กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 142

เป็นครั้งแรกที่ณิชาได้เข้ามาในคฤหาสน์สนธิไชย

ครั้งก่อนตอนหาข้ออ้างมาหาน้องอรัล ก็ได้นั่งอยู่แค่แป๊บเดียวแล้วก็กลับ ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะอยู่ที่นี่นาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่สนใจเลย

บริเวณคฤหาสน์ตกแต่งหรูหราสไตล์ยุโรปกำแพงอิฐสีแดง ค่อนข้างมีรสนิยม

พื้นที่สีเขียวนั้นครอบคลุมค่อนข้างกว้าง……

ภายในสวนเต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด ภายใต้แสงแดดที่สาดส่องก็เผยให้เห็นความเขียวชะอุ่ม

“คุณน้าณิชา!”ลุงชัยยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ทันใดนั้นเจ้าก้อนเล็กๆก็ปรากฏขึ้นภายในสายตา

ขาสั้นๆของปัณณ์นั้นวิ่งสับมาเร็วมาก แค่แป๊บเดียว ก็อ้าแขนกอดขาของณิชาเอาไว้ เหมือนกับกลัวว่าเธอจะหนีไปมือทั้งสองข้างของเขาดึงขากางเกงเธอไว้แน่น

พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา และอยากกระโดดขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ

“เย่ๆๆ น้าณิชา ในที่สุดคุณก็มาแล้ว ผมคิดถึงคุณมากเลย คุณคิดถึงผมไหมครับ?”

พอเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขาณิชาก็ตื่นเต้นบางไปหน่อยเลย

ก็เลยอุ้มเขาขึ้นมา แล้วก็จุ๊บลงไปบนแก้มของเขา

“แม่มาพาผมกลับบ้านหรือเปล่าครับ?”ปัณณ์กะพริบตาโตๆของเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง

ณิชารีบทำท่าทางบอกให้ปัณณ์เงียบเอาไว้ ลดเสียงลง มองไปรอบๆทั้ง 4 ด้าน โชคดีที่ลุงชัยไม่ได้อยู่ใกล้ทั้งสองคนเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้ยินว่าเมื่อกี้เด็กคนนี้พูดอะไร

เธอกระซิบเตือนว่า “อย่าลืมสิ่งที่แม่บอกรูปในโทรศัพท์สิ ลูกต้องเห็นแม่เป็นพนักงานของลูกคนหนึ่ง แล้วก็อย่าพูดเดือนที่น่าจะพาลูกไป เข้าใจไหม ?”

ความหวังในสายตาของปัณณ์ค่อยๆสลายหายไป แล้วก็เม้มปากเล็กๆอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม

“แล้วปัณณ์ต้องแสดงเป็นเหมือนเมื่อไหร่กัน?”

“ชู่ !”ลุงชัยยืนอยู่ใกล้ๆ ณิชาเอานิ้วชี้ปิดปากเล็กๆของเขา “แม่รับประกันว่าจะพาลูกไปให้เร็วที่สุด ลูกต้องอยู่อย่าเชื่อฟังเข้าใจไหม?”

ละอองน้ำปรากฏขึ้นบนดวงตาของปัณณ์ แล้วเอามือเขี่ยณิชาพร้อมกับพูดว่า “ปัณณ์เป็นเด็กดีตลอดเลย”

ดวงตาของณิชาดูอบอุ่น “แม่เอาคุกกี้กับพรอฟีทรอลมาให้ด้วย กินไหม ?”

“……อื้อ”

น้ำเสียงดูหมดเรี่ยวแรง

……

หลังจากที่เวธัสจัดการธุระเร่งด่วนเสร็จ ตอนนี้กลับมาที่คฤหาสน์สนธิไชยนั้น ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วมาแต่ไกล

ในห้องรับแขกนั้นปัณณ์ถอดรองเท้าเล็กๆของเขาและนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา

บนตักของเขามีหนังสือนิทานเล่มหนึ่ง

ณิชาก็นั่งอยู่ข้างๆเขา บิดคุกกี้ที่เพิ่งอบใหม่สดๆในมือของเธอ แล้วก็คอยป้อนให้เขากิน พร้อมกับนั่งเล่านิทานให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“……นิทานเรื่องนี้สอนให้พวกเรารู้ว่าเด็กน้อยจะพูดโกหกไม่ได้ ต้องซื่อสัตย์”

ปัณณ์เขียวคุกกี้ในปาก แล้วก็หนุ่มนามว่า “ดังนั้นการโกหกเป็นเรื่องที่ผิด”

“เอ่อ ……”ณิชาอึ้งไปเลย

สถานการณ์ปัจจุบันก็คือ เธอกำลังสอนให้เด็กน้อยคนนี้โกหกเวธัสอยู่ไม่ใช่หรอ?

ณิชาถูกมองจนรู้สึกอึดอัด ก็เลยเอาผมทัดหู แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าเดิม “แต่ว่าภายใต้สถานการณ์ที่พิเศษบางอย่าง เพื่อที่จะป้องกันตัว บางครั้งการพูดโกหกด้วยเจตนาที่ดีก็ถือว่าไม่เป็นไร”

ปัณณ์ลิงบนโซฟา “ก็เหมือนกับพวกเราตอนนี้ใช่ไหมครับ?”

ณิชากระแอมออกมา และชมว่า “ฉลาดมาก”

เสียงผู้หญิงที่อบอุ่นและนุ่มนวล เหมือนกับขนนกเล็กๆที่เขี่ยบนหัวใจของเขา

เวธัสแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

พอเห็นเงาดำสาดเข้ามาแม่ลูกทั้ง 2 คนก็หันไปมอง ก็เห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือเวธัส

ปัณณ์รีบลุกขึ้นมาอย่างปกป้อง แขนทั้งสองข้างออกจากกัน แล้วก็ขวางอยู่ตรงหน้าณิชา ปิดกั้นสายตาที่รุกรานจากใครบางคน

ณิชาพูดไม่ออก “……หนูทำอะไรน่ะ ?”

“ ปีศาจกษัตริย์บอกว่าจะให้คุณน้ามาเป็นแม่เลี้ยงของผม ผมไม่เอาหรอกนะ!ไม่อนุญาตให้เขาเอาเปรียบคุณน้าหรอก!”

ทันใดนั้นหัวใจของณิชาก็รู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างที่มันแทง

แล้วเธอก็หันไปมองเวธัสทันที

เขาเคยบอกกับลูกชาย……ว่าจะให้เธอมาเป็นแม่เลี้ยงนั้นหรอ?

คิ้วของเวธัสเลิกขึ้นในทันที เห็นสีหน้าที่ซับซ้อนของณิชา แต่ก็ไม่ได้ไปอธิบายอะไร แล้วก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นต่อไป

โซฟาในห้องนั่งเล่นเป็นโซฟาหนังสไตล์ยุโรปที่วางตัวเป็นรูปตัวL

ณิชากับปัณณ์นั่งอยู่ข้างกันเวธัสก็นั่งอยู่บนแถวที่เป็นแนวตั้ง

เมื่อนั่งลงอย่างสง่างาม ขาก็ไขว้เข้าหากันอย่างเป็นธรรมชาติ ท่าทางดูมีเกียรติและเย็นชา เขาถามเด็กน้อยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ย่าคิดถึงลูกแล้ว ให้คนมาถามตั้งหลายรอบ ลูกไปเก็บข้าวของเร็ว เดี๋ยวพ่อจะให้คนไปส่ง”

คนที่ชื่อจงกลน่าจะเป็นพี่สาวหรือน้องสาวของย่าของอรัล แต่ว่าจงกลไม่ได้มีทายาท

อรัลก็มักจะเรียกจงกลว่าคุณย่า

แต่ว่าปัณณ์ในตอนนั้นไม่ได้รู้จักจงกล แล้วก็ยิ่งไม่รู้ว่าคุณย่าคือใคร

เขาไม่เคยเจอจงกลมาก่อนเลย

“รอให้คุณน้าณิชาไปก่อนแล้วผมค่อยไป” ปัณณ์จ้องไปที่เวธัสยังไม่ค่อยพอใจ แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตัว

นั่นคือการปกป้องตามธรรมชาติของสัตว์น้อยที่พยายามปกป้องแม่ของมัน

เขาไม่ชอบให้ปีศาจกษัตริย์มองหม่ามี๊ของเขาด้วยสายตาที่รุกราน

“นี่คือการแจ้ง ไม่ใช่การเจรจา”

เวธัสอย่างของพูดอย่างเฉยเมย น้ำเสียงที่สงบเผยให้เห็นความไม่มีเหตุผล

ไม่ได้เลยกว่าณิชาจะหาโอกาสมาหาปัณณ์ได้ แล้วจะทนได้ยังไงที่เพิ่งได้เจอกันแป๊บเดียวก็ต้องปล่อยเขาไปแล้ว?

เธอดึงปัณณ์มากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วก็มองไปที่เวธัสด้วยสายตาวิงวอน

“รออีกหน่อยไม่ได้หรอคะ?”

เวธัสได้ยินแม่ลูกสามัคคีกันอย่างนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ

ไม่ใช่ความรำคาญ แล้วก็ไม่ได้โกรธ

แต่มันคือ……

ความอึดอัดใจที่อธิบายยาก

เขายืนตัวโตอยู่ตรงนี้ แล้วเธอคือแฟนของเขา เธอเองเป็นคนที่บอกให้เขาพาเธอไปเยี่ยมชมบ้าน แต่พอเธอมาคฤหาสน์สนธิไชย ก็ไม่ได้แม้แต่จะมองมาที่เขาเลยด้วยซ้ำ

แม้แต่เด็กคนนี้ก็เหมือนกัน เหมือนกับว่าโลกของพวกเขามีเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น……

ส่วนเขาเป็นคนนอก

แม่งเอ้ย ทำไมเขาถึงได้มีความคิดเด็กๆแบบนี้ !!

ณิชาเห็นว่าเวธัสไม่ตอบอะไรใบหน้าที่หล่อเหลาดูเย็นชา ก็หมายความว่าเขาไม่ได้ฟังในสิ่งที่เธอพูด

เธอก้มหน้าแบบพูดกับปัณณ์ที่อยู่ในอ้อมแขกของเธอว่า “น้าเริ่มหิวน้ำแล้ว น้ำในแก้วก็หมดแล้ว ช่วยเข้าครัวไปเติมน้ำให้น้าหน่อยได้ไหม?”

ปัณณ์รู้ว่าณิชาอยากการเข้าออกไป

เขาไม่อยากให้ณิชาอยู่ที่นี่คนเดียวเลย แต่เขาก็รู้ว่า ในทุกเดือนณิชาจะมีบางวันที่ค่อนข้างลำบากเป็นพิเศษ ใบหน้าก็ค่อนข้างซีด ถ้านับเวลาดูแล้ว น่าจะเป็นช่วงวันนี้แหละ

เขาลากเสียง แล้วก็เหลือบมองเวธัสอย่างระมัดระวังอีกครั้งหลังจากนั้นก็วิ่งเข้าไปในครัว

ปัณณ์ที่น่ารักขนาดนี้ เธออยากจะคว้าเวลาทุกนาทีและวินาทีที่ได้อยู่กับเขา

ณิชาหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ขยับไปตรงที่เวธัสนั่งอยู่ห่างจากเขาแค่ครึ่งเมตรเท่านั้น เธอเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของเค้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน

“ฉันชอบน้องอรัลมากเลย คุณให้เวลาฉันอีกหน่อยได้ไหม?”ตอนนี้เธอก็ไม่กล้าทำให้เขาโกรธ เพราะถึงยังไงถ้าเกิดเธออยากจะเจอลูก ก็ต้องให้เขาอนุมัติก่อน ไม่อย่างนั้นแม้แต่ประตูของคฤหาสน์สนธิไชยเธอก็เข้ามาไม่ได้หรอก

ต้องเอาใจ ต้องเอาอกเอาใจเย็นๆ

เวธัสได้ยินดังนั้นก็หันไปมองเธอ แล้วก็ได้เห็นกับดวงตาที่เปียกของเธอ เหมือนกับมีผ้าคลุมหน้า และคนไปด้วยสายตาที่วิงวอน

ทุกเสียงของเธอหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจของเขา

หัวใจรู้สึกจั๊กจี้ เหมือนมีเล็บอะไรมาควร

“ถ้าเกิดว่าผมมอบเวลาเขาให้คุณ แล้วผมจะได้อะไรบ้าง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊