กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 301

“หม่ามี๊รู้แล้วเหรอ? ” ดวงตาของอรัลเบิกกว้างเป็นวงกลม สีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ

เวธัสหักข้อมือ ในปากของเขายังคงมีกลิ่นบุหรี่อยู่จางๆ “ฉันกำลังถามแกว่าทำไมถึงไม่บอกฉัน? ”

“ผม……”

“ปีศาจกษัตริย์ คุณกับผู้หญิงไม่ดีคนนั้นเรียบร้อยกันแล้วงั้นเหรอ? ”ปัณณ์อึ้งไป ทำท่าทางเหมือนกับได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง “ถ้ายังงั้นหม่ามี๊ล่ะ? หม่ามี๊ผมจะทำยังไง? ”

“เรียบร้อยกันแล้วอะไรกัน? ระหว่างพวกเรามันไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้นแหละ”เวธัสหน้าถมึงทึง สายตาดูเย็นชา

อรัลสับสนไปครู่หนึ่ง เขาแน่ใจว่าคืนนั้นเห็นกันญ่าเดินออกมาจากห้องของเวธัสจริงๆ ก็เลยโต้ตอบด้วยท่าทีที่มั่นใจ “พ่อครับ ตอนนั้นผมเห็นทุกอย่างแหละ ไม่ต้องเถียงข้างๆ คูๆ แล้ว”

ไม่มีทางเชื่ออะไรเขาหรอก!

ร่างกายที่สูงยาวของเวธัสลุกขึ้นยืน บรรยากาศรอบๆ นั้นเต็มไปด้วยความกดดันที่เข้มข้น

“พ่อบอกไม่มีก็คือไม่มี ลูกรู้รึเปล่าว่าเรียบร้อยกันแล้วมันหมายความว่ายังไง? พ่อกับณิชาเรียบร้อยกันแล้วถึงได้มีพวกลูกไง!ต่อไปอย่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก!”

เวธัสพูดออกมาอย่างหงุดหงิด แล้วก็หันไปหยิบเสื้อสูทสีดำแล้วก็เดินออกไปด้านนอก

ป้าบุญเห็นว่ามันดึกมากแล้วก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้ “คุณเวธัสคะ นี่มันสามทุ่มกว่าเลย คุณ……”

“ดูแลเด็กสองคนนั้นให้ดีๆนะ อย่าให้พวกเขานอนดึก”

น้ำเสียงของเวธัสนั้นทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยความกดดัน ป้าบุญก็เลยไม่กล้าพูดอะไรต่อ

ปัณณ์โกรธจนควันออกหู

ปีศาจกษัตริย์หักหลังหม่ามี๊ แถมตอนนี้ยังมาดุเขากับอรัลอีกงั้นเหรอ?

เขาพาหม่ามี๊ของเขาไปไว้ที่ไหนกันแน่?

“ปีศาจกษัตริย์ ห้ามไปไหนนะ !”ปัณณ์ตะคอกใส่ด้านหลังของเวธัส

ชายคนนั้นไม่ได้หยุดเดิม แถมยังก้าวเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก

และไปถึงหน้าประตูภายในพริบตาเดียว ……

ขาสั้นๆ ของปัณณ์วิ่งไม่ทันฝีก้าวของชายหนุ่ม เขาก็เลยหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งมาจากโต๊ะกาแฟ แล้วก็ปาใส่แผ่นหลังของชายหนุ่มคนนั้น

แต่คาดไม่ถึงว่าเวธัสนั้นจะเป็นคนที่คล่องแคล่วว่องไวขนาดนี้ เขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวในอากาศ แล้วก็พลิกมือมารับแอปเปิลลูกนั้นได้อย่างรวดเร็ว

ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว สายตาไม่สั่นไหวเลยแม้แต่นิดเดียว ยังคงดูเย็นชาเหมือนเดิม

ปัณณ์ถึงกับอ้าปากค้าง

……เขารู้สึกว่าท่าทางเมื่อกี้นี้มันดูเจ๋งมากเลย

“จ้องทำไม? ลูกตาของปัณณ์ก็ไม่ได้เล็กไปกว่าคุณหรอกนะ !”ปัณณ์ถอนตัวจากการจ้องตากับเวธัส แล้วก็หยิบแอปเปิลอีกลูกขึ้นมาอีกถาด สายตาฉายแสงปีศาจน้อย “ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะรับได้สองลูกน่ะ!”

“กล้าโจมตีฉันงั้นเหรอ? ” เวธัสหรี่ตา “อยากโดนกักบริเวณรึไง? ”

ใบหน้าของปัณณ์นั้นบูดบึ้ง ไม่ได้กลัวเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ว่าเขายังไม่ทันพูดอะไร อรัลก็ดึงชายเสื้อของเขา พร้อมกับหันไปพูดกับเวธัสด้วยความเคารพว่า “ขอโทษด้วยนะครับพ่อ พวกเรากำเริบเสิบสานไปเองจริงๆ ”

เวธัสปาแอปเปิลลงบนพื้นจนเป็นรอยยาว

แอปเปิลถูกปาลงพื้นและน้ำของมันก็กระจายไปทั่ว

“อรัล ทำไมนายต้องกลัวเขาด้วย? ” ปัณณ์รู้สึกสงสารแอปเปิลลูกนั้น หม่ามี๊เคยสอนไว้ว่าอย่าใช้อะไรสิ้นเปลือง

พออรัลแน่ใจแล้วว่าเวธัสเดินไปไกลแล้ว ก็กระซิบพูดว่า “ถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับหม่ามี๊จริงๆ แต่พวกเราถูกพ่อกักบริเวณไว้ แล้วใครจะไปช่วยหม่ามี๊ล่ะ? ”

“……” สายตาของปัณณ์มืดลงเล็กน้อย แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งเล็กน้อย “ก็ถือว่าที่นายพูดก็มีเหตุผล”

“ฉันจำเบอร์พี่อลิสาเพื่อนร่วมงานของหม่ามี๊ได้อยู่ โทรหาเธอก่อนเพื่อเช็กว่าหม่ามี๊อยู่ที่บริษัทรึเปล่า”อรัลวิเคราะห์ต่อ

ใบหน้าที่อ่อนเยาว์นั้นเต็มไปด้วยความสงบและมีประสบการณ์ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเขากำลังคิดวิเคราะห์เรื่องใหญ่ระดับประเทศอยู่ก็เป็นได้

ดวงตาเล็กๆ ของปัณณ์เป็นประกายขึ้นมาทันที เขาดีดนิ้วเบาๆ และพูดว่า “ลุงเอกเป็นคนพาหม่ามี๊ออกไป ฉันยังจำป้ายทะเบียนรถคนนั้นได้อยู่ เดี๋ยวไปที่โรงจอดรถแล้วก็หากล้องติดรถยนต์ของรถคันนั้นกัน”

“ถ้ายังงั้นพวกเราแยกย้ายกันไปจัดการนะ GO!”

ฝาแฝดทั้งสองคนหารือกันเรื่องกระบวนการต่างๆ อย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นคนหนึ่งก็แบ่งไปที่โรงจอดรถ ส่วนอีกคนหนึ่งก็ขึ้นไปสืบต่อที่ชั้นบน

หลังจากผ่านไป20นาที เด็กน้อยทั้งสองคนก็แลกเปลี่ยนข้อมูลให้กันและกัน

และก็มีความคิดที่น่าหวาดกลัวผุดขึ้นมาในหัว……

……

สองสามวันแรกของการถูกกักบริเวณ ณิชาเคยพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อหนีออกไป

รวมถึงการตัดผ้าปูที่นอนออกมาเป็นเส้นๆ แล้วก็เอามามัดเป็นเชือก แต่ว่ามันก็ยาวไม่พอ เพราะว่าที่นี่มันเป็นตึกสูง!

และก็เคยคิดจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แต่ว่าพอเพื่อนบ้านเห็นบอดี้การ์ดที่ดูดุร้ายตรงหน้าประตูบ้านของณิชาก็หยุดความคิดที่จะช่วยเหลือในทันที

นอกจากนั้น ณิชาก็พึ่งจะย้ายเข้ามาได้ไม่นาน เพื่อนบ้านก็ไม่กล้ารับประกันว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้าย……

และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเคยแกล้งเป็นลม แกล้งป่วย ใช้ทุกวิถีทาง แต่ว่าบอดี้การ์ดกลับไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย

ณิชากำลังแทบหมดหวังแล้ว!

“คุณณิชา มื้อเที่ยงคุณจะรับอะไรดีครับ? ”บอดี้การ์ดคนหนึ่งเคาะประตูอย่างมีมารยาทพร้อมกับเอ่ยถาม

ณิชาไม่อยากจะสนใจ

บอดี้การ์ดเห็นว่าสภาพของณิชานั้นมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ก็รู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก

“คุณเวธัสบอกว่าเดี๋ยวตอนเย็นเขาจะมาที่นี่ คุณณิชา ทานอะไรบ้างเถอะนะครับ ตอนนี้สีหน้าของคุณดูแย่มากเลย”

“เวธัสบอกว่าตอนเย็นจะมางั้นเหรอ? ” พอณิชาได้ยินสายตาของเธอก็เริ่มขยับทันที

“ใช่ครับ”บอดี้การ์ดเห็นว่าในที่สุดณิชาก็ยอมตอบโต้อะไรบ้างแล้ว ก็เลยรีบพูดต่อว่า “ทุกวันคุณเวธัสจะโทรมาถามว่าคุณเป็นยังไงบ้าง เขาเป็นห่วงคุณมากเลยนะครับ คุณอยากจะ……แต่งหน้าหน่อยไหม? ”

ทันใดนั้นณิชาก็รู้สึกอยากขำ “นี่นายกำลังเล่นมุกแป๊กๆ อยู่ยังงั้นเหรอ? ”

นี่เขาคิดว่าเธอเป็นนางสนมในวังโบราณ ที่รอต้อนรับพระราชาอย่างนั้นเหรอ?

จะมาแต่งหน้าอะไรกันอีก?!

“……”บอดี้การ์ดดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

……

เพราะว่าออกไปไหนไม่ได้ และก็ไม่มีโทรศัพท์ ณิชาก็เลยไม่ค่อยมีสิ่งบันเทิงอะไรให้ทำเพื่อฆ่าเวลาเท่าไหร่นัก

สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยมากที่สุดก็คือการนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา

แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมา

ตอนที่กำลังเคลิ้มอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงรองเท้าหนังเหยียบบนพื้นทางเดินอย่างดังฟังชัด

และเธอก็ตื่นตัวในทันที

และข้างนอกนั้น เวธัสที่พึ่งจะจัดการกับงานเสร็จก็รีบตรงมาที่นี่ในทันที

“คุณเวธัส”บอดี้การ์ดก้มศีรษะด้วยความเคารพ

นัยน์ตาที่ดำขลับของเวธัสเหลือบมองไปที่ประตูที่ปิดสนิท และมันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน หลังจากนั้นเขาก็หันมามองบอดี้การ์ดพร้อมกับพูดว่า “วันนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? ”

“ดีมากเลยครับ คุณณิชาไม่ได้ก่อเรื่องเหมือนก่อนหน้านี้ แล้วก็ไม่ได้โวยวายอยากจะออกไป เอาแต่อยู่เงียบๆ พอเธอได้ยินว่าคุณจะมา เธอก็ดีใจจนสั่งอาหารมาหลายอย่างเลย”

เวธัสได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นจนเป็นปม

ถ้าเกิดว่าเธอคิดได้แล้วจริงๆ เขาก็ไม่ต้องใช้วิธีที่สุดโต่งแบบนี้หรอก

“เปิดประตู”

พอชายหนุ่มเอ่ยคำสั่ง บอดี้การ์ดคนนั้นก็เปิดประตูให้กับเขา

ห้องที่เดิมเคยสว่างไสว ตอนนี้นั้นถูกดึงม่านปิดจนสนิท ไม่เปิดไฟ สิ่งที่เผยให้เห็นมีแต่ความมืดเท่านั้น

อุณหภูมิตอนกลางวันกับกลางคืนที่ฝรั่งเศสนั้นมันแตกต่างกันค่อนข้างมัน ภายในห้องนั้นไม่ได้เปิดฮีตเตอร์ ความหนาวเย็นก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในกระดูก

ทันทีที่เวธัสเหยียบเท้าเข้าไปก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ

ทำไมถึงได้เงียบขนาดนี้?

“ณิชา ผมมาแล้ว”

เสียงที่ทุ้มต่ำและเซ็กซี่ของชายหนุ่มดังก้องอยู่ในอากาศ

ทันใดนั้น ก็มีลมพัดมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่ด้านหลัง

พอเวธัสหันหน้าไป ก็เห็นณิชาโผล่ออกมาจากหลังประตู

เพียงชั่วพริบตาเดียว มีดปอกผลไม้ที่เย็นเฉียบก็จ่ออยู่ที่คอของเขา

“เวธัส ฉันรอคุณมานานมากแล้ว”ณิชากำมีดปอกผลไม้แน่น ริมฝีปากสีเชอร์รี่ของเธอเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชา ฟันที่ขาวและเรียงตัวของเธอนั้นโดดเด่นเป็นพิเศษในความมืด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊