เมื่อคืนที่หม่ามี๊ร้องไห้ ก็เป็นเพราะว่ารู้อยู่แล้วว่าต้องจากไป?
ความรู้สึกของเขาถูกต้องสินะ หม่ามี๊กำลังเศร้าโศกเสียใจ
แต่ว่า……
“ทำไม?”อรัลพูดถามขึ้นอย่างดื้อดึง
เวธัสดึงขาเรียวยาวออกมาจากอ้อมกอดของปัณณ์ เดินออกไปด้วยท่าทางจริงจัง เม้มริมฝีปากจนเริ่มซีดขาว ทำไม? เขาก็หวังว่าจะมีคนมาบอกเขาว่าทำไมเหมือนกัน……
กลับนั่งลงไปที่โต๊ะ ทานอาหารเช้าอย่างสง่างาม เอาใส่เข้าไปในปากคำแล้วคำเล่า รสชาติจืดชืดราวกับขี้ผึ้ง
ปัณณ์กับน้องอรัลก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปอาบน้ำ ใส่รองเท้าแตะขน กับชุดนอนที่ยับยู่ยี่วิ่งตามหารอบบ้านไปหนึ่งรอบ ก็ไม่เห็นวี่แววของหม่ามี๊ ที่น่ากลัวคือ ของใช้ในห้องน้ำของเธอก็ลดน้อยลงไปมากๆ
ทั้งสองคนรีบเข้าไปเกาะแกะเวธัสอย่างทันที
คนหนึ่งยืนอยู่ทางซ้ายของเขา ดึงชายเสื้อของเขา อีกคนยืนอยู่ทางขวาของเขา อย่างเคารพนับถือ
ปัณณ์ทำสีหน้าเท่ๆ“ปีศาจยักษ์จงใจหลอกปัณณ์ใช่ไหม? ปัณณ์ลุกออกจากเตียงแล้ว!หม่ามี๊ไม่ทิ้งพวกเราแล้ว……”
“คุณพ่อ มาล้อเล่นกันแบบนี้จะทำให้พวกเราตกใจนะ”น้องอรัลก็พูดเน้นขึ้นมาด้วยความจริงจัง
เวธัสดึงมือออกมาจากอุ้งมือน้อยๆของปัณณ์อย่างเย็นชา ทานอาหารเช้าต่อไปด้วยสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์
ปัณณ์ก็ดึงแขนของเขาต่อ พยายามกระโดดโลดโผนอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะไม่ให้เขานิ่งเงียบ“รีบพูดมาสิ หม่ามี๊แค่ไปทำงานใช่ไหม ไม่ใช่ไม่เอาพวกเราแล้ว ใช่ไหม? ใช่ไหม? ใช่ไหม?”
พูดเน้นสองคำหลังอย่างไม่หยุดไม่หย่อน เต็มไปด้วยความไม่รู้และตื่นตระหนก
เวธัสหยิบตะเกียบเคาะไปที่หลังมือของเขา พูดตะคอกออกมาอย่างหมดความอดทน“ออกไปเดี๋ยวนี้!”
หลังมือของปัณณ์ถูกเคาะจนเป็นรอยแดงสองรอย ขนตาที่สวยงามสั่นเล็กน้อย ถูหลังมือที่แดงทันที จ้องเวธัสด้วยน้ำตาคลอเบ้า“เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยแท้ๆ!”
คนรับใช้พอเห็นรอยแดงที่หลังมือของเด็กน้อย ก็ตกใจขึ้นมา“คุณหนู ให้ดิฉันดูมือของคุณหนูหน่อยค่ะ”
“ปัณณ์ไม่เป็นไร”ปัณณ์สูดจมูก อดกลั้นน้ำตาเอาไว้
หันตัววิ่งเข้าไปในห้องนอนเด็ก พลิกนู่นพลิกนี่ตามหาสิ่งของ
อรัลเม้มริมฝีปากที่เริ่มซีดขาว ที่ไม่ได้พูดถามออกไปแบบปัณณ์ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้สึกตื่นตระหนก“คุณพ่อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“ถ้าหิวก็นั่งลงกินอาหารเช้า ไม่หิวก็ไปเก็บข้าวของของลูกซะ อีกยี่สิบนาทีจะไปส่งพวกลูกที่โรงเรียน”เวธัสพูดสั่งไปอย่างเยือกเย็น
อรัลไม่มองอาหารที่แสนอร่อยบนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย หันหัวเดินเข้าไปในห้องนอนเด็ก
ปัณณ์กำลังโทรศัพท์หาณิชา
ตู๊ดๆๆ……
เสียงสัญญาณสายไม่ว่างที่ยืดยาวดังขึ้นมา ดันไม่มีคนรับสาย
ปัณณ์ไม่ยอมตัดใจ โทรออกไปอีกหลายครั้ง
รีบรับสายเร็วๆสิ……
ตลอดเวลาที่รอคอยมันทรมานสุดๆ ปัณณ์โทรออกไปตั้งห้าครั้ง ในสายไม่มีการตอบกลับมาตั้งแต่ต้นจนจบตามที่เขาคาดเอาไว้
แสงแห่งความหวังในดวงตาค่อยๆหรี่ลงทีละนิดๆ
“หม่ามี๊ไม่รับสาย?”อรัลพูดถามอยู่ข้างๆด้วยความประหม่า
ปัณณ์ส่ายหัว“พี่ถามแล้วยังว่าปีศาจยักษ์กับหม่ามี๊เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ถึงตาของอรัลส่ายหัว คุณพ่อไม่ยอมบอก เขาเองก็หมดหนทางเหมือนกัน
ปัณณ์กำหมัดน้อยๆเอาไว้แน่น
“หม่ามี๊ไม่เคยทิ้งปัณณ์มาก่อน ครั้งนี้ไม่ยอมรับสายของปัณณ์”
ลนลาน ลนลาน ลนลานมากๆ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
อรัลนึกย้อนกลับไปอย่างละเอียดสักพัก พูดวิเคราะห์อย่างครุ่นคิดกับปัณณ์“ปัณณ์รู้สึกว่าเมื่อวานซืนหม่ามี๊ดูผิดแปลกไปไหม?”
ดวงตาใสแป๋วของปัณณ์นิ่งลึก“พี่กำลังจะบอกว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อวานซืนที่หม่ามี๊ไม่ได้กลับบ้าน?”
อรัลพยักหน้า รู้สึกเป็นกังวลในใจ“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวานตอนค่ำ หม่ามี๊พาพวกเราไปเที่ยวเล่น เอาแต่พูดว่าจะทำความปรารถนาของพวกเราให้เป็นจริงๆ จะชดเชยให้กับพวกเราอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าเธอเตรียมตัวที่จะหนีไปตั้งนานแล้ว”
หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของอรัล ปัณณ์ก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
ให้ตายสิ!เมื่อวานเขาสนใจแต่เรื่องเล่น ไม่ได้สังเกตดูอารมณ์ความรู้สึกของหม่ามี๊เลยสักนิด……
จ้องมองถุงช็อปปิ้งที่กองเป็นเนินตรงมุมกำแพง ปัณณ์ก็เหมือนกับลูกสิงโตน้อยที่ถูกแหย่จนโมโห วิ่งตรงเข้าไป ผลักสิ่งของจนตกลงเสียงดังโครมครามด้วยความโมโหเกรี้ยวกราด……
ของขวัญรวมถึงเสื้อผ้า กระเป๋าหนังสือ รองเท้าและพวกของเล่นทั้งหมดกระจัดกระจายเต็มพื้น
เขาไม่ต้องการของขวัญไม่ต้องของชดเชย เขาต้องการให้เธออยู่ด้วยกันกับเขา!
สาวรับใช้พอได้ยินเสียง ก็กลัวว่าคุณหนูจะหกล้มลง ก็เลยรีบตามเข้ามาดูอย่างทันที
ปัณณ์ขยี้ขอบตาที่เริ่มแดงเล็กน้อย นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ยืดหลังตรงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ดึงกระเป๋าเดินทางขนาด18นิ้วออกมาหนึ่งใบอย่างแรง จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าเสื้อโค้ตของตัวเอง ยัดลงไปในกระเป๋าเดินทาง
อรัลขมวดคิ้ว“ปัณณ์จะออกจากบ้าน?”
“ผิดแล้ว หม่ามี๊อยู่ที่ไหนบ้านของปัณณ์ก็อยู่ที่นั่น ปัณณ์ก็แค่ไปหาบ้านใหม่ของปัณณ์เท่านั้น ปัณณ์ไม่อยากอยู่ให้ปีศาจยักษ์ทารุณอีกแล้ว ถึงยังไงเขาก็ไม่รักปัณณ์”
พูดพลาง มือที่กำลังเก็บข้าวของของปัณณ์ก็หยุดชะงักลง ในใจรู้สึกเศร้าเสียใจไม่น้อย แต่ไม่นานก็ฮึดขึ้นมาอีกครั้ง มองอรัลอย่างลึกซึ้ง“ต่อไปพวกเราก็ต่างคนต่างไปก็แล้วกันนะ ปัณณ์จะคิดถึงพี่”
“……”
ตอนแรกปัณณ์มองเสื้อผ้าเห็นว่าน่ารักทั้งนั้น อยากที่จะยัดลงไปให้หมด แต่เสื้อโค้ตหน้าหนาวมันหนาและหนักมากจริงๆ
สุดท้าย เขาก็โยนเสื้อที่เวธัสซื้อให้ลงไปในถังขยะด้วยความโมโหเกรี้ยวกราด เอาแค่เสื้อผ้าที่ณิชาซื้อให้เขาพับให้เรียบร้อย ก่อนจะวางลงไปในกระเป๋าเดินทาง
คนรับใช้พอได้ยินก็ปิดปากเอาไว้ด้วยความตกใจกลัว“คุณหนูผ่านปีใหม่ไปก็เพิ่งจะสี่ขวบเองนะคะ อย่าออกไปเถลไถลเลยค่ะ……ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ข้างนอกวุ่นวายมากเลย มีพวกค้ามนุษย์มากมายที่คอยเพ่งเล็งเด็กๆแบบพวกคุณหนูอยู่นะคะ”
เรียบร้อย
ในที่สุดปัณณ์ก็จัดกระเป๋าเดินทางเสร็จ จากนั้นก็ลากขึ้นมาอย่างสุดแรง
ใหญ่และหนักไปหน่อย แต่ว่าไม่มีปัญหา เขามีเงิน เดี๋ยวหาคนมาช่วยขนย้ายก็ได้แล้ว
เขาตบมือน้อยๆ ไม่ฟังคำห้ามของสาวรับใช้ ลากกระเป๋าเดินทางออกไปข้างนอก
ล้อของกระเป๋าเดินทางถูกับพื้นเกิดเป็นเสียงที่น่ารำคาญ ร่างกายที่สูงยาวของเวธัสปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงประตูของห้องนอนเด็ก ทำเอาปัณณ์รู้สึกตกใจ เขาโกรธแค้นเรื่องที่เขาเอาตะเกียบมาเคาะที่หลังมือของตัวเองเมื่อตะกี้นี้ สบถเชอะใส่เขาไปอย่างจองหอง
“รู้อยู่แล้วว่าคำพูดของผู้ชายมันหลอกลวงเชื่อไม่ได้ ไม่น่าให้หม่ามี๊แต่งงานกับคุณพ่อเลยตั้งแต่แรกเลย”
เวธัสขมวดคิ้วมองไอ้เจ้าตัวจิ๋วนี้“ลูกคิดจะไปไหน?”
“ตาแก่ ถอยไปหน่อย”ปัณณ์ไม่สนใจเขา สองมือถือกระเป๋าเดินทาง
เวธัสสองเข่ากดลงที่กระเป๋าเดินทาง ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียว ปัณณ์ดันกระเป๋าเดินทางไม่ไป ก็เลยตัดสินใจไม่ยื้อแย่งกับเขา พูดขึ้นอย่างช้าๆ“ปัณณ์ไม่ไปเรียนก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่ปัณณ์ไม่เชื่อว่าคุณพ่อจะไม่ไปทำงานไม่ได้แน่นอน”
พอเขาไปบริษัท ตัวเองก็ค่อยออกไปก็ได้ มันก็เหมือนกัน
ก็แค่วัดความอดทนกันเท่านั้นเอง? เขาไม่กลัวปีศาจยักษ์หรอก
ขมับของเวธัสปูดนูนออกมาเล็กน้อย รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
ใครบอกว่าอรัลดื้อกัน? เห็นๆอยู่ว่าปัณณ์เวลาดื้อแล้วหัวรั้นซะยิ่งกว่าอรัลซะอีก
อรัลรีบทำหน้าที่เป็นผู้สร้างสันติทันที พยายามพูดเกลี้ยกล่อมทั้งสองคน“ปัณณ์ คุณพ่อก็ไม่อยากให้หม่ามี๊จากไปเหมือนกัน ปัณณ์เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว เขาจะไปตามหม่ามี๊กลับมาแน่นอน!ถ้าเกิดหม่ามี๊ยังอยู่ หม่ามี๊ก็คงไม่อยากจะเห็นพวกปัณณ์ทะเลาะกันหรอกนะ”
ปกติแล้ว ณิชามักจะเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่างสองพ่อลูกในบ้านเสมอ
ปัณณ์เมินหน้าน้อยๆไปทางอื่น“ปัณณ์ไม่ได้ทะเลาะกับเขาสักหน่อย เขาต่างหากล่ะที่มาสร้างความลำบากใจให้เด็ก”
เวธัสจ้องมองเจ้าก้อนแป้งนุ่มที่อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาดำมืดดุร้ายเป็นประกายเล็กน้อย ยกคิ้วขึ้นทันทีพร้อมกับพูดขึ้น“ลูกอยากตามหม่ามี๊ของลูกกลับมาไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊