึ่งมันยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของจักรภพมากขึ้นไปอีก

น้ำเสียงของเลอศิลป์ดูกระอักกระอ่วนชอบกล พวกเขาไม่รู้จักกันจริงๆ น่ะหรือ?

กว่ารษิกาจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว

เมธินีกำลังเล่นตัวต่อกับเด็กแฝดอยู่ในห้องนั่งเล่น

ทันทีที่ทั้งสามเห็นรษิกา พวกเขาก็ทิ้งตัวต่อในมือและต้อนรับเธอกลับบ้าน

“แม่ครับ!”

เด็กชายทั้งสองโผเข้าไปกอดเธอแล้วถามด้วยน้ำเสียงกังวลว่า “ทำไมแม่กลับมาช้าจังครับ? พวกเราง่วงนอนกันหมดแล้ว”

ทั้งคู่หาวโดยที่ตากำลังจะปิด

รษิกาขยี้ผมพวกเขาด้วยความเอ็นดู “แม่ขอโทษที่ปล่อยให้ลูกๆ รอนานนะคะ”

รษิกาเงยหน้าขึ้นไปมองเมธินีด้วยสายตาที่อยากจะขอบคุณ

เมื่อรู้ว่ารษิกากำลังจะพูดอะไร เมธินีโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า เด็กทั้งสองคนต่างก็เป็นลูกทูนหัวของฉัน แล้วนี่เธอกินข้าวเย็นมาแล้วหรือยัง? มันดึกมากแล้วนะ!”

รษิกาส่ายหัว “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานน่ะ”

เธอไม่ได้ดูเวลาเลย เพราะมัวแต่รักษาอัครพลและปรึกษาเรื่องการจัดหายากับจักรภพ

ทว่าตอนนี้รษิการู้สึกว่าท้องของเธอเริ่มส่งเสียงคำราม

เมธินีแกล้งทำเป็นรำคาญ “ฉันรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดเวลาที่เธอไม่ว่าง ฉันถึงได้แบ่งอาหารเย็นไว้ส่วนหนึ่ง รีบไปกินซะเถอะ”

เด็กชายทั้งสองคนก็เร่งเร้าให้เธอไปทานข้าวเช่นกัน พวกเขาพากันต้อนเธอไปที่โต๊ะอาหาร

รษิกาเคี้ยวอาหารไปสองสามคำด้วยท่าทางอบอุ่น ขณะที่เมธินีและลูกๆ อยู่เคียงข้างเธอ

เมื่อเธอเห็นว่ารษิกาทานอาหารใกล้เสร็จแล้ว เมธินีก็ถามว่า “เธอกลับดึกมากขนาดนี้เพราะอาการของคนไข้ร้ายแรงมากเหรอ? มีความคืบหน้ายังไงบ้างล่ะ?”

รษิกาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ก็ร้ายแรงนะ แต่ยังไงฉันก็มั่นใจว่าจะรักษาเขาให้หายได้แหละ”

ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนยาของสถาบันวิจัยได้อีกด้วย

เมื่อคิดได้เช่นนั้น อารมณ์ของรษิกาก็ดีขึ้นอย่างมาก

เมธินีก็มีศรัทธาในตัวเธอมากเช่นกัน “ในเมื่อเธอมั่นใจในสิ่งที่ทำขนาดนี้ ฉันก็เชื่อว่าเธอจะสามารถรักษาเขาได้อย่างแน่นอน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม