เมื่อได้ยินคำสัญญาของเธอ จักรภพจึงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว ผมก็สบายใจ เดี๋ยวยังไงผมจะร่างสัญญาในวันพรุ่งนี้ และพอถึงเวลา สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ลงนามเท่านั้นเอง”
รษิกาพยักหน้ารับทราบ
เมื่อจัดการเรื่องรางวัลกันเรียบร้อยแล้ว จักรภพก็ไปส่งเธอที่ประตูและมองเธอขับรถออกไป
เมื่อรถของเธอลับสายตาไปแล้ว เขาจึงกลับเข้าบ้านและโทรหาเลอศิลป์
“คุณปู่เป็นยังไงบ้าง?”
ทันทีที่ต่อสาย เสียงของเลอศิลป์ก็ดังขึ้นพร้อมกับมีเสียงน้ำไหลอยู่เบื้องหลัง
จักรภพตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เขาฟื้นแล้ว คุณหมอรษิกาน่าทึ่งมากเลยนะ”
เมื่อนึกถึงพฤติกรรมที่น่ากระอักกระอ่วนของเลอศิลป์และรษิกาก่อนหน้านี้ เขาจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “เลอศิลป์ นายรู้จักกับคุณหมอรษิกามาก่อนหรอ? ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างนายทั้งคู่ อีกอย่าง ฉันก็ไม่เคยเห็นนายทำตัวแบบนั้นกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อนเลยนะ”
แม้ว่าเขาจะทำให้เธอต้องลำบาก แต่เขาก็ยืนหยัดเพื่อเธอในเวลาเดียวกัน
ในตอนแรกจักรภพคิดว่าเลอศิลป์ไม่ได้จริงจังอะไรกับรษิกา
แต่พอเห็นเลอศิลป์ช่วยเหลือเธอและแม้กระทั่งยืนกรานให้ฝนทิพย์ขอโทษ เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องคิดอย่างไรดี
ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าทั้งคู่รู้จักกัน แต่มันก็เกินกว่าจักรภพจะคาดเดาได้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์แบบไหน
ความกังวลของเลอศิลป์ที่มีต่ออัครพลคือเหตุผลเดียวที่เขารับสายของจักรภพ ดังนั้น คำถามนี้จึงทำให้สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้น “ฉันไม่รู้จักเธอ ถ้าฉันรู้ฉันก็คงพาเธอมารักษาคุณปู่ไปนานแล้ว”
ก่อนที่จักรภพจะทันได้โต้ตอบ เลอศิลป์ก็ตัดสายไปทันที ซึ่งมันยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของจักรภพมากขึ้นไปอีก
น้ำเสียงของเลอศิลป์ดูกระอักกระอ่วนชอบกล พวกเขาไม่รู้จักกันจริงๆ น่ะหรือ?
กว่ารษิกาจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
เมธินีกำลังเล่นตัวต่อกับเด็กแฝดอยู่ในห้องนั่งเล่น
ทันทีที่ทั้งสามเห็นรษิกา พวกเขาก็ทิ้งตัวต่อในมือและต้อนรับเธอกลับบ้าน
“แม่ครับ!”
เด็กชายทั้งสองโผเข้าไปกอดเธอแล้วถามด้วยน้ำเสียงกังวลว่า “ทำไมแม่กลับมาช้าจังครับ? พวกเราง่วงนอนกันหมดแล้ว”
ทั้งคู่หาวโดยที่ตากำลังจะปิด
รษิกาขยี้ผมพวกเขาด้วยความเอ็นดู “แม่ขอโทษที่ปล่อยให้ลูกๆ รอนานนะคะ”
รษิกาเงยหน้าขึ้นไปมองเมธินีด้วยสายตาที่อยากจะขอบคุณ
เมื่อรู้ว่ารษิกากำลังจะพูดอะไร เมธินีโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า เด็กทั้งสองคนต่างก็เป็นลูกทูนหัวของฉัน แล้วนี่เธอกินข้าวเย็นมาแล้วหรือยัง? มันดึกมากแล้วนะ!”
รษิกาส่ายหัว “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานน่ะ”
เธอไม่ได้ดูเวลาเลย เพราะมัวแต่รักษาอัครพลและปรึกษาเรื่องการจัดหายากับจักรภพ
ทว่าตอนนี้รษิการู้สึกว่าท้องของเธอเริ่มส่งเสียงคำราม
เมธินีแกล้งทำเป็นรำคาญ “ฉันรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดเวลาที่เธอไม่ว่าง ฉันถึงได้แบ่งอาหารเย็นไว้ส่วนหนึ่ง รีบไปกินซะเถอะ”
เด็กชายทั้งสองคนก็เร่งเร้าให้เธอไปทานข้าวเช่นกัน พวกเขาพากันต้อนเธอไปที่โต๊ะอาหาร
รษิกาเคี้ยวอาหารไปสองสามคำด้วยท่าทางอบอุ่น ขณะที่เมธินีและลูกๆ อยู่เคียงข้างเธอ
เมื่อเธอเห็นว่ารษิกาทานอาหารใกล้เสร็จแล้ว เมธินีก็ถามว่า “เธอกลับดึกมากขนาดนี้เพราะอาการของคนไข้ร้ายแรงมากเหรอ? มีความคืบหน้ายังไงบ้างล่ะ?”
รษิกาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ก็ร้ายแรงนะ แต่ยังไงฉันก็มั่นใจว่าจะรักษาเขาให้หายได้แหละ”
ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนยาของสถาบันวิจัยได้อีกด้วย
เมื่อคิดได้เช่นนั้น อารมณ์ของรษิกาก็ดีขึ้นอย่างมาก
เมธินีก็มีศรัทธาในตัวเธอมากเช่นกัน “ในเมื่อเธอมั่นใจในสิ่งที่ทำขนาดนี้ ฉันก็เชื่อว่าเธอจะสามารถรักษาเขาได้อย่างแน่นอน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม
เนื้อเรื่องวนอยู่อ่าง10รอบ,😁😁😁...
วนกลับมาที่เดิมอีกรอบ ประสาทแดก นิคือ 2วันกลับมาอ่าน1บท ก้อยังวนอยู่ที่เดิม ใครซื้ออ่าน เอาตังค์ซื้อบ้านได้เลยมั้ง...
แล้วจะไงต่อ ไอวีโดนตี โดนทำร้าย หนักก่อน ? ทั้งๆ ควรจะรู้ได้แล้ว ที่โดนวางยา ขนาดนั้น เห้อออออ มาตามอ่านแต่ก็เบื่อ ว่าวนๆอยู่ที่เดิม...
ทะเลาะอึกแล้ว ถึงตอนนี้ ถ้าควรมีไรเปลี่ยนแปลงบ้างค่ะ นอกจากพากลับบ้าน วนหลูบอีกกกกแล้ว...
ที่สุดของการวนเวียนย่ำอยู่กับที่ เนื้อเรื่องไม่มีไรเลย น้ำล้วนๆ น่าจะไป5000ตอน พ่อแม่ลูกยังไม่รู้จักกัน โอ้ยประสาท ละครไทยชิบ มีไรไม่พูดกัน หลบกันไปหลบกันมา...
เนื้อเรื่องวนอยู่ในอ่างมากค่ะ น่าเบื่อ ไม่สนุก เสียดายตอนแรกๆทำไว้สะสนุกเลย เนื้อหาออกทะเล กู่ไม่กลับ ใครไหวไปก่อนเลยจ้าาา...
ไม่ถึงไหนเลยจริงๆ พอดีน่าจะเก่งกว่านี้ดูมีอิทธิพล แต่ไม่ได้เรื่องสักอย่าง แค่ลูกก็ยังไม่รู้เลย มึนนนนค่ะ...
ทำไมกดไปตอน1036ไม่ไปละ...
เข้าไปอ่านถึงตอน1035แล้วอ่ะแต่ไปต่ออีกไม่ได้...
เนื้อเรื่องหลงทางวนไปมา ไม่สนุก...