กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 127

“คุณเวธัส…” ณิชาชี้ไปที่ปัณณ์ ด้วยปลายนิ้วสั่นๆ ทำตาโตด้วยความตกใจ “คุณ…เมื่อกี๊คุณเรียกเขาว่าอะไรนะ?”

เวธัสมองณิชาที่กำลังทำหน้าอึ้งอยู่ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

“นี่คืออรัล เคยเจอกันแล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไม แค่ถอดแมสก็จำไม่ได้แล้วหรอ?”

อะ…อรัล?

เขาคืออรัล?!

ณิชาต้องเผชิญกับความตกใจครั้งแล้วครั้งเล่า

“ถ้าเขาคืออรัล แล้วปัณณ์ของฉันล่ะ?”

เวธัสมองหน้าเธออย่างแปลกใจ แต่ก็คิดว่าที่เธอมีท่าทีแบบนี้ ก็อาจเป็นเพราะเป็นห่วงน้องปัณณ์ เวธัสจึงพูดปลอบใจว่า “วางใจเถอะ ผมเคยบอกว่าจะไปช่วยหาลูกชายคุณ ผมไม่ผิดคำพูดหรอกน่า แต่ขอพาอรัลไปส่งให้ลุงชัยดูแลก่อน เพราะช่วงนี้ซนมาก คุณอยู่รอตรงนี้ก่อนอย่าเพิ่งไปไหนนะ”

นี่มันอะไรกันเนี่ย?

ลูกชายของฉันก็ที่คุณอุ้มอยู่นั่นไง!

“คุณ…” ณิชาอยากพูดแต่พูดไม่ออก

เธอจำลูกปัณณ์ของตัวเองได้ เหมือนกับที่เวธัสก็จำอรัลได้เหมือนกันนั่นแหละ

ฉะนั้น ปัณณ์กับอรัล…

มีหน้าตาเหมือนกันเลย??

เวธัสได้กลิ่นอ่อนๆ ของน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นครั้งคราว

เขาจับคอเสื้อของอรัลไว้ และมองด้วยสายตาคาดคั้น “เมื่อกี๊ไปวิ่งเล่นที่ไหนมา ทำไมไม่กลับมาตามเวลาที่ตกลงกันไว้?”

“ผม…ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ เดินเล่นอยู่แถวนี้เอง เดินเพลินไปหน่อยจึงเลยเวลา”

“แล้วกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อนี้มาจากไหน?”

ปัณณ์ยกมือน้อยๆของเขาขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามของถนน “นั่น ตรงนั้นมีคนกำลังพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ผมเดินผ่านมาจากตรงนั้น โอ๊ย ปีศาจกษัตริย์ เรารีบกลับบ้านกันเถอะ ผมหิวจะแย่…”

ที่ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นร้านอาหารร้านหนึ่งที่กำลังซ่อมแซมตกแต่งอยู่ ในห้องครัวมีอุปกรณ์และน้ำยาฆ่าเชื้อวางเรียงรายเต็มไปหมด

คำอธิบายของปัณณ์จึงไร้ข้อสงสัยโดยปริยาย

เวธัสหรี่ตาเบาๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อปัณณ์เลย แต่ก็ยื่นมือไปคว้าเด็กน้อยขึ้นมาอุ้มด้วยมือข้างเดียวได้อย่างสบายๆ ก่อนเดินก้าวเท้ายาวๆ ไปยังที่จอดรถ เปิดประตูหลังรถแล้วยัดเจ้าตัวเล็กเข้าไปนั่ง

ปัง!

ประตูรถถูกปิดลง ตัวรถก็สั่นเล็กน้อยจากแรงในการปิดประตูรถครั้งนี้

ณิชามองดูทุกการกระทำของเวธัสที่ทำอย่างเคยชิน แต่ในหัวของเธอก็ยังคงสงสัยอยู่

แต่สัญชาตญาณของเธอบอกว่าจะปล่อยเขาไปเฉยๆ แบบนี้ไม่ได้แน่…

“เดี๋ยวก่อน” ณิชารีบวิ่งพุ่งเข้าไป ก่อนไปขวางไม่ให้เวธัสขึ้นรถแล้วพูดว่า “ฉัน…ฉันมีเรื่องจะถามคุณหน่อย”

ณิชาพูดกับเวธัส แต่สายตาก็จ้องไปที่ปัณณ์อย่างเดียว

เธอไม่ยอมละสายตาจากปัณณ์เลย…

เก้าอี้เบาะหลังสีดำที่ทำจากหนังแท้ ปัณณ์นั่งอยู่บนนั้นอย่างเชื่อฟัง

ก่อนสัมผัสได้ถึงสายตาที่ณิชากำลังมองมา เด็กน้อยก็เริ่มเอานิ้วมาถูกันด้วยความรู้สึกผิด

บ้าจริง ทำไมปีศาจยังไม่ขับรถออกไปอีก ถ้าหม่ามี๊รู้เข้าล่ะก็…

“ลูกชายคุณ…เกิดปีอะไร?”

เวธัสสีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ ก่อนพูดออกมานิ่งๆ ว่า “หยุดคิดได้แล้ว อายุของคุณตอนนี้ จะให้มาเป็นแม่เลี้ยงของเขาก็ยังได้เลย เขาเลือกมากกว่าผมเยอะ โตมาก็ไม่แต่งกับคุณหรอก”

ณิชา “…”

ถ้านั่นคือปัณณ์จริงๆ ก็ไม่น่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักหม่ามี๊นี่นา

หรือเขาจะเป็นอรัลจริงๆ ?

เวธัสงอศอกเข้ามาข้างนึง แล้วพิงอยู่กับหน้าต่างรถยนต์ ส่วนมืออีกข้างก็เท้าไว้ที่คาง เอนตัวเข้าหาเธอเล็กน้อย บวกกับกลิ่นอายของผู้ชายจากตัวของเขาที่โอบตัวเธอไว้

“จะว่าไปแล้ว ผมก็มีเรื่องจะถามคุณเหมือนกัน”

การเอนตัวเข้ามาของเขาอย่างกะทันหันแบบนี้ ทำให้ณิชาต้องถอยหลังไปก้าวนึง…

ณิชาเอามือดันตัวเวธัสไว้ แต่ร่างเล็กก็ต้านไม่อยู่ “คุยกันดีๆ ก็ได้ จะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ทำไม?”

“ผมกลัวคุณได้ยินไม่ชัด”

“คุณ…คุณอยากถามอะไรกันแน่?”

เวธัสก็ไม่ได้แกล้งเธอต่อ ถามออกมาตรงๆ เลยว่า “สี่ปีก่อน คืนของวันที่พ่อคุณถูกตัดสินว่ามีความผิด คุณได้ไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นหรือเปล่า?” แสงวิบวับสะท้อนจากกางเกงชุดสูทสีดำและรองเท้าหนังสีดำเงาวับคู่นั้นของเขา ทำให้ณิชาที่ได้ยินคำว่า “โรงแรมโฟว์ซีซั่น” เหมือนได้ย้อนกลับไปยังเมื่อสี่ปีก่อนอีกครั้ง

นั่นคือฝันร้ายที่เธอไม่อยากนึกถึงอีกเลย ปลายนิ้วของเธอเริ่มสั่นเบาๆ

พอเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมดำคูนั้นก็สะท้อนเงาของเวธัสอยู่

ณิชายิ้มเยาะตัวเองแล้วพูดว่า “ฉันก็หวังว่าวันนั้นฉันไม่ได้ไปที่นั่น”

เธอไปที่โรงแรมโฟว์ซีซั่นจริงๆ!

ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด ไม่ใช่ภาพตัดต่อ

เวธัสมองสบตาของเธอ เหมือนกับว่าเขามีความรู้สึกบางอย่างที่กำลังจะล้นออกมา จนเก็บเอาไว้ไม่อยู่

แต่พอผ่านไปครู่นึง ความรู้สึกนั้นก็ถูกกดเอาไว้อีกครั้ง

เขาลูบผมดำของเธอเบาๆ ก่อนเอ่ยถามเธอว่า “คืนนั้นมีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นไหม?”

เขาถามเรื่องนี้ทำไม กำลังจะมาสืบเรื่องระหว่างเธอกับฐานภพงั้นสิ?

ณิชาโมโหและหัวเสียจึงรีบพลักเขาออก

“ฉันจะไปหาลูกฉันต่อแล้ว!”

พูดจบ ณิชาก็รีบวิ่งออกไป เหลือไว้เพียงหลังอันงดงามให้สองพ่อลูกได้เชยชม

ที่หลังกระจกรถ มือเล็กของปัณณ์แนบอยู่บนกระจกโปร่งแสง

เขามองณิชาที่กำลังเดินจากไป เด็กน้อยเริ่มตาแดงเหมือนกำลังโกรธจนจะเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วจ้องเวธัสตาเขม็ง ปากเล็กๆ ของเขาก็พูดบ่นไม่หยุด “นี่…พ่อล่วงเกินคุณน้าณิชาของผม”

เวธัสหรี่ตามองเฉียงไปทางไอ้เจ้าตัวเล็ก

ก่อนก้มตัวนั่งลงบนรถ เขาโทรหาลุงชัยก่อน แล้วค่อยมองไปยังปัณณ์ที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง

เขารู้สึกว่าวันนี้ไอ้เจ้าเด็กคนนี้มันดูไม่ขัดหูขัดตาเลยแหะ?

“ชอบเธอมากไม่ใช่หรอ เดี๋ยวจะให้มาเป็นแม่เลี้ยง ต่อไปจะได้มาอยู่ด้วยตลอด ไม่ชอบหรือไง?”

ปากน้อยๆ อันน่ารักของปัณณ์เปลี่ยนเป็นตัวโอทันที

เขาฟังผิดไปหรือเปล่านะ

แม่เลี้ยง?

……

เมื่อกี๊อรัลได้ยินเสียงของเวธัส ก็กลัวว่าจะเสียแผน จึงแอบหนีไปทางซอยเล็กๆ อีกฝั่ง

ตอนนี้ยังตกใจไม่หาย แต่ก็แอบดีใจอยู่ด้วย

เพราะพ่อคิดว่าปัณณ์เป็นตัวเอง แล้วพากลับไปที่คฤหาสน์สนธิไชย

จากที่ได้อยู่ด้วยกันเพียงเวลาไม่นาน ตอนนี้เขาจะได้อยู่กับคุณน้าณิชาต่ออีกหน่อย

อรัลติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย สองมือของเขาก็สอดเข้าไปในกระเป๋าเป้ เขาตั้งใจรอเวลาสักครู่ ก่อนเดินออกจากในซอยมาสู่สถานที่ชุกชุม ใบหน้าที่เปี่ยมสุขของเขายังไม่ทันหายไป ก็ได้เจอกับณิชาที่ทำหน้าแตกตื่นเข้า!

ณิชาที่กำลังตามหาปัณณ์อยู่

เขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ที่ปากตลาดมีคนเดินไปเดินมาไม่ขาดสาย

ทันใดนั้นเอง เหมือนกับว่าจะสัมผัสถึงกันได้ ณิชาหยุดเดินและหันกลับไปมองด้านหลัง ก็เห็นอรัลยืนอยู่ตรงหน้า

วินาทีนั้น ณิชาเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปเลยทันที

“หม่ามี๊…” อรัลเม้มปากน้อยๆ ของเขา แล้วตะโกนออกมาดังๆ

ณิชาวิ่งฝ่ารถรามากมาย วิ่งมาถึงหน้าปากซอยอย่างรวดเร็ว และกอดอรัลไว้แน่น

ผ่านไปประมาณสามวินาทีได้ เธอจึงค่อยๆ คลายมือออก

และมองเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นพักๆ …

กระเป๋าเป็ดน้อยสีเหลือง รองเท้าหนังสีดำ กางเกงยีนสีน้ำเงิน เสื้อกันหนาวสีน้ำตาล บวกกับแก้มเต่งๆ ของเขาแล้ว ที่ทั้งหล่อและน่ารัก

เด็กคนนี้กับ “อรัล” ที่นั่งอยู่บนรถของเวธัสหน้าตาเหมือนกันมากเลย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊