“หม่ามี๊ซื้อบัตรประจำตัวประชาชนใหม่มาจากตลาดมืด รอเอกสารทำเสร็จเรียบร้อยจะเดินทางออกจากที่นี่ไปพร้อมกับปัณณ์ โดยจะไปยุโรปก่อน จากนั้นค่อยขยับขยายไปประเทศอื่นๆ จนสามารถลงหลักปักฐานได้อย่างมั่นคง” ณิชาจิตวิตกอยู่เล็กน้อย พลันใช้ดวงตาดำขลับจดจ้องเขา “ลูกมีสิทธิ์ในการเลือก หม่ามี๊จะไม่บีบบังคับให้ลูกตัดสินใจในแบบใดทั้งสิ้น”
หัวคิ้วเล็กๆ ของเจ้าเด็กน้อยย่นเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้ารูปไข่อันขาวเกลี้ยงเกลา พลันค่อยๆ มีหม่นหมองปกคลุมอีกชั้น “ทำไมต้องไปจากเมืองพรด้วยล่ะครับ? คุณพ่อกับคุณย่าพวกเขาก็อยู่ที่นี่ หม่ามี๊ เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมกับปัณณ์ต้องเปลี่ยนตัวกันทุกเดือนนะครับ...”
ณิชาไม่ได้พูดถึงเรื่องคนลึกลับ แต่ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าวแทน “เพราะว่าหม่ามี๊มีลางสังหรณ์ ว่าใกล้จะปิดความลับไม่อยู่แล้วนะสิ”
ถึงเวลานั้นเวธัสจะรู้ความจริง สู้พาลูกหนีออกไปก่อนล่วงหน้าดีกว่า
อย่างน้อยการทำเช่นนี้ก็สามารถรักษาไว้ได้หนึ่งคน...
“ต้องเลือกใช้มั้ยครับ?” ใบหน้าของเจ้าเด็กน้อยเผยความรู้สึกลำบากใจกันยุ่งเหยิง
แม้ว่าณิชาจะอดใจไม่อยู่ แต่ยังพยักหน้าให้เล็กน้อย “พ่อกับแม่ ลูกเลือกได้แค่หนึ่งอย่าง แต่หม่ามี๊เชื่อว่าลูกอยู่ที่เมืองพร เวธัสเขาจะดูแลลูกได้เป็นอย่างดีมาก
เจ้าเด็กน้อยเม้มริมฝีปากสีชมพูไว้แน่น และพูดเสียงทุ้มๆ อยู่ในใจ : แต่เขาอยากจะอยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยกันนะสิ
แพขนตาด้วยความรู้สึกผิดหวังหลุบต่ำลง แววตาไม่สดใสดังก่อน
……
ถัดจากนั้น ณิชาได้แต่รอข่าวคราวของเจนนี่อย่างเดียว
แค่ให้ได้รับบัตรประชาชนใหม่มา ก็สามารถพาปัณณ์หนีออกไปได้ทันที
เดิมณิชาอยากจะพาสิดาไปด้วยกัน แต่พอถึงต่างประเทศแล้ว สิดาไม่สามารถใช้ภาษาในการสื่อสารได้ อีกทั้งบางสถานที่ก็มีการดูแคลน สู้รอให้ตั้งหลักปักฐานลงก่อน แล้วค่อยหาวิธีพาเธอออกไป
ดังนั้น ณิชาจึงไม่ได้บอกสิดา ทำได้แค่ค่อยๆ เก็บของกับปัณณ์อยู่เงียบๆ เพื่อเตรียมเรื่องที่เกิดขึ้นในลำดับต่อไป...
เรื่องการทำงานในสนธิไชยกรุ๊ป แม้ว่าณิชาจะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ไม่คิดเสียใจภายหลัง แต่เธอคาดไม่ถึงเลยว่า หลังจากเกิดเรื่องที่เธอทำจี้หยกของเวธัสหายไปในโรงงิ้วทับทิมแล้ว เวธัสกลับตั้งใจลงคำสั่งโดยตรงให้เธอกับนิต้ารับผิดชอบโครงการเมืองในเมืองโดยตรง!
กลัวอะไรก็มักจะได้แบบนั้น เธอคอยบิดเบือนจนหาข้ออ้างให้กับคนลึกลับอยู่ในเวลานี้ ก็คือคอยพร่ำบอกว่าเธอไม่มีโอกาสแตะต้องโครงการเมืองในเมือง ถ้าเธอโดนย้ายตำแหน่ง คนลึกลับก็จะเริ่มบีบบังคับอย่างก้าวร้าวแน่ๆ
ตอนนี้เธอหวังแต่ว่าให้คนลึกลับได้รับข่าวคราวช้าสักหน่อย เพื่อให้เธอจัดการเรื่องการหลบหนีทั้งหมดให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม บางครั้ง เธอก็ปากพล่อยจริงๆ ...
วันนี้ ณิชาเพิ่งเดินออกจากบริษัท และเตรียมจะไปซื้ออาหารเที่ยงยังบริเวณตรงข้าม ทันใดนั้นก็เห็นรถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่าง มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งใส่ชุดสีดำยืนอยู่ข้างตัวรถยนต์
“คุณณิชาครับ” บอดี้การ์ดเดินมาดักหน้า พร้อมทั้งขวางเธอเอาไว้ “คุณเก้าเชิญคุณไปคุยบนรถหน่อยครับ”
ณิชาฉุกคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวธัสกับเก้าทันที จนเกิดความหวาดระแวงอยู่ในใจ จึงไม่ยอมขึ้นรถ แต่กลับพูดออกมา “ตอนนี้ฉันยุ่งมากเลยค่ะ คงไม่น่าจะมีเวลาพบหน้าคุณเก้าได้ เอางี้ไหมคะรอให้ฉันมีเวลาค่อย...”
บอดี้การ์ดไม่ยอมอ่อนข้อ พลันพูดตัดบทคำบ่ายเบี่ยงของณิชาทันที “คุณณิชาครับ คุณเก้าแจ้งว่า ขอเรียนเชิญคุณขึ้นรถคุยกันหน่อยครับ”
ยังคงพูดซ้ำอีกครั้ง ซึ่งแสดงความหยิ่งทะนงตนไม่ยอมให้ปฏิเสธได้ง่ายดาย
“ไม้…” เวลานี้ กระจกรถเก๋งลดระดับลง พลันปรากฏใบหน้าที่ดูอ่อนโยนของเก้า “คุณณิชาเป็นแขกของผมนะ ให้เกียรติเธอหน่อยสิครับ”
“ครับ”
ไม้เพิ่งพูดจบ เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งเปิดประตูรถยนต์ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ดึงณิชา และผลักเธอขึ้นรถทันที
เรี่ยวแรงมหาศาล จนทำให้ตัวณิชากระเด็นไปอยู่บนโซฟา ด้วยสาเหตุการยืดหยุ่นและเด้งกลับมา บริเวณด้านหน้ากลับปรากฏดาวระยิบระยับอยู่สักพัก รอจนเวลาที่เธอลุกพรวดขึ้นมา กลับพบว่าประตูรถยนต์ถูกปิดล็อกเรียบร้อยแล้ว
เธอหดตัวลงกรูถอยหลังอย่างตื่นตกใจ พลันถลึงตาใส่เก้า พร้อมแสดงสีหน้าตั้งท่ารับ “ดนัย นายต้องการอะไร?”
ดนัยเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...