โดนสายตาอันน่ากลัวของเย่เทียนจับจ้อง กู้กวนชีกลัวถึงขีดสุด พยักหน้าตามสัญชาตญาณ
“งั้นก็ดี เธอทำเหมือนว่าฉันยังไม่รู้ตัวตนของเธอ เมื่อก่อนรายงานพวกเขายังไงหลังจากนี้ก็ทำต่อไป ขอแค่เธอทำตามที่ฉันสั่ง ฉันรับประกันได้ว่าเธอและครอบครัวของเธอจะไม่เป็นอะไร”
เย่เทียนกล่าว “แต่ถ้าเธอไม่เชื่อฟังฉัน ฉันรับรองว่าไม่ต้องให้พวกเขาลงมือ ฉันนี่แหละคนแรกที่จะปลิดชีพเธอ ได้ยินมั้ย!”
“อื้มๆ”
ภายใต้บารมียิ่งใหญ่ของเย่เทียน กู้กวนชีรู้ว่าตัวเองเหมือนเรือเล็กกลางมหาสมุทร เธอกลัวจนหมดเรี่ยวแรง
หลังจากทั้งขู่ทั้งเตือนกู้กวนชีไปแล้ว เย่เทียนก็รีบกระโจนลงจากตึก พุ่งไปยังที่น่าคนขับและมุ่งหน้าไปที่เฉินหวั่นชิงอยู่ในตอนนี้
ทั้งๆที่เป็นแค่รถตู้ขนาดเล็ก แต่พออยู่ในมือของเย่เทียนกลับให้ความรู้สึกเหมือนรถสปอร์ต แล่นอย่างรวดเร็วบนถนนใหญ่ที่เต็มไปด้วยคันรถประหนึ่งจรวด
แถมเย่เทียนยังทำอย่างอื่นไปด้วย เขาหยิบมือถือออกมาและโทรหาเบอร์เฉินหวั่นชิง
แต่โทรไม่ติดเลย ทำให้เย่เทียนร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ
“เธออย่าเป็นอะไรนะ”
เย่เทียนพึมพำกับตัวเอง และเหยียบคันเร่งแรงขึ้นไปอีก รถส่งเสียงเหมือนปีศาจคำราม และมุ่งหน้าไปที่ฐานการวิจัยด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
……
ภายในฐานการวิจัย
แม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่า เลยเวลาเลิกงานตามปกติไปนานแล้ว แต่ภายในห้องวิจัยบางห้องยังเปิดไฟสว่างจ้าอยู่ นักวิจัยในชุดขาวหลายคนกำลังยุ่ง
หลังจากพลิกหน้าข้อมูลวิจัยไปจนถึงหน้าสุดท้ายแล้ว คิ้วเรียวของเฉินหวั่นชิงก็ขมวดเป็นปมและเอ่ยขึ้น "เหล่าเฉิง นี่มัน….."
ปึ้ง!
แต่ไม่ทันที่เฉินหวั่นชิงจะได้พูดอะไรออกมา ประตูด้านหลังก็ถูกถีบให้เปิดอย่างแรง
กรี๊ด!
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ส่งผลให้นักวิจัยหญิงคนหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องตามสัญชาตญาณ มือเล็กเรียวที่กำลังจะเทสารเคมีลงภาชนะตรงหน้าสั่นนิดหน่อย น้ำยาเคมีเต็มหลอดถูกเทลงไปทั้งหมด
ตู้มตู้ม!
ภายใต้ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้น ภาชนะตรงหน้านักวิจัยหญิงระเบิดอย่างแรง เปลวไฟกระโจนออกมาท่วมท้นทั้งโต๊ะที่ทำการทดลอง และเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น
ทว่า รวมเฉินหวั่นชิงเข้าไปด้วย เหล่าคนมีความรู้ไม่ได้ไปดับไฟในทีแรก
ไม่มีเหตุผลอื่น ทั้งหมดก็เพราะมีคนต่างชาติตัวใหญ่สูงล่ำสองคนบุกเข้ามาตรงประตู ซึ่งเป็นคนแปลกหน้า!
ที่สำคัญที่สุดคือคนต่างชาติทั้งสองถืออาวุธปืนไว้ในมือด้วย จนทุกคนไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร?
เปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ปล่อยควันออกมาจำนวนมาก สุดท้ายสัญญาณเตือนไฟไหม้บนเพดานก็ส่งเสียงดัง
เดิมทีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็เป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัยอยู่แล้ว เฉินหวั่นชิงลงแรงไปกับการดับไฟไปไม่น้อย เสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ที่นี่สามารถได้ยินอย่างชัดเจนในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร
คนต่างชาติร่างใหญ่สองคนที่พยายามลักพาตัวเฉินหวั่นชิงชะงักไป
พวกเขาแทรกซึมเข้ามาอย่างระมัดระวัง อุตส่าห์มาถึงที่นี่ได้โดยไม่ให้ใครรู้ตัว แต่พอผลักประตูเข้ามาก็ทำให้เสียงดังขนาดนี้ นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!
“ฟัค!"
ชายผมบลอนด์ที่มีชื่อว่าจอห์นสบถ
ชายผมน้ำตาลด้านข้างเขาทอดสายตาไปที่เฉินหวั่นชิง
"คุณเฉิน ต้องขออภัยที่เราต้องมาพบกันในสถานการณ์แบบนี้"
"พวกคุณเป็นใคร แล้วต้องการอะไร?"
เฉินหวั่นชิงขมวดคิ้วเรียวเป็นปม
"คุณเรียกผมว่าทอมมี่ก็ได้ครับ"
ชายผมน้ำตาลคลี่ยิ้ม "ที่มาครั้งนี้ผมหวังว่าคุณเฉินจะไปกับพวกเรา เจ้านายของพวกเราต้องการพบคุณ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่