ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1088

“เอาตามนี้ สิ่งแรกที่ผมต้องทำก็คือเข้าหากานโนเซน นากะผ่านทางนานาโกะ!” หลังจากที่เย่เทียนอธิบายแผนการของตัวเองเสร็จก็พูดออกมาด้วยความแน่วแน่

“ได้!”

“เห็นด้วย!”

หัวหน้าทีมกับเชคอฟหันมาสบตากันแล้วพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะตามที่เย่เทียนวางแผนมา เย่เทียนได้รับหน้าที่ในส่วนที่อันตรายที่สุดไปแล้ว ที่เหลือก็แค่งานที่ไม่ค่อยอันตรายอย่างการเก็บกวาดพวกลูกน้อง แล้วพวกเขายังมีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธด้วย?

“แต่ถ้าเป็นแบบนี้พวกสถานการณ์ของคุณก็จะค่อนข้างอันตรายเลยไม่ใช่เหรอ?” เชคอฟพูดจบก็ถามพร้อมขมวดคิ้ว

“หึหึ ผมเคยพูดไปแล้วไม่ใช่รึไง ขอแค่เราสามารถควบคุมกานโนเซน นากะได้ งั้นแผนที่วางไว้ก็ไม่ได้อันตรายแล้ว!” เย่เทียนพูดออกมาด้วยความมั่นใจ

สำหรับเรื่องการทำลายนั้นเย่เทียนมีประสบการณ์ที่โชกโชนเลยล่ะ ส่วนเรื่องการควบคุมกานโนเซน นากะก็ต้องปล่ยให้เป็นหน้าที่ของช่ายเหมยเป่าแล้ว

ส่วนนานาโกะนั้น เย่เทียนมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องเห็นด้วยกับแผนนี้แน่นอน เพราะทันทีที่แผนของเขาสำเร็จ ยอดมนุษย์ทั้งหมดของประเทศหยิงอาจจะตกอยู่ในความโกลาหลเพราะเรื่องนี้ก็ได้ ถึงตอนนั้นยังจะสนใจนานาโกะอีกเหรอ?

ยิ่งคิดเย่เทียนก็ยิ่งตื่นเต้น ความฮึดสู้ในใจของเขาก็ลุกโชนขึ้นมาทันที

“ตาแก่ ผมจะท้ายสู้กับคุณ!” ถึงการเปลี่ยนประเด็นที่รวดเร็วของเย่เทียนจะทำให้คนอื่นๆ ตกใจ แต่ทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของเลือดปีศาจ ตอนนี้ทุกคนคงกำลังยิ้มที่ได้เห็นเย่เทียนถูกท่านจ้าวอัดแล้ว!

แต่สิ่งที่ทุกคนนึกไม่ถึงก็คือ หลังจากที่ได้ยินคำท้ายจากเย่เทียน ท่านจ้าวกลับเลือกที่จะปฏิเสธ!

“โอ๊ย! คนแก่จะฝืนสังขารไม่ได้ ฉันมันอายุมากแล้ว วันนี้ไม่ไหวแล้ว สู้ไม่ไหวแล้ว!” พูดจบท่านจ้าวก็เอามือขวาไปจับเอว แล้วเดินกระเผลกกระเผลกออกไป

แต่พอออกไปนอกห้องก็เห็นสาวสวยสองคนนั้น ท่านจ้าวจึงดีดตัวออกไป พุ่งเข้าไปอยู่ข้างๆ หญิงสาวทั้งสอง และไม่รู้ว่าพูดอะไร ไม่นานก็โอบหญิงสาวทั้งสองแล้วเดินจากไป เหลือไว้เพียงกลุ่มคนที่ในใจวุ่นวาย

“อะแฮ้ม ผมยังมีธุระต้องทำ ขอตัวก่อนนะ!”

“เออใช่ ผมก็เหมือนกัน เดี๋ยวก็จะออกเดินทางแล้ว ผมยังต้องไปเตือนพวกหมาป่ารุ่นเยาว์อีกว่าอย่าก่อเรื่องอะไรเข้า!”

ทุกคนต่างพากันเดินดุ่มๆ ออกไป เย่เทียนที่อยู่ตรงหน้าดูน่ากลัวมาก สายตาคู่นั้นราวกับจะกินคนแล้ว! แย่แล้ว! รีบหนี!

ต่างจากเย่เทียนที่อารมณ์ค่อนข้างดี ภายในโบสถ์คริสต์ที่ปกติค่อนข้างเงียบสงบตอนนี้กลับมีเสียงคนทะเลาะกันดังขึ้น

“แฟลิกส์ คุณต้องให้คำอธิบายกับผม! คำอธิบายที่สมบูรณ์แบบ!” อาร์ชบิชอป โบลล์ไม่หลงเหลือความอ่อนโยนที่เคยมี ตวาดใส่แฟลิกส์ เสียงดัง น้ำลายที่ออกจากปากพุ่งใส่หน้า แฟลิกส์ อย่างชัดเจน

แต่ไม่ว่าโบลล์จะโกรธยังไง แฟลิกส์ ก็ทำเหมือนไม่ใส่ใจ ราวกับโบลล์ที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงแค่อากาศ

“บัดซบ! คุณรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้มันก่อให้เกิดผลกระทบมากมายขนาดไหน? มีกองกำลังกว่าสิบฝ่ายเข้ามาประณามผมแล้ว คุณรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไอ้ตัวประหลาดนั่นไม่ไม่สมควรท่จะมีอยู่!” โบลล์บ่นอยู่ข้างๆ ไม่ต่างอะไรกับพวกผู้หญิงที่ขี้บ่นเลย

แฟลิกส์ ยังคงทำหน้าเรียบเฉย มีเพียงตอนที่ได้ยินคำว่าตัวประหลาดแววตาก็มีลำแสงที่เยือกเย็นวิ่งผ่าน จากนั้นเขาก็ลงมือแล้ว

ฝ่ามือใหญ่ๆ นั่นล็อกเข้าไปที่ลำคอของโบลล์ด้วยความเร็วที่ยากจะป้องกัน โบลล์ที่กำลังระบายอยู่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะจู่โจมเข้ามา เสียงที่พ่นออกมาก็หยุดลงทันที

“พูดพอรึยัง? ทำไมคุณถึงชอบทำแต่อะไรที่มันน่ารำคาญ!” แฟลิกส์ สบถออกมาจากนั้นก็ยกมือขึ้น แล้วยก โบลล์ลอยขึ้นจากพื้น

โบลล์ดิ้นรนอย่างหนัก แต่มือของแฟลิกส์ กลับเป็นเหมือนคีมเหล็ก ไม่ว่าจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด

“ท่านประธานผู้พิพากษา หยุดเถอะครับ!”

“ทำไมท่านสมเด็จพระสันตะปาปายังไม่ออกมาอีก ท่านประธานผู้พิพากษานี่ท่านบ้าไปแล้วเหรอ? นั่นมันบิชอปโบลล์นะครับ!”

เหล่าผู้ติดตามของโบลล์เริ่มแตกตื่น จึงรีบตะโกนใส่แฟลิกส์ แต่แฟลิกส์ กลับทำเหมือนไม่ได้ยิน สายตาจ้องมองไปที่โบลล์

ในที่สุดเหล่าผู้ติดตามของโบลล์ก็ทนไม่ไหว ทำเสียงฮึดฮัดแล้วชักกระบี่ออกมา แต่พอเขาขยับก็รู้สึกว่ามีอะไรดำๆ ผ่านหน้าไป จากนั้นมือที่เต็มไปด้วยเกล็ดก็วางอยู่ที่คอเขา กลิ่นคาวเลือดที่เหม็นหึ่งนั่นทำให้รู้สึกขยะแขยง

สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดไม่ใช่พวกนั้น แต่กลับเป็นดวงตาที่จ้องมาที่เขาคู่นั้น

สีเทาอ่อน เต็มไปด้วยเส้นเลือด แววตาว่างเปล่าแต่ด้านชา ทำให้รู้สึกตัวสั่นทั้งที่อากาศไม่ได้หนาว

การถูกจ้องมองด้วยสายตาแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการถูกยมทูตจ้องมองเลย ในใจมีแต่ความกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย

แต่ดีที่เสียงของแฟลิกส์ ดังขึ้น ถึงได้หยุดมือที่กำลังจะเจาะทะลุลำคอของเขาไว้ได้

“ที่นี่คือวิหาร ในวิหารห้ามมีการปนเปื้อนของเลือด!”

คำพูดของแฟลิกส์ ทำให้เลือดปีศาจถอยไปทันที แต่การปรากฏตัวของเลือดปีศาจทำให้ทุกคนตกใจจนช็อก สายตาที่มองเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความแตกตื่นและหวาดกลัว….

“ต่อไปเอาเรื่องพวกนี้มากวนผมให้มันน้อยๆ หน่อย! จะจัดการพวกนั้นยังไงมันก็เรื่องของคุณ แต่หน้าที่ของผมคือทำให้คริสตจักรยิ่งใหญ่ขึ้น ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน! ข้าใจมั้ย?”

แฟลิกส์ ค่อยๆ ดึงมือกลับ แล้วเหวี่ยงโบลล์ไว้ตรงหน้า จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกว่า “ผมไม่อยากพูดซ้ำเป็นรั้งที่สอง! และผมก็คิดว่าคุณไม่น่าจะมีโอกาสได้ฟังอีก!”

อยู่ข้างนอกเป็นถึงโบลล์ผู้สูงส่ง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่างร่างกายท่อนล่างของตัวเองอ่อนแรง สีหน้าทั้งโกรธทั้งอาย บัดซบ ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วรึไง? มันไม่สนใจความรู้สึกของสมเด็จพระสันตะปาปาแล้วรึไง?

แม่งเอ๊ย ลูกชายแกตายไปคนหนึ่งคงไม่คิดจะลากคริสตจักรตายไปด้วยหรอกนะ!

หัวใจที่บริสุทธิ์ของโบลล์เริ่มไม่พอใจขึ้นมา แต่กลับไม่กล้าแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมา พอเขาถูกแฟลิกส์ ปล่อยลงพื้น ก็รีบพาคนของตัวเองหนีเตลิดไปทันที

แฟลิกส์ ยืนมองพวกเขาจากไปอย่างนิ่งเฉย โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

ไม่นานอากาศตรงหน้าก็เคลื่อนไหว ใบหน้าที่ชราของสมเด็จพระสันตะปาปาก็ได้ปรากฏขึ้น “แฟลิกส์ คุณใจร้อนเกินไปแล้ว!”

“มีแต่การฆ่าฟันจึงจะหยุดยั้งการฆ่าฟันได้! นี่แหละหลักการของศาลศาสนา ฝ่าบาท!”

สมเด็จพระสันตะปาปาทำหน้าเคร่งขรึมลงไปนิดหน่อย สุดท้ายก็แค่ถอนหายใจ “หวังว่ามันยังจะทัน!” พูดจบสายตาของสมเด็จพระสันตะปาปาก็มองไปที่เลือดปีศาจ

เลือดปีศาจนั้นเป็นตัวตนที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แต่พอรู้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปามองมาที่ตน เขาก็ถึงกับต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วแสดงท่าทางที่ระแวดระวัง

“ดีมาก! แฟลิกส์ ยังไงการอดทนมันต้องได้รับการตอบแทนแน่นอน ผมรอคอยความสำเร็จของคุณอยู่นะ!” สมเด็จพระสันตะปาปาถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ

แฟลิกส์ กำหมัดขวา จากนั้นก็ยกขึ้นมาทุบอกเบาๆ “ผมไม่มีทางทรยศความคาดหวังของฝ่าบาทแน่นอนครับ พวกที่ก่อความวุ่นวายเหล่านั้นก็จะถูกคริสตจักรของเราทำลายล้างเหมือนกัน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่