ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1087

เชคอฟทำหน้าเคร่งขรึม คีบบุหรี่ไว้ในมือ นั่งอยู่บนเก้าอี้หมุน มือซ้ายเคาะไปที่โต๊ะเบาๆ

แบบนี้ยิ่งทำให้ความตึงเครียดในห้องเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

“เมื่อกี้เราเพิ่งได้รับข้อมูลมา มีตัวประหลาดที่ชื่อว่าเลือดปีศาจลอบโจมตีฐานลับ คนในฐานลับนั้นไม่มีใครหนีออกมาได้!”

พูดจบเชคอฟก็ดันเอกสารในมือมาข้างหน้า รูปถ่ายในนั้นเต็มไปด้วยเลือด ต่อให้แค่เห็นก็สามารถจินตนาการถึงสถานที่ที่โชกด้วยเลือดนั่น มันทำให้ทุกคนถึงกับตกใจ

การลงมือของเลือดปีศาจค่อนข้างโหดเหี้ยม ศพที่อยู่ในรูปไม่มีอันไหนที่อยู่ครบสมบูรณ์เลย บางคนก็ถูกพลังวิเศษโจมตีจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ และมีบางคนที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ถ้าจะหาคนที่สมบูรณ์ที่สุดก็คงจะเป็นคนสุดท้ายที่ถูกตัดหัว ตายในทีเดียว ไม่มีแผลจากการโจมตีครั้งที่สอง

ถึงเย่เทียนจะไม่ค่อยเห็นค่าพวกฐานลับสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเขาอยากจัดการจัดการพวกเขาในทีเดียวแบบนี้มันก็เป็นไปไม่ได้เลย

การที่จะทำแบบนี้ได้ก่อนอื่นก็ต้องมีฝีมือระดับหนึ่ง ความเร็วในการฆ่าก็ต้องสูงถึงขั้นที่อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน

“เลือดปีศาจนี่มาจากไหน?” ว่ากันตามตรง สำหรับเย่เทียนแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ซะทีเดียว ในฐานลับนั่นมีพวกคนเก่งที่เป็นภัยต่อสังคมรวมตัวอยู่เยอะมาก มันแตกต่างจากสัญชาตญาณของพวกมนุษย์หมาป่า

มนุษย์หมาป่าเป็นพันธมิตรของเขา แต่คนพวกนั้นไม่ใช่!

“เลือดปีศาจนี่พวกเราก็ไม่รู้จัก เหมือนจู่ๆ มันก็โผล่มา พลังในการทำลายล้างสูงมาก เล่นเอาพวกเราไม่รู้จะรับมือยังไงเลย!” เชคอฟยีหน้าผาก สมาคมลับนั่นเป็นถึงหนึ่งในแห่งข้อมูลของพวกเขาเลย ตอนนี้ดันมาโดนทำลายไปแล้ว มันจึงส่งผลกับพวกเขามาก

“ฟังจากที่คุณพูด เลือดปีศาจนั่นคงไม่ใช่พวกเดียวกับคริสตจักรหรอกมั้ง!” เย่เทียนผายมือออก

“อันนี้ก็ไม่แน่!” ท่านจ้าวที่เงียบอยู่นานจู่ๆก็พูดออกมา

และคำพูดของเขาก็ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที เย่เทียนก็มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร

หลังผ่านการโดนกระทืบมาตลอดหลายวัน…ไม่สิ การฝึกพิเศษเย่เทียนก็เข้าใจการโจมตีของท่านจ้าวได้อย่างถ่องแท้แล้ว แถมยังสามารถควบคุมฝ่ามือจ้งเหินไป่เหอได้ถึงขั้นต้นแล้ว ตอนแรกวันนี้คือวันที่เขาจะเอาคืนท่านจ้าว เพื่อแก้แค้นที่มีก่อนหน้า

แต่นึกไม่ถึงว่าเพราะเรื่องของเลือดปีศาจเลยถึงเรียกมานี่

ท่านจ้าวไม่แม้แต่จะมองเย่เทียน และพูดเองเออเองว่า “เรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงแผนการลับของกับศาลศาสนาคริสตจักร พวกเขากำลังทดลงใช้สารพันธุกรรมพิเศษที่มีในการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเผ่าเลือดและมนุษย์หมาป่า และทำการควบคุมพวกเขา!”

“ว่าไงนะ?” เชคอฟตบโต๊ะอย่างกะทันหัน รูม่านตาหดเล็ก จ้องมองท่านจ้าวด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

เรื่องนี้เขาไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลย แล้วทำไมคนนอกอย่างท่านจ้าวถึงรู้เรื่องได้ล่ะ?

ท่านจ้าวยิ้มออกมาเล็กน้อย อย่ามองว่าอยู่ข้างนอกนั่นมนุษย์หมาจะป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นคู่ปรับกับเผ่าเลือดและคริสตจักรเลย แต่ในสายตาของผู้แข็งแกร่งรุ่นใหญ่อย่างพวกเขานั้นเป็นอะไรที่ขัดหูขัดตามาก เป็นแค่พวกสมองนิ่ม ถ้าพวกเขาอยู่ที่ประเทศจีน คงถูกล้างเผ่าพันธุ์ไปแล้ว!

เป็นถึงกองกำลังที่แข็งแข็งแกร่งในพื้นที่กลับไม่มีข้อมูลอะไรเลย มันน่าเจ็บปวดมากเลยนะ!

แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ท่านจ้าไม่มีทางพูดออกไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้รู้สึกว่าตัวเองด้วยค่าไม่ใช่รึไง? ใช้นิ้วเคาะเรียนแบบเชคอฟไปที่โต๊ะหลายที “จากข้อมูลที่ฉันได้รับมาตอนนี้ มีความเป็นไปได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่เลือดปีศาจนั่นจะมาจากคริสตจักร!”

เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา มันก็ทำให้หัวหน้าทีมลำตัวตั้งตรงขึ้นมาทันที แล้วมองท่านจ้าวอย่างลึกซึ้ง

ต้องเข้าใจว่าต่อให้เป็นทีมสายฟ้าอย่างพวกเขายังไม่มีข้อมูลรายงานเข้ามาเลย ท่านจ้าวผู้ลึกลับนี่ดันมีข้อมูลที่เพียงพอแล้ว ถ้าท่านจ้าวไม่มีฝีมือมากพอที่จะกระทืบเย่เทียนได้ เขาคงคิดว่าท่านจ้าวเป็นพวกสิบแปดมงกุฎไปแล้ว!

ถ้าเย่เทียนรู้ว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวประกอบแบบนี้แล้วเขาจะระเบิดความคลั่งออกมาได้ยังไง!

สำหรับคำพูดของท่านจ้างเย่เทียนก็ค่อนข้างเชื่อ มันจึงทำให้เขาถึงกับต้องขมวดคิ้ว “ดูท่านี่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่เราต้องเจอแล้ว!”

ถึงเลือดปีศาจจะดูโหดร้ายจนน่าตกใจ แต่เย่เทียนที่ผ่านการฝึกฝนมาตั้งหลายวันก็ยังไม่ได้รู้สึกกลัว แถมยังรู้สึกตื่นเต้นอีกด้วย

มันน่าจะเป็นข้อเสียของนักบู๊ละมั้ง! เมื่อพบกับคู่ต่อสู้ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นก็อยากรีบลองเขาไปสู้ด้วยทันที อยากอ้าแขนรับ แต่ไม่ใช่หดหัวด้วยความกลัว

ท่านจ้าวมองออกทันทีว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรอยู่ ความจริงการพัฒนาของเย่เทียนในหลายวันนี้มันก็ทำให้เขาตกใจเหมือนกัน จะบอกว่าคนมีพรสวรรค์เขาเองก็เจอมาเยอะ แต่คนที่สามารถทำได้อย่างเย่เทียนนี่ยังไม่เคยมีจริงๆ!

ตอนนี้ต่อให้เป็นเขาก็ไม่กล้าบอกว่าจะสามารถสั่งสอนเย่เทียนได้อย่างตามใจชอบแล้ว นี่มันแค่กี่วันเอง? เย่เทียนก็พัฒนาได้ถึงขั้นนี้แล้ว มันช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้!

“ฉันยังมีข้อมูลอีกอย่าง บางทีพวกเธออาจจะสนใจกว่าเดิมก็ได้!”

พูดจบท่านจ้าวก็หยิบแท๊ปเล็ตขึ้นมา กดๆ ไปไม่กี่ที หน้าจอของแท็ปเล็ตก็กลายเป็นเครื่องโปรเจ็กเตอร์ แล้วฉายภาพเหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา

มันเป็นคลิปสั้นๆ มีความยาวแค่ประมาณครึ่งนาที แต่หลังจากที่ทุกคนได้ดูก็พากันนิ่งเงียบ แม้แต่เย่เทียนก็ยังต้องขมวดคิ้ว

“นี่พวกคริสตจักรคิดจะทำอะไรเนี่ย?” เย่เทียนพึมพำกับตัวเอง

ถ้าพูดถึงการลอบโจมตีสาขาแห่งความมืดเมื่อกี้ยังพอเข้าใจได้ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน!

ยอดมนุษย์ที่อยู่ในคลิปชัดเจนว่าเป็นคนอเมริกา ไม่ได้ใกล้เคียงกับพวกกองกำลังในเงามืดเลย แต่พวกเขาก็กลายเป็นเป้าหมายของเลือดปีศาจเหมือนกัน

และครั้งนี้ทุกคนก็ได้เห็นการโจมตีของเลือดปีศาจแล้วเหมือนกัน พุ่งโจมตีแล้วฉีกกระชาก

การพุ่งโจมตีของเลือดปีศาจราวกับเป็นการเทเลพอร์ต มันเกินกว่าสิ่งที่มนุษย์จะสามารถทำได้ไปแล้ว ในกลุ่มคนเหล่านี้คนที่ฝีมือดีที่สุดกลับเป็นลู่จื่ออันที่ดูไม่ค่อยได้เรื่อง แต่หลังจากที่เขาได้ดูการเคลื่อนไหวของเลือดปีศาจ ก็ได้พูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ผมต้านไม่ไหว!” จากนั้นก็เงียบไป

“บางที่นี่อาจไม่ใช่ความต้องการของคริสตจักร แต่เป็นความต้องการของใครบางคน!” ท่านจ้าวยิ้มแล้วลูปเคราเล่น

พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้นก็เกิดตงิดใจขึ้นมา จากนั้นก็เคาะโต๊ะ “สำหรับพวกเราแล้วมันไม่มีอะไรต้องจริงจังเลย ไม่ว่าเลือดปีศาจจะอยู่ฝ่ายไหน การปรากฏตัวของเขามันจะทำลายบรรยากาศที่มีอยู่โดยรอบ สำหรับเราแล้วมันเป็นเรื่องที่ดี!”

พูดจบเย่เทียนก็เอามือมาลูบคาง หรี่ตาแล้วพูดต่อ “บางทีคงต้องเปลี่ยนแผนที่เราจะแฝงตัวเข้าไปในครูเสด สันตะปาปาหน่อยแล้ว!”

“ยังไง?” หัวหน้าทีมขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองเย่เทียน

สำหรับคนที่คุ้นเคยกับการทำตามคำสั่งแล้วต้องมาเปลี่ยนแผนแบบนี้มันถือเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมาก แต่เย่เทียนได้แสดงความสามารถที่ทำให้เขาเคารพออกมาแล้วเขาจึงจำเป็นต้องรับฟังว่าเย่เทียนจะพูดอะไร

“ในเมื่อพวกคริสตจักรไม่ได้มีใจเป็นหนึ่ง งั้นก็แสดงว่าภายในคริสตจักรมีคนอีกมากที่ไม่เห็นด้วยกับการที่สมเด็จพระสันตะปาปาเรียกประชุมยอดมนุษย์ในครั้งนี้ ความขัดแย้งของพวกนั้นเราไม่ต้องยุ่ง แต่การฉวยโอกาสในจุดนี้สิที่เป็นจุดแข็งของเรา!” เย่เทียนยิ้มแล้ว ยิ้มออกมาได้ชั่วร้ายมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่