กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 111

เด็กน้อยลักษณะคล้ายกับปลาไหลบนเขียง แถมยังดิ้นเคลื่อนไหวไม่หยุด เวธัสใช้แขนข้างเดียวคล้องเขาไว้ก็ยังดูเหมือนจับเขาไม่แน่นพอ

โชคดีที่บริเวณกลางสระว่ายน้ำมาถึงริมสระไม่ถือว่าไกลมากนัก

เวธัสเป็นคนที่ว่องไวจนเร็วมาก ชั่วพริบตา จึงเกาะราวจับสระว่ายน้ำตรงขอบสระได้

จากนั้นเขาก็ขึ้นขอบสระ พร้อมทั้งมีน้ำไหลหยดติ๋งๆ จากร่างกายของเขาจนหยดลงสู่พื้น

เวธัสใช้หลังฝ่ามือจัดการเด็กน้อยวางลงบนพื้นอย่างเรียบร้อย

ปัณณ์ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ เขาจะเอาตัวเองมาวางที่พื้น ส่วนความเคลื่อนไหวจากกำปั้นเล็กๆ ชนเข้ากับอากาศแทน

เนื่องจากความเฉื่อยช้า จึงถอยไปทางด้านหลังสองก้าว

ดวงตากลมโตของปัณณ์ คอยชะเง้อมองเวธัสในชั่วพริบตา

เสื้อและกางเกงของเวธัสเปียกชุ่มไปทั้งตัว เขาจึงปลดกระดุมและเข็มขัดออกตามปกติ เพื่อถอดเสื้อผ้าที่เปียกโซกบนตัวออก จนเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนและแข็งแกร่งสวยงาม

ซิกแพคที่สมบูรณ์มาก แผงไหล่อันผึ่งผาย ดวงตาดำคมกริบที่เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงตนตามแบบฉบับผู้บังคับบัญชา

ปัณณ์เพิ่งเคยเห็นร่างกายที่กำยำทรงพลังแบบนี้เป็นครั้งแรก จนต้องอ้าปากค้าง..

จึงแอบกำหมัดแน่นและยกแขนขึ้นเพื่อเบ่งกล้ามบ้าง

เมื่อเบ่งอยู่สักพัก คล้ายว่าจะเป็นแค่ไขมันเท่านั้นเอง ซึ่งไม่ได้เป็นกล้ามที่งดงามเหมือนปีศาจกษัตริย์นั่นเลย น่าเศร้าชะมัด

“คุณเวธัส เสื้อคลุมอาบน้ำครับ...” ลุงชัยเอาเสื้อคลุมอาบน้ำสีเข้มของผู้ชายมาให้

เวธัสรับเสื้อคลุมติดมือมาสวม และจัดการใช้สายรัดผูกเอวหลวมๆ เอาไว้

จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผมสั้นที่มีน้ำเริ่มหยดออกมา ทุกการเคลื่อนไหวช่างสง่างามทั้งสิ้น...

ปัณณ์เบะปากเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าตัวเองร่างกายโป๊เปลือยล่อนจ้อน จึงชะเง้อมองลุงชัย

ลุงชัยพอคลำทางอารมณ์ของปัณณ์ได้แล้ว

พริบตาเดียวก็เอาชุดนอนลายสปอนจ์บ็อบของเด็กของเขาเอามาให้ เพื่อจะเตรียมใส่ให้เขา...

“เดี๋ยวก่อนครับ ทำไมชุดนอนผมถึงได้ปัญญาอ่อนขนาดนี้ล่ะครับ?” ปัณณ์ใช้มือต่อต้านชุดนอนเด็กลายสปอนจ์บ็อบ ด้วยสีหน้ารังเกียจเต็มที

ลุงชัยอึ้งไปทันที “คุณหนูครับ เมื่อวานนี้ยังชมไม่หยุดปากอยู่เลยว่าชุดนอนตัวนี้มันน่ารักมากอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?”

ปัณณ์ใช้ชีวิตอยู่กับณิชาตั้งแต่เด็ก ณิชาหวังให้ลูกชายเป็นเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา ดังนั้นจึงเลือกซื้อเสื้อผ้าให้เขาในแบบสิ่งที่เด็กสนใจ เช่นตัวโมเดลเอย รูปตัวอักษรเอย ตัวการ์ตูนอนิเมะเอย

ปัณณ์พักอยู่ที่คฤหาสน์สนธิไชยอยู่นาน พอไม่เห็นณิชา ทำได้แค่คิดถึง จึงให้ลุงชัยออกไปซื้อชุดสไตล์เดียวกันกับที่เคยพักที่หมู่บ้านออเรนจ์ก่อนหน้านี้

ก่อนหน้านี้ก็ยังถูกใจมาก แต่ตอนนี้ดูจากสถานการณ์แล้ว...

ทำไมถึงได้น่าอายได้ขนาดนี้?

“ผมจะเอาชุดที่เหมือนกับปีศาจกษัตริย์!” เขายกมือเล็กๆ ขึ้น พร้อมทั้งพูดอย่างเท่

ลุงชัยไม่เข้าใจสภาพอารมณ์ของเจ้าตัวน้อย แต่ยังพูดเอาใจอย่างอ่อนโยน “ตกลงครับ พรุ่งนี้ผมจะให้ช่างตัดเสื้อผ้ามาวัดตัวคุณหนูเลย แต่ตอนนี้ใส่เสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

ปัณณ์อ้าแขนขึ้น เพื่อให้ลุงชัยได้ใส่เสื้อผ้าให้เขาอย่างเรียบร้อย มือเล็กๆ ยังแสร้งทำทีรัดเข็มขัด ซึ่งเป็นการกระทำเฉกเช่นเดียวกับเวธัสอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

เด็กๆ อายุประมาณนี้ ความสามารถในการเลียนแบบเก่งกล้าที่สุดแล้ว

ไม่ว่าผู้ใหญ่จะทำอะไร เขาก็จะทำทุกอย่างตามด้วยสัญชาตญาณของเขา...

เวธัสเช็ดผมจนแห้งเรียบร้อย จึงเอนหลังพิงเก้าอี้ พร้อมทั้งนั่งไขว่ห้าง อย่างเกียจคร้าน

“พูดมาสิ แกอยากจะให้พ่อตกลงเงื่อนไขอะไรกับแกบ้าง?”

ปัณณ์วิ่งเข้าหาและมาพาดอยู่ข้างเก้าอี้ของเวธัสอย่างยินดี ข้าทั้งสองข้างก็ไขว่ห้างเช่นเดียวกัน แสร้งทำที่เกียจคร้านตาม พร้อมทั้งเอามือซ้ายมายันคางเอาไว้ และจ้องมองเวธัสตาปริบๆ

“ผมต้องการให้พ่อยกเลิกกฎการออกจากบ้านของผมครับ เด็กต้องออกไปเที่ยวดูโน่นดูนี่เยอะๆ พ่อให้ผมอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว จนผมอึดอัดจะตายอยู่แล้วครับ”

ผู้ใหญ่กับเด็กเล็ก หน้าตาและลักษณะท่าทางทุกอย่างกลับเหมือนกับทุกกระเบียดนิ้ว ช่างเก่งกล้าสามารถจริงๆ

ลุงชัยแอบถ่ายรูปตอนที่พ่อลูกคุยกันเอาไว้

เป็นภาพนิ่ง ปัณณ์ที่กำลังชะเง้อพูดกับปีศาจกษัตริย์ด้วยความเบื่อหน่าย แถมยังแสร้งเลียนแบบท่าทางของเวธัสอย่างใสซื่อ จนหัวใจใกล้อ่อนยวบยาบไปตามเขาอยู่แล้ว...

ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนพ่อลูกช่าง “กลมเกลียว” กันซะขนาดนี้ ช่างเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย

“คุณเวธัส ยังมีอีกเรื่องที่ลุงยังไม่ได้บอกคุณ” จู่ๆ ลุงชัยก็เอ่ยขึ้น

เวธัสเผยอริมฝีปากพร้อมทั้งพูดอย่างเรียบเฉย “มีเรื่องอะไรครับ?”

“ทางคฤหาสน์เก่าแจ้งข่าวมาแล้วนะครับ ช่วงนี้ขอให้คุณช่วยหาเวลากลับไปหน่อยครับ คุณจงกลพูดว่าอยากเจอหน้าคุณสักหน่อย” ลุงชัยเองก็เพิ่งได้รับโทรศัพท์เมื่อครู่นี้เอง เมื่อมองเห็นสองคนพ่อลูกเล่นกันอย่างสนุกสนานขนาดนี้ จึงทำใจไม่ได้ที่ต้องทำลายบรรยากาศนี้ไป

จงกลมีศักดิ์เป็นน้าคนเล็กของเวธัส ซึ่งก็เป็นญาติผู้ใหญ่ที่เขาให้ความสนใจที่สุดแล้ว

เวธัสนึกว่ากันญ่าจะเอ่ยถึงเรื่องการถอนหมั้น น้าเล็กถามด้วยความสงสัย พร้อมทั้งพูดบ่นพึมพำ “รู้เรื่องแล้ว เดี๋ยวกลับเสาร์อาทิตย์นี้แหละครับ”

ประจวบเหมาะกับมีเรื่องบางอย่างที่ต้องการพูดกับเขาให้ชัดเจน

……

ณิชานอนหลับลึก ตกบ่ายถึงมีแรงไปรับเจ้าเด็กน้อยหลังเลิกเรียน

ซึ่งเหมือนวันก่อนๆ จังหวะที่เจอกับผู้ปกครองที่เข้ามารับลูกตรงหน้าประตูโรงเรียนเหมือนๆ กันนั้น เธอมักจะถูกซักไซ้ถามไถ่ จนกลายเป็นดาราแห่งผู้ปกครองไปแล้ว

บ้างก็สอบถามว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้เป็นเด็กที่เชื่อฟังได้ขนาดนี้

บ้างก็ขอเบอร์ติดต่อเธอ เพื่อวางแผนพูดคุยเรื่องจิตวิทยาในการอบรมเลี้ยงดูเด็กเป็นการส่วนตัว

บ้างก็มีผู้ปกครองเอาสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ มาให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอแทนลูกสาวของตนเอง

เมื่อสองคนแม่ลูกกลับถึงบ้านแล้ว ณิชากำลังจัดกระเป๋าให้ปัณณ์ และบังเอิญเจอซองจดหมายสีชมพูสองฉบับด้วยความบังเอิญ

ตั้งแต่ที่ลูกชายเข้าเรียนอนุบาล ก็จะได้รับจดหมาย “สารภาพรัก” แบบนี้วันเว้นวัน

ตอนแรกปัณณ์ก็โยนทิ้งทันที แต่ภายหลังณิชาเตือนลูกชายว่าการทำแบบนี้มันไม่ค่อยมีมารยาท เขาจึงไม่โยนทิ้งอีกเลย แต่กลับหอบกลับบ้านมาทั้งหมด

ณิชาเป็นตัวแทนลูกชาย ในการอ่านจดหมายทุกฉบับอย่างเขินอาย

ความจริงแล้วบรรดาสาวๆ ตัวน้อยยังเขียนตัวหนังสือไม่ครบ ยังไม่เป็นประโยค แค่เป็นคำสั้นสองสามคำเท่านั้นเอง และแนบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้ ซึ่งเท่ากับเป็นการสารภาพรักแล้ว

ณิชาเอาจดหมายแต่ละฉบับใส่ลงในกล่อง จากนั้นก็เตรียมคำพูดปฏิเสธกลับอย่างอ้อมค้อมที่ดูเป็นทางการเอาไว้ เพื่อไม่ทำให้สาวน้อยทั้งหลายเสียหน้า และก็ไม่ให้สาวน้อยเข้าใจผิดอีก จากนั้นยังส่งคุกกี้โฮมเมดที่ทำเองกับมือหรือพวกขนมต่างๆ กลับไปด้วย

เวลากลางคืน ตอนที่ณิชากำลังจัดการอุปกรณ์การเรียนให้กับลูกชาย ก็ได้รับสายจากคนที่รับผิดชอบการแข่งขันองเอสพี จิวเวลรี่

น่าจะเป็นการรายงานผลการแข่งขันในรอบแรกแหละ…

ณิชารับโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกใจตุ้มๆ ต่อมๆ “สวัสดีค่ะ ณิชาค่ะ”

“สวัสดีค่ะคุณณิชา” อีกฝั่งเป็นผู้หญิงวัยกลางคน น้ำเสียงปกติไม่แสดงความรู้สึกแต่อย่างใด และพูดจาอย่างเป็นทางการทั้งหมด “ผลคะแนนเป็นการภายในของการแข่งขันเอสพี จิวเวลรี่ในรอบแรกออกมาแล้วค่ะ งานของคุณยอดเยี่ยมมาก จนสรุปผลคะแนนทั้งหมดอยู่ในอันดับหนึ่งค่ะ…”

ณิชาดีใจมาก แต่กลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนยังพูดออกมาไม่จบ

“ขอบคุณค่ะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ แต่ก็น่าเสียดายมากเลยค่ะ ที่สิทธิ์การเข้าแข่งขันของคุณถูกยกเลิกค่ะ”

คุณสมบัติถูกยกเลิกเหรอ?”

ณิชาตะลึงทันที ซึ่งในน้ำเสียงแสดงอาการไม่อยากจะเชื่ออย่างหนักหน่วง

“ฉันอยู่ในอันดับที่หนึ่ง แล้วทำไมต้องยกเลิกคุณสมบัติในการแข่งขันฉันด้วยล่ะคะ?”

“ผลงานของคุณถูกยืนยันเป็นที่เรียบร้อยว่าเป็นการลอกเลียนแบบมา ซึ่งบริษัทเอสพี จิวเวลรี่จะตัดขาดกับการลอกเลียนแบบทุกอย่างค่ะ ถือว่าคุณทำผิดครั้งแรก ฉะนั้นถือว่านี่เป็นคำตักเตือน และหวังว่าภายภาคหน้าคุณต้องทำงานอย่างสุจริตนะคะ”

คล้ายว่ามีการจุดพลุจนมันระเบิดดังลั่นอยู่ข้างหู ณิชากำโทรศัพท์ไว้แน่น พร้อมทั้งซักถามทันที “เป็นไปไม่ได้! แบบร่างออกแบบฉบับนั้นฉันเป็นคนออกแบบด้วยตนเองคนเดียวทั้งหมด ไม่ได้มีการลอกเลียนแบบสักนิด เกิดความเข้าใจผิดกันเองในระบบภายในหรือเปล่าคะ?”

“แบบร่างออกแบบอีกฉบับมาส่งก่อนคุณตั้งหลายวัน คุณอย่าแก้ตัวอีกเลยค่ะ”

“บอกฉันได้มั้ยคะว่าคนที่เป็นต้นฉบับการออกแบบนั้นเป็นใคร...”

ตู๊ด ตู๊ด

โดยที่ไม่รอให้ณิชาได้พูดจบประโยค อีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊