กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 261

“คุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ”

“ลูกเป็นของฉัน!” ณิชาย้ำเสียงแข็ง เสียงสูงขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติเพราะความกลัวใจ

เวธัสชอบใจที่เห็นเธอคับแค้นใจแบบนี้

ยิ่งเธอกระวนกระวายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งบอกได้ว่าเขาได้เปรียบมากเท่านั้น

“ถ้าไม่มีผม คุณสามารถมีเขาได้คนเดียวเหรอ ณิชา ผมไม่ยักรู้แฮะว่าคุณเป็นสัตว์เซลล์เดียวไปตั้งแต่เมื่อไหร่”

เวธัสค่อยๆ รินน้ำชาให้ตัวเอง จิบเบาๆ ไปหนึ่งคำ มันเป็นชาถูกๆ จากร้านข้างทาง หยาบกร้าน แถมยังมีกลิ่นและรสแปลกๆ ที่ยากจะอธิบาย

แต่เขาอารมณ์ดี เลยคิดว่าพอรับได้ แถมยังจิบไปอีกหลายอึก

จิตใจของณิชาสับสนปนเปแต่ก็แน่วแน่อย่างน่าประหลาดใจ “ที่นี่คือฝรั่งเศส ไม่ใช่เมืองพร ถ้าคุณจะแย่งลูกไป ฉันแจ้งตำรวจแน่ เวธัส อย่าบีบให้ฉันหมดความอดทน ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว พวกเขาคือฟางเส้นสุดท้ายของฉัน...”

“คุณกลัวเหรอ”

เวธัสยักคิ้วขึ้น สบตาเธอไว้มั่น

ณิชาเหยียดหลังตรง ค่อยๆ กำหมัด

แม้ว่าเธอจะไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้

ภายใต้แรงกดดันของเขา เธอแพ้จริงๆ

“ใช่ ฉันกลัว ฉันกลัวว่าคุณจะพรากลูกของฉันไป ฉันกลัวว่าจะทำผิดซ้ำเหมือนสี่ปีที่แล้ว เพราะงั้น เวธัส คุณพูดมาให้ชัดเจนเลยเถอะ คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่”

“...”

ความเงียบแผ่ขยายออกไป เขาไม่ได้พูดอะไร

ขณะที่ณิชารออย่างประหม่า เวธัสยังคงดื่มชาอย่างช้าๆ

ณิชารอคำตอบของเขาแต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆ ในตอนที่กำลังจะหมดความอดทน ก็เห็นเขาวางถ้วยน้ำชาลง สายตาที่เหมือนเหยี่ยวก็สบตากับเธอ

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเสือชีตาห์ที่จะจับเหยื่อ

“คุณห้ามแต่งงานกับธนา”

“อะ...อะไรนะ” ณิชาสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดไป

เวธัสยืนขึ้น เดินเข้ามาใกล้ณิชาทีละก้าว ริมฝีปากบางของเขาเผยอ

“ผมบอกว่า คุณห้ามแต่งงานกับธนา คุณต้องตัดความสัมพันธ์กับเขาอย่างจริงจัง ไม่งั้นผมจะฟ้องคุณ เอาสิทธิ์เลี้ยงดูลูกทั้งสองคนมา คุณก็ควรจะรู้นะ ถ้าจะสู้กับผม คุณไม่มีวันชนะความได้หรอก!”

ความมั่นใจในชัยชนะค่อยๆ หายไป แววตาของเวธัสไม่มีรอยยิ้ม ทั้งแววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

ภาพของณิชาคบกับธนาลอยเข้ามาในหัวของเขาไม่รู้จบ

ลูกทั้งสองเรียกลุงธนาอย่างเชื่อฟัง

ธนามีรองเท้าแตะของตัวเองในบ้านเธอ...

เวธัสไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งเขาจะหึงหวงผู้หญิงคนหนึ่งจนควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ แต่เมื่อกี้นี้ ใจของเขาบอกเขาว่า เขาหึงเธอแล้วจริงๆ เขาอิจฉาริษยาจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว!

“ไม่ว่าทางกายหรือทางใจ ลูกมีผมเป็นพ่อได้คนเดียวเท่านั้น! ผมจะไม่ให้คุณหาพ่อเลี้ยงให้พวกเขาเด็ดขาด เพราะงั้นคุณต้องเลิกกับธนา!”

ณิชาคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

ที่แท้ก็เพราะคำพูดของธนาที่ว่าพวกเขาหมั้นกันแล้วนี่เอง...

เขาเก่งกับการใช้สิ่งที่เธอแคร์มาข่มขู่เธอจริงๆ โคตรจะเวธัส

เธอจงใจลูบท้องน้อยถามกลับด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วลูกในท้องของฉันล่ะ เขาจะไม่มีพ่อไม่ได้นะ”

“ผม...ยอมรับเขาได้” เวธัสกัดปากแน่น จนซีดหน่อยๆ “คฤหาสน์สนธิไชยในโลกนี้มีตั้งเยอะแยะ คุณเลือกมาเลย ผมจะให้เขาได้เติบโตอย่างดี เป็นคุณหนูของตระกูลสนธิไชย”

“แต่เมื่อวานคุณไม่ได้บอกเองเหรอว่าจะไม่เก็บเขาไว้”

เวธัสตัวเกร็งเล็กน้อย ใช้สายตาที่มืดดำกวาดไปที่ท้องน้อยแบนราบของเธอ กำหมัดแน่น “เพราะงั้นคุณก็ไม่ต้องให้เรื่องมันไปไกลกว่านี้แล้ว โทรไปหาธนาเดี๋ยวนี้ แล้วยกเลิกเรื่องหมั้นของพวกคุณซะ!”

ณิชาตกใจอย่างจัง ราวกับโดนเคาะด้วยอะไร ทำอะไรไม่ถูกอึ้งไปเลย

เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเวธัสจะยอมประนีประนอม...

แม้ว่าวิธีประนีประนอมจะไร้สาระและน่าตลกมากก็เถอะ

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบ เวธัสก็จ้องเขม็ง “คุณไม่ยอมเหรอ”

“เปล่า แค่...”

“เปล่า ก็รีบโทร!” เวธัสไม่ฟังคำอธิบายที่เหลือ หยิบมือถือสีดำขึ้นมายื่นให้เธอ “มีเบอร์ธนาอยู่ในนั้น โทรไป พูดให้ชัดเจน เรื่องนี้ผมก็จะคิดซะว่าเป็นอดีตไป ไม่จะไม่แย่งสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกกับคุณด้วย”

ณิชาวุ่นวายไปหมด เธอกับธนาไม่ได้หมั้นกัน ไม่ได้ท้องด้วย...

จะอธิบายให้เขาฟังยังไงดี

แล้วคำพูดที่เหมือนว่าเธอต้องขอบคุณเขานี่มันอะไรกัน อะไรๆ ก็ดูซับซ้อนขึ้นไปหมด ณิชาไม่ได้รับมือถือมา

“เวธัส ที่จริงแล้วฉัน...”

“หม่ามี๊ ผมหิวแล้ว”

เสียงนุ่มหวานของปัณณ์ดังมาจากห้องเด็ก

ณิชาหยุดไป

เด็กน้อยสองคนต่างถือหนังสือเล่มโปรดแล้ววิ่งออกมาจากห้องนอนอย่างมีความสุข

หนังสือพวกนี้เอามาจากคฤหาสน์สนธิไชย น่าจะเป็นตอนที่เด็กทั้งสองจัดกระเป๋าเมื่อกี้

พอออกมาก็เห็นณิชากับเวธัสมองหน้ากันอยู่ที่ห้องรับแขก

เวธัสยื่นมือถือให้ณิชา ดวงตาของเด็กน้อยทั้งสองก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในทันที

แต่ณิชาก็ไม่พูดอะไร บอกเจ้าตัวเล็กให้มาอยู่กับเวธัส แล้วเข้าไปทำอาหารเย็นในครัว

เวธัสกำมือถือสีดำแน่นขึ้น แล้วมองปัณณ์อย่างไม่สบอารมณ์

เขามามั่วอะไรตอนนี้

ปัณณ์รู้ดีว่าเวธัสโกรธแต่ก็ไม่ได้กลัวเลย

ตอนที่อยู่คฤหาสน์สนธิไชย เขาก็ยียวนมานับครั้งไม่ถ้วน

“มองอะไรครับ มองยังไงปัณณ์ก็น่ารักกว่าคุณ” เขาทำหน้ากวนใส่เวธัส แล้วก็เดินถือหนังสือเทคโนโลยีไปอ่านที่โต๊ะกินข้าว

อรัลไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเวธัส เลยเมินเขาไป

เดินตามปัญณ์ไปอ่านหนังสือที่โต๊ะ

บริเวณโดยรอบเงียบไปครู่หนึ่ง มีแค่เสียงทำอาหารในครัว...

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่เด็กทั้งสองกำลังอ่านหนังสือกันอย่างสนุก แล้วจู่ๆ ก็มีเงาปกคลุมอยู่ด้านหลังพวกเขา

เพราะว่าเป็นเวลากลางคืน แสงไฟที่ห้อยอยู่บนหัวสว่างมาก

เงาของเวธัสยืดยาว ปกคลุมเด็กน้อยสองคนจนหมด

เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเวธัสเดินมา จ้องหนังสือเทคโนโลยีของทั้งสองคนอยู่สักพัก พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “อ่านรู้เรื่องเหรอ”

“...” เด็กน้อยทั้งสองไม่สนใจเขา ไม่ตอบอะไร

เวธัสหัวร้อนแล้ว อดทนอีกนิดๆ

เขาดึงเก้าอี้ข้างๆ ปัณณ์ออกมา ตอนที่กำลังจะนั่ง ปัณณ์ก็ชี้ไปที่เก้าอี้แล้วพูดว่า “นี่เป็นเก้าอี้ของลุงธนา! คุณนั่งตัวนี้ไม่ได้!”

เก้าอี้ของธนาเหรอ เขามีรองเท้าแตะเป็นของตัวเอง แถมตอนนี้ยังมีเก้าอี้เป็นของตัวเองด้วย เวธัสหัวเราะแห้ง จงใจเดินกระแทกเก้าอี้อย่างแรงตอนที่ลุกขึ้น

เก้าอี้ล้มลงกับพื้น เสียงดังแหลมขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ณิชาที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงก็รีบออกมาดู

เวธัสเอาเก้าอี้ขึ้นอย่างจริงจัง “เก้าอี้ขาหักแล้ว เดี๋ยวผมให้คนเอาไปซ่อมให้”

พูดจบ เขาก็เอาเก้าอี้ออกไปตรงประตูต่อหน้าณิชา แล้วก็......

ทิ้งไป!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊