กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 302

เห็นได้ชัดว่าเวธัสนึกไม่ถึงว่าณิชาจะกล้าเอามีดมาจ่อเขาแบบนี้

แต่ว่าเขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับยิ้มอย่างชั่วร้ายแทน

“สมกับเป็นผู้หญิงที่ผมชอบ”

“หยุดปากดีได้แล้ว ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่ยังงั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”ณิชากัดฟันกรอดและจับจ้องมาที่เขา มือที่จับด้านมีดอยู่นั้นกำแน่นขึ้น

ใบหน้าของเวธัสดูไม่ได้หวาดหวั่น เขาค่อนข้างจะคุ้นเคยกับความมืด และก็สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน มันค่อนข้างซีด แต่ก็ยังดูสวยมากอยู่เหมือนเดิม

“เก่งนักก็แทงเลยสิ”เวธัสจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “คุณบอกว่ารับไม่ได้ที่ผมทำร้ายคุณไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ได้ ถือว่าผมให้โอกาสคุณแล้วกัน แทงผม พวกเราทั้งสองคนจะได้เคลียร์กัน!”

“คุณคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ? ”

“งั้นก็ลองดูสิ”

มือของณิชาเริ่มสั่น

ปลายมีดแตะโดนคอของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่าทำยังไงก็แทงไม่ลง

แม้ว่าจะมีคราบเลือดออกมาแค่นิดเดียว เธอก็แทบอยากจะโยนมีดทิ้งแล้ว……

เธอไม่เคยเป็นคนโหดร้ายแบบนั้นมาก่อน

เธอรู้สึกทั้งหงุดหงิดและโมโหมาก

“ฉันไม่ได้ต้องการอยากจะเคลียร์กับคุณหรอกนะ แต่ฉันต้องการให้คุณปล่อยฉันไป!”

“บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านนอกนั้นรับคำสั่งให้เฝ้าคุณไว้ที่นี่ ต่อให้คุณจะข่มขู่ผม แต่ว่าพวกเขาก็ไม่มีทางถอยไปไหนหรอกนะ”

ณิชากำมีดขึ้นแน่นกว่าเดิมจนหลังมือเริ่มซีด

“นอกจากว่าคุณจะแทงมีดเข้าไป พอผมได้รับบาดเจ็บพวกเขาก็จะรีบร้อนพาผมไปส่งโรงพยาบาล”เวธัสตาเป็นประกาย น้ำเสียงของเขาจริงจังมาก ไม่ได้ดูเหมือนว่ากำลังล้อเล่นอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว “ณิชา นี่เป็นแค่โอกาสเดียวของคุณ”

“……”

และตอนที่ณิชากับเขาต่างไม่ยอมกันและกันนั้น จู่ๆ เวธัสก็ยื่นมือไปคว้าหลังมือของเธอเอาไว้

เขาคว้าด้ามมีดอย่างรวดเร็วแล้วก็ปาดเข้าไปที่คอของตัวเอง

เขาใช้แรงเยอะมาก เหมือนกับว่าจะตัดหลอดเลือดแดงให้ขาด ณิชานั้นรู้สึกตกใจจนรีบปล่อยมือในทันที

มีดเล่มนั้นตกลงกับพื้นพร้อมกับเสียงแหลมคมดังสะท้อนในเวลากลางคืน

และรอยกรีดที่คอของเวธัสก็เริ่มมีเลือดไหลออกมา

บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว

“คุณเวธัส คุณโอเคไหมครับ? ”

เวธัสยังคงมีน้ำเสียงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเข้ามา”

“ครับ”บอดี้การ์ดคนนั้นก็ถอยกลับไปเหมือนเดิม

“ณิชา คุณไม่กล้าฆ่าผมงั้นก็ยอมรับมาเถอะ ว่าคุณยังชอบผมอยู่!”เวธัสหยิบทิชชูออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วก็เช็ดเลือกที่คอของตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ณิชาดึงสติกลับมา พอเห็นมีดปอกผลไม้ที่ตกอยู่ที่พื้น เธอก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย

แต่ว่าเธอก็รู้สึกโมโหจนสุดขีดเพราะว่าเขา

แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยเห็นใครหน้าไม่อายเท่าเขามาก่อน !

กล้าแม้กระทั่งเอาชีวิตของตัวเองมาเดิมพัน……

แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ เธอไม่กล้าลงมือไปจริงๆ

“ฉันไม่ได้เสพติดการฆ่าคนหรือชอบเลือดอะไรพวกนั้นหรอกนะ!คุณอย่าคิดว่าการที่ฉันไม่แทงคุณแปลว่าฉันชอบคุณไปหน่อยเลย!”

“แต่เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้คุณทำไม่ลง……”ทันใดนั้นเวธัสก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ทำท่าทางเหมือนอันธพาลเล็กน้อย “ผมรู้ว่าช่วงนี้มันมีอะไรหลายๆ อย่างเกิดขึ้น และก็ส่งผลกระทบต่อคุณอย่างหนัก แต่ว่าผมก็ขอโทษคุณไปแล้วไง คุณต้องการการชดเชยแบบไหนผมก็จะทำให้ทั้งหมด”

“การชดเชยงั้นเหรอ? การชดเชยที่ดีที่สุดของคุณก็คือการปล่อยฉันไป!”

“งั้นก็น่าเสียดายนะ เพราะว่าเมื่อกี้คุณพลาดโอกาสเดียวของคุณไปแล้ว”

เวธัสโยนทิชชูทิ้งลงในถังขยะอย่างสบายๆ แล้วก็หันไปเปิดไฟ

แล้วทั้งห้องก็สว่างไสวเหมือนมีแสงแดดในตอนกลางวันทันที

ส่องแสงมาที่ใบหน้าที่ดื้อรั้นของณิชา แล้วก็เผยให้เห็นใบหน้าที่เกียจคร้านของเวธัสด้วยเหมือนกัน

พอณิชาเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้สึกเกลียดตัวเองมากที่เมื่อกี้ใจอ่อน เธอควรจะแทงเข้าไปจริงๆ !

แม้ว่าจะแทงเขาที่หน้าอกหรือหัวไหล่ก็ยังดี ยังดีกว่าปล่อยให้เขามาต่อกรกับเธออยู่แบบนี้!

แต่ว่ามันก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว ณิชาถลึงตาใส่เวธัสด้วยความเกลียดชัง แล้วก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องนอน

ประตูถูกกระแทกปิดอย่างรุนแรง และก็ล็อกประตูด้วย

เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เวธัสแอบเข้ามาตอนกลางคืน เธอเลยย้ายตู้มาขวางหน้าประตูเอาไว้……

ภายในห้องรับแขก เวธัสมองไปที่ประตูห้องนอนที่ปิดสนิท ใบหน้าที่พึงพอใจของเขาเมื่อกี้นี้ก็ค่อยๆ เลือนหายไป แล้วก็ถูกแทนที่ด้วยความพัวพันและเย็นชาแทน

ต่อให้ต้องเสียเวลาต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ เขาก็ไม่มีทางปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน

ตั้งแต่ตอนที่เธอมายั่วเย้าเขาเมื่อสี่ปีก่อน มันก็ถูกลิขิตไว้ให้จบแบบนี้อยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น ฝาแฝดทั้งสองคนที่ปราสาทนั้นยังรอให้เขาพาเธอกลับไปอยู่อีกด้วย……

……

วันรุ่งขึ้น ณิชาไม่ยอมกินข้าวเช้า ลากเวลาจนเกือบจะถึง11โมงถึงจะยอมออกมาจากห้องนอน

เธอนึกว่าเวธัสจะกลับไปแล้ว

แต่นึกไม่ถึงเลยว่า เขาได้ย้ายแล็ปท็อปและเอกสารบางส่วนมานั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่น

ณิชาแอบมีความคิดว่าจะขโมยโทรศัพท์เขามาโทรแจ้งตำรวจ แต่ก็คิดว่าอัตราความล้มเหลวมันค่อนข้างจะสูง

“ตื่นแล้วเหรอ? ”เวธัสได้ยินเสียงด้านหลังของตัวเอง ก็วางแล็ปท็อปกลับลงไปบนโต๊ะกาแฟ “ผมให้คนเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว คุณน่าจะหิวแล้วสินะ”

ณิชาเดินไปที่โต๊ะอาหารโดยที่ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

ต่อให้จะโมโหแค่ไหนก็ต้องกินข้าว

ต้องเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้ จะได้หาโอกาสหนีออกไปได้

อาหารถูกนำเข้ามาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว จัดวางเรียงอยู่เต็มโต๊ะทรงเหลี่ยม กลิ่นหอมๆ และหน้าตาสวยงาม สามารถเรียกน้ำย่อยของผู้คนได้ดีเลยทีเดียว

เวธัสเริ่มก่อนหนึ่งก้าว “ตาคุณดูบวมๆนะ เมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอเหรอ? ”

“……”

ณิชาได้แต่นั่งกินข้าวเงียบๆ ทำเหมือนเขาเป็นเพียงแค่อากาศ

ภายในห้องนั้นได้ยินแต่เสียงหายใจที่สม่ำเสมอ และเสียงเคี้ยวและกลืนอาหารของณิชาเพียงเท่านั้น

เวธัสยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อาศัยโอกาสตอนที่ณิชาเลือกเครื่องเคียงอยู่นั้น งอแขนจะเอาศอกไปถูกับศอกของเธอ แสดงความเป็นมิตร

แต่ว่าศอกของเขายังไม่ทันได้ชิดเข้ามา จู่ๆ ณิชาก็ยืนขึ้น และไปหยิบช้อนมาตักซุป……

ข้อศอกของทั้งสองคนก็ห่างออกจากกัน ความเป็นมิตรของเวธัสก็เหลือเพียงความว่างเปล่า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็มืดลงในทันที

ณิชาเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง ตอนที่กำลังคีบอาหารต่อนั้น เขาก็พูดออกมาด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “พวกเรามาคุยกับด้วยความสงบดีไหม? ”

ณิชาค่อยๆ กินอย่างไม่รีบร้อน และก็ไม่มองเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

เวธัสรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิม ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่นเข้าหากัน

นี่เขาอุตส่าห์ยอมหน้าหนาแล้วก็แสดงความเป็นมิตรกับเธอแล้ว แล้วเธอยังต้องการอะไรอีก?

“หรือว่าคุณอยากจะให้พวกเขาต่างไม่ยอมอ่อนข้อต่อกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ? ไม่นึกถึงอรัลกับปัณณ์บ้างเลยเหรอ? ”

พอได้ยินชื่อของเด็กน้อยทั้งสองคน ดวงตาของณิชาก็เริ่มขยับ และในที่สุดเธอก็ตอบเขากลับมาสามคำ “คุยอะไร? ”

ในที่สุดเธอก็ตอบเขาแล้ว ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเวธัสก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

“พอพวกเขาไม่เห็นคุณก็รู้สึกเป็นห่วงมาก ก็ถือซะว่าเพื่อเด็กๆ แล้วกัน ให้โอกาสผมอีกครั้ง แล้วก็มอบครอบครัวที่สมบูรณ์แบบให้พวกเขาได้ไหม? ”

“ไม่ได้” ณิชาปฏิเสธโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว

สายตาของเวธัสเต็มไปด้วยความล้มเหลว เสียงของเขาเริ่มเย็นลง “ถ้ายังงั้นคุณอยากให้พวกเขามีชีวิตอยู่ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์งั้นเหรอ? ”

“ฉันเปล่า”

คำตอบที่ตอบอย่างขอไปที่ ทำให้ความโกรธเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในดวงตาของเวธัส——

“คุณจะคุยกับผมดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ? ”

“คุยแบบปกติ”

คำตอบสั้นๆ ที่ไม่ใส่ใจทำให้ความโกรธของเวธัสได้ระเบิดออกมา เขาลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันและเก้าอี้ของเขาก็เลื่อนไปด้านหลังในทันที

ขาเก้าอี้เสียดสีกับพื้นอย่างแรงทำให้เกิดเสียงที่แสบแก้วหู

และเงาดำของชายหนุ่มที่สูงใหญ่ก็ปกคลุมมาที่ร่างกายของณิชา……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊