กลับมาถึงบ้านก็เกือบถึงยามซื่อแล้ว มื้อเช้าทุกคนก็อาศัยกินข้าวเหนียวกับหมูทอดกัน เพราะตื่นเต้นกับการขายของวันแรก จึงลืมเตรียมมื้อเช้าไปกินด้วย ลู่ชิงจึงคิดว่าคืนนี้จะทำกับข้าวง่าย ๆ ใส่กล่องไว้ในมิติตอนเช้าจะได้ไม่ลืมอีก เมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ลู่ชิงก็ชวนทุกคนมานั่งที่โต๊ะอาหาร เพื่อทำการนับเงินที่ได้จากการขายของวันแรกพร้อมกัน
“ท่านพ่อท่านแม่ พวกเรามานับเงินกันเจ้าค่ะว่าจะได้เท่าไหร่” ลู่ชิงอยากรู้ว่ารายได้ของวันนี้เป็นอย่างไร
“ได้สิลูก พวกเราช่วยกันนับแยกเป็นกอง ๆ ไว้ จะได้รู้ว่ายอดรวมทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่” ลู่เวินเองก็อยากรู้เช่นกัน
เพราะท่านพ่อเป็นพ่อค้า เรื่องคำนวณตัวเลขจึงสำคัญพวกเขาสามพี่น้องล้วนได้เรียนรู้เรื่องนี้ โดยมีท่านพ่อเป็นคนสอน
ทุกคนจดจ้องอยู่กับการนับเงิน ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว
“เอาล่ะ เจ้าใหญ่ลองนับยอดรวมทั้งหมดดูสิว่ามีเท่าไหร่” ลู่เวินให้บุตรชายคนโตอย่างลู่จื้อนับจำนวนเงินทั้งหมดอีกครั้ง
“ขอรับ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก... ท่านพ่อ!! รายได้ทั้งหมดวันนี้ มีถึงหกตำลึงเงินกับอีกหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าอีแปะขอรับ” ลู่จื้อนับเสร็จก็บอกจำนวนที่นับได้ทันที
“ห๊าาา!! หกตำลึงเงินกับอีกหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าอีแปะเลยรึพี่ใหญ่” ลู่เสียนพูดซ้ำคำของพี่ชายอีกครั้ง เพราะคิดว่าตนต้องหูฝาดกับยอดเงิน
“อาจื้อ นี่ลูกคงไม่ได้นับผิดหรอกนะ ทำไมมันถึงได้เยอะเช่นนี้เล่า” มารดาอย่างฟางซินกลัวว่าลู่จื้อจะนับผิดจึงถามซ้ำ
ลู่ชิงมองทุกคนที่กำลังตกใจ กับรายได้ของวันนี้ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ นางคิดว่าอาหารทอดนี้จะทำขายไปสักพัก และจะลดจำนวนลงเพื่อเพิ่มอาหารรายการใหม่ทุก ๆ สามเดือน รายได้ก็จะไม่ต่ำลงไปกว่านี้แน่นอน แม้จะหักต้นทุนบางส่วนแล้วก็ยังมีกำไรอยู่ดี
“ท่านแม่เจ้าคะ พี่ใหญ่นับถูกแล้วล่ะวันนี้รายได้ของเราคือหกตำลึงเงินจริง ๆ และจากนี้ยอดขายอาหาร ก็จะไม่ต่ำกว่าห้าตำลึงต่อวันอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“แม่ไม่คิดว่าเราจะมีรายได้มากมายขนาดนี้ ขอบใจชิงเอ๋อร์แล้ว”
“ท่านแม่จะขอบใจข้าไปทำไมเจ้าคะ พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ชิงเอ๋อร์ได้ทำเพื่อทุกคนเป็นสิ่งที่สมควรแล้วเจ้าค่ะ”
“น้องเล็กพี่ใหญ่กับพี่รองสองคน จะสนับสนุนเจ้าเองไม่ว่าเจ้าอยากทำสิ่งใดจะยากหรือง่าย พี่ชายของเจ้าจะพยายามทำให้สำเร็จให้ได้”
“พวกเจ้าก็อย่าไปคิดถึงเรื่องเก่าเลย วันนี้เป็นวันดีของครอบครัวเราควรจะดีใจมากกว่านะ”
“ท่านพ่อพูดได้ถูกต้องเจ้าค่ะ รายได้วันนี้จะมีการจ่ายค่าแรงให้ทุกคน ๆ ละหนึ่งตำลึงเงินนะเจ้าคะ ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้เป็นกองกลางของบ้าน ให้ท่านแม่เป็นคนดูแล ทุกคนอย่าเพิ่งปฏิเสธ ข้าเข้าใจว่าพวกท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ที่ต้องจ่ายค่าแรงให้ทุกคน เผื่อว่าพวกท่านอยากจะซื้อของที่อยากได้ ถ้าไม่ใช้ก็เก็บเอาไว้ใช้ยามจำเป็นก็ได้เจ้าค่ะ ต่อไปหลังจากขายของแล้วจะทำเช่นวันนี้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะขายได้มากหรือน้อยก็จะแบ่งในจำนวนเท่า ๆ กันเจ้าค่ะ”
“พ่อลองคิดตามที่เจ้าพูดก็เห็นด้วยกับเจ้านะชิงเอ๋อร์ เจ้าใหญ่เจ้ารอง พ่อรู้ว่าพวกเจ้าสองคนมีสิ่งที่อยากได้ แต่ก่อนนั้นเราไม่มีเงินมากพอจะให้เจ้าสองคนไปซื้อได้ แตกต่างกับตอนนี้ที่พวกเรามีรายได้แล้ว เจ้าสองคนก็ทำตามความต้องการของตนเองเถิด”
“ขอบคุณขอรับท่านพ่อ/ขอบคุณขอรับท่านพ่อ”
ฟางซินที่เห็นบุตรชายมีอาการดีใจ จนปิดไว้ไม่อยู่ก็แอบมีน้ำตาคลอ นางสงสารบุตรชายยิ่งนัก เมื่อก่อนเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ ได้ร่ำเรียนในสำนักศึกษาของเมืองหลวง พอถูกไล่ออกมาก็ยังปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่คิดอาลัยอาวรณ์และคอยช่วยงานภายในบ้านอย่างดี
“ตอนนี้ทุกคนยอมรับกฎข้อนี้แล้วก็ไปพักผ่อนเถิด มื้อเที่ยงนี้พวกเราจะทานอาหารอร่อย ๆ ฉลองกับความสำเร็จในวันนี้กันเจ้าค่ะ”
“ชิงเอ๋อร์ ถ้ามีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกมาได้เลยนะ เจ้าก็พักผ่อนบ้างอย่าได้เหน็ดเหนื่อยจนเกินไป”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย